xs
xsm
sm
md
lg

“คอนติเนนทอล” ไม่หวั่นไฮบริด เชื่อดีเซลกวาดแชร์ 80%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“คอนติเนนทอล” ไม่หวั่นตลาดไฮบริด มั่นใจตลาดเครื่องยนต์ดีเซลแกร่ง คาดในปี 2573 กวาดแชร์รถใหม่กว่า 80%

นาย วูล์ฟกัง บรูเออร์ หัวหน้าหน่วยธุรกิจระบบเครื่องยนต์ บริษัท คอนติเนนทอล ออโตโมทีฟ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า คอนติเนนทอล ฉลองครบรอบ 10 ปี ก่อตั้งโรงงานผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์ ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง นับเป็นฐานผลิตระบบหัวฉีดดีเซล ระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้



ปัจจุบัน มีพนักงานกว่า 500 คน โรงงานแห่งนี้ เป็นฐานผลิตของกลุ่มธุรกิจระบบขับเคลื่อน ประกอบด้วย เครื่องยนต์ดีเซล ได้แก่ หัวฉีดดีเซล และปั๊มแรงดันสูง ให้แก่ผู้ผลิตรถยนต์ในไทย จีน ทวีปยุโรป และอเมริกาใต้


ขณะที่อาเซียนเป็นภูมิภาคที่มีอุตสาหกรรมยานยนต์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกและมีศักยภาพการเติบโตที่สูง ดังนั้น โรงงานผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์ในอมตะซิตี้ จึงเป็นฐานการผลิตเครื่องยนต์ที่สำคัญในตลาดภูมิภาคอาเซียน ทั้งด้านภูมิศาสตร์และด้านกลยุทธ์ ซี่งในภูมิภาคนี้ เครื่องยนต์ดีเซลของรถโดยสารและรถเชิงพาณิชย์ มีส่วนแบ่งตลาดเกือบ 50% ทั้งส่วนแบ่งทางการตลาดของระบบเครื่องยนต์ดีเซลยังคงมีความมั่นคงอีกด้วย





“คอนติเนนทอล” เชื่อว่า แม้ความก้าวหน้าของระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าจะเพิ่มมากขึ้น แต่รถที่ใช้เครื่องยนต์ระบบเผาไหม้จะยังคงมีความสำคัญสำหรับรถยนต์ทั่วโลก และคาดว่าในปี 2573 รถยนต์ใหม่ทั้งหมดกว่า 80% จะยังคงติดตั้งเครื่องยนต์ดังกล่าว อันเป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีเครื่องยนต์ระบบไฮบริด


นาย บรูเออร์ กล่าวเสริมว่า “เครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่จะยังคงมีบทบาทสำคัญ เนื่องจากความสามารถการลดปริมาณการปล่อยมลพิษ เมื่อเทียบกับสัดส่วนของเครื่องยนต์ดีเซลขนาดเล็กที่ลดลง ในขณะที่ส่วนแบ่งทางการตลาดของรถยนต์เชิงพาณิชย์ที่ใช้น้ำมันดีเซลก็ยังคงมีความมั่นคงไม่ผันผวน”




สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลขนาดใหญ่อย่างรถเอสยูวี และรถบรรทุก “คอนติเนนทอล” สามารถผลิตหัวฉีดดีเซล และปั๊มแรงดันสูง ให้แรงดันได้ถึง 2,500 บาร์



นายแพททริค ชมิทท์ ผู้จัดการทั่วไป โรงงานผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์ กล่าวว่า คอนติเนนทอล ให้ความสำคัญด้านการทำงานและการใช้ชีวิตที่สมดุล เพื่อความพึงพอใจของพนักงาน โดยนำระบบการทำงานแบบยืดหยุ่นมาปรับใช้ในองค์กรถึง 90% โดยให้พนักงานทุกระดับสามารถปรับใช้ระบบการทำงานได้ทั้งแบบพาร์ทไทม์และแบบยืดหยุ่น พร้อมกันนี้ ยังได้รับใบรับรอง “5S Best in Class” จากสถาบันไคเซ็น ประเทศญี่ปุ่น โดยมุ่งสร้างมาตรฐานและปรับปรุงระบบการทำงานในองค์กรให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูงสุด




กำลังโหลดความคิดเห็น