เมอร์เซเดส-เบนซ์ เจ้าตลาดรถยนต์หรูของไทย ซึ่งค่ายนี้ขึ้นชื่อในเรื่องของการจัดกิจกรรมขับขี่ปลอดภัยและมีคอร์สเรียนการขับรถอย่างถูกต้องให้กับลูกค้าและว่าที่ลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ นัยหนึ่งเพื่อพัฒนาการขับรถของแต่ละบุคคลให้ดีขึ้น แต่อีกนัยหนึ่งคือ การได้ลองฟังก์ชั่นต่างๆ ของตัวรถรวมถึงได้ลองขับรถหลากหลายรุ่นของค่ายแห่งดวงดาวนี้ ที่วันนี้คุณอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนว่า เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทำรถแบบนี้ได้ด้วย

สำหรับกิจกรรมMercedes-Benz Driving Event 2018 รอบนี้จัดขึ้นที่สนาม พีระ เซอร์กิต พัทยา มี 4 สถานีหลักให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ทดลองขับกันพอหอมปากหอมคอ กับทีมครูฝึกนำเข้าจากต่างประเทศร่วมกับทีมงานไทยในการให้ความรู้เกี่ยวกับการขับขี่ที่ถูกต้องอย่างมืออาชีพ
ส่วนรถที่นำมาให้ขับในกิจกรรมรอบนี้มีจำนวน18 รุ่น กว่า 20 คัน หากไล่เรียงทุกรุ่นหน้ากระดาษคงไม่พอ ดังนั้นจึงขอตัดเฉพาะในส่วนของคันที่เราได้ขับเท่านั้น เพื่อความเหมาะสม เริ่มกันที่สถานีแรกของเรา

สถานีสลาลม(Slalom)
เราทดลองขับสถานีนี้ด้วย เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอส 300 ดี โฉมใหม่ล่าสุดที่เพิ่งจะเปิดตัวในปีนี้ ซึ่งมากับ AMG แพคเกจ ตกแต่งเพิ่มความหรูหราสไตล์สปอร์ตขึ้นอีกระดับ สำหรับสิ่งแตกต่างของซีแอลเอสใหม่ จากโฉมก่อนหน้าหลักๆ คือ การมีเบาะแบบ 5 ที่นั่ง อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย เครื่องยนต์ดีเซลแบบ 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ค่าตัว 4,980,000 บาท
การขับในแบบสลาลมของซีแอลเอส ออกตัวแบบคิกดาวน์ทันใจหายห่วงด้วยแรงบิดมหาศาลระดับ 500 นิวตันเมตร ขณะที่กำลังสูงสุด 245 แรงม้า เพียงพอต่อความสนุกในการขับขี่แบบสลาลม การทรงตัวและเกาะถนนเวลาหักเลี้ยว คือสิ่งที่เราประทับใจ ซีแอลเอส ทรงตัวได้ดี ควบคุมง่าย ไม่มีย้วย
ครูฝึกให้ทริคในการขับแบบสลาลมว่า ไม่ควรหักพวงมาลัยแรงเกินไป เพราะจะทำให้รถเสียการทรงตัวได้ง่าย ควรหักเพียงเล็กน้อยและมองไปข้างหน้าถึงจุดต่อไปที่จะเลี้ยว รวมถึง ความเร็วที่ใช้เข้าโค้งนั้นต้องเหมาะสมกับขนาดของตัวรถ หลังจากนั้นเป็นคิวในสถานีต่อไป

สถานีออกตัวแบบรถแข่ง (Race Start)
ระบบออกตัวแบบรถแข่งของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ นั้นจะมีเฉพาะในรุ่น Mercedes-AMG รุ่น 45 เท่านั้น (รุ่น 43 ไม่มีระบบนี้) ซึ่งรถที่นำมาให้เราทดลองขับในรอบนี้มี CLA 45 4Matic, A 45 4Matic และ GLA 45 4Matic เพียง 3 รุ่นที่มีระบบเรซสตาร์ทดังกล่าว
การเปิดระบบก็ไม่ยากเพียงแค่กดเบรกค้างไว้ แล้วเข้าเกียร์ D หลังจากนั้นกดแป้นเปลี่ยนเกียร์พร้อมกันทั้งซ้ายและขวา ระบบจะขึ้นข้อความมาถามว่า จะเริ่มการออกตัวแบบรถแข่งหรือไม่ เราเพียงกดแป้นขวาเพื่อตอบรับว่า ใช่ หลังจากนั้น จะได้ยินเสียงเครื่องยนต์คำรามแบบรถแข่ง แล้วกดคันเร่งกระแทกพร้อมปล่อยแป้นเบรกทันที รถจะพุ่งไปข้างหน้าแบบรวดเร็วด้วยแรงดึงมหาศาล อดีนาลีนพุ่งพล่านอย่างไม่ต้องสงสัย
ถัดมาเป็นการขับเข้าโค้งในเลนแคบๆ เพื่อฝึกทักษะการเข้าโค้งและดูความรู้สึกของช่วงล่างเวลาที่เข้าโค้งแรงๆ ว่าเป็นอย่างไร เกาะโค้งดีหรือไม่ โดยทีมงานวางกรวยยางเพื่อบังคับไลน์การขับเข้าโค้งให้ถูกต้องเอาไว้ด้วย นับว่าเป็นอีกหนึ่งบทเรียนเพื่อให้ทราบถึงไลน์การเข้าโค้งที่ถูกต้อง เพื่อนำมาปรับใช้กับการขับขี่ในชีวิตประจำวันได้

สถานีเปลี่ยนเลนกระทันหันและเบรกฉุกเฉิน(Lane Change)
จำลองสถานการณ์ที่เราต้องหักหลบกระทันหัน และเบรกฉุกเฉิน โดยวิ่งด้วยความเร็วราว 60-80 กม./ชม. ผ่านกรวยยางที่ตั้งขวางเอาไว้ แล้วหักหลบสิ่งกีดขวางกระทันหัน ตามสัญญาณไฟว่าจะให้หักไปทางซ้ายหรือขวา โดยสถานีนี้เราได้ขับรุ่น อีแอลซี ซึ่งเป็นแบบเอสยูวี
ทัศนวิสัยของจีแอลซี มีมุมมองที่กว้างขวางดี ทำให้เมื่อเข้าถึงจุดที่ต้องหักหลบมองเห็นได้อย่างชัดเจน แม้ตัวรถจะสูงแต่ไม่เป็นปัญหา ระบบช่วงล่างทรงตัวรับแรงเหวี่ยงจากการหักพวงมาลัยกระทันหันได้ ไม่มีอาการเสียการทรงตัวแต่อย่างใด เรายังบังคับควบคุมแบบมั่นใจได้

ถัดมาเป็นการจำลองการเบรกแบบกระทันหัน ให้เรากะระยะเบรกเอง โดยจะต้องเบรกให้อยู่ในกรอบกรวยยางที่ตั้งเอาไว้ให้ได้ ทั้งนี้เพื่อความสนุกในการทดลองทีมงานจึงตั้งกติกาปล่อยรถแบบเป็นคู่เพื่อแข่งขันกันว่า ใครจะสามารถหยุดนิ่งได้ก่อน เราใช้ ซี43 เอเอ็มจี ประกบคู่กับ ซี43 เอเอ็มจี เช่นเดียวกัน ผลลัพท์คือ จอดหยุดได้ในจุดที่ใกล้เคียงกันมาก มั่นใจกับระบบเบรกได้อย่างเต็ม 100%

สุดท้ายจบกิจกรรม Mercedes-Benz Driving Event รอบนี้ด้วยการให้ทดลองขับแบบ Hot Lap โดยมีครูฝึกขับนำรอบสนาม 2 รอบ เพื่อศึกษาไลน์การเข้าโค้ง การเติมคันเร่ง การเบรก ให้ถูกต้อง แม้จะน้อยไปสักหน่อยสำหรับสายฮาร์ด คอร์ แต่สิ่งหนึ่งที่เราทุกคนได้คือ การได้ลองรถหลากหลายรุ่นในกิจกรรมรอบเดียว ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อรถได้อย่างดี เพราะการลองขับแบบนี้ทำให้รู้ว่าชอบคันที่เล็งไว้หรือชอบคันอื่นมากกว่านั่นเอง
























สำหรับกิจกรรมMercedes-Benz Driving Event 2018 รอบนี้จัดขึ้นที่สนาม พีระ เซอร์กิต พัทยา มี 4 สถานีหลักให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ทดลองขับกันพอหอมปากหอมคอ กับทีมครูฝึกนำเข้าจากต่างประเทศร่วมกับทีมงานไทยในการให้ความรู้เกี่ยวกับการขับขี่ที่ถูกต้องอย่างมืออาชีพ
ส่วนรถที่นำมาให้ขับในกิจกรรมรอบนี้มีจำนวน18 รุ่น กว่า 20 คัน หากไล่เรียงทุกรุ่นหน้ากระดาษคงไม่พอ ดังนั้นจึงขอตัดเฉพาะในส่วนของคันที่เราได้ขับเท่านั้น เพื่อความเหมาะสม เริ่มกันที่สถานีแรกของเรา
สถานีสลาลม(Slalom)
เราทดลองขับสถานีนี้ด้วย เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอส 300 ดี โฉมใหม่ล่าสุดที่เพิ่งจะเปิดตัวในปีนี้ ซึ่งมากับ AMG แพคเกจ ตกแต่งเพิ่มความหรูหราสไตล์สปอร์ตขึ้นอีกระดับ สำหรับสิ่งแตกต่างของซีแอลเอสใหม่ จากโฉมก่อนหน้าหลักๆ คือ การมีเบาะแบบ 5 ที่นั่ง อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย เครื่องยนต์ดีเซลแบบ 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ค่าตัว 4,980,000 บาท
การขับในแบบสลาลมของซีแอลเอส ออกตัวแบบคิกดาวน์ทันใจหายห่วงด้วยแรงบิดมหาศาลระดับ 500 นิวตันเมตร ขณะที่กำลังสูงสุด 245 แรงม้า เพียงพอต่อความสนุกในการขับขี่แบบสลาลม การทรงตัวและเกาะถนนเวลาหักเลี้ยว คือสิ่งที่เราประทับใจ ซีแอลเอส ทรงตัวได้ดี ควบคุมง่าย ไม่มีย้วย
ครูฝึกให้ทริคในการขับแบบสลาลมว่า ไม่ควรหักพวงมาลัยแรงเกินไป เพราะจะทำให้รถเสียการทรงตัวได้ง่าย ควรหักเพียงเล็กน้อยและมองไปข้างหน้าถึงจุดต่อไปที่จะเลี้ยว รวมถึง ความเร็วที่ใช้เข้าโค้งนั้นต้องเหมาะสมกับขนาดของตัวรถ หลังจากนั้นเป็นคิวในสถานีต่อไป
สถานีออกตัวแบบรถแข่ง (Race Start)
ระบบออกตัวแบบรถแข่งของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ นั้นจะมีเฉพาะในรุ่น Mercedes-AMG รุ่น 45 เท่านั้น (รุ่น 43 ไม่มีระบบนี้) ซึ่งรถที่นำมาให้เราทดลองขับในรอบนี้มี CLA 45 4Matic, A 45 4Matic และ GLA 45 4Matic เพียง 3 รุ่นที่มีระบบเรซสตาร์ทดังกล่าว
การเปิดระบบก็ไม่ยากเพียงแค่กดเบรกค้างไว้ แล้วเข้าเกียร์ D หลังจากนั้นกดแป้นเปลี่ยนเกียร์พร้อมกันทั้งซ้ายและขวา ระบบจะขึ้นข้อความมาถามว่า จะเริ่มการออกตัวแบบรถแข่งหรือไม่ เราเพียงกดแป้นขวาเพื่อตอบรับว่า ใช่ หลังจากนั้น จะได้ยินเสียงเครื่องยนต์คำรามแบบรถแข่ง แล้วกดคันเร่งกระแทกพร้อมปล่อยแป้นเบรกทันที รถจะพุ่งไปข้างหน้าแบบรวดเร็วด้วยแรงดึงมหาศาล อดีนาลีนพุ่งพล่านอย่างไม่ต้องสงสัย
ถัดมาเป็นการขับเข้าโค้งในเลนแคบๆ เพื่อฝึกทักษะการเข้าโค้งและดูความรู้สึกของช่วงล่างเวลาที่เข้าโค้งแรงๆ ว่าเป็นอย่างไร เกาะโค้งดีหรือไม่ โดยทีมงานวางกรวยยางเพื่อบังคับไลน์การขับเข้าโค้งให้ถูกต้องเอาไว้ด้วย นับว่าเป็นอีกหนึ่งบทเรียนเพื่อให้ทราบถึงไลน์การเข้าโค้งที่ถูกต้อง เพื่อนำมาปรับใช้กับการขับขี่ในชีวิตประจำวันได้
สถานีเปลี่ยนเลนกระทันหันและเบรกฉุกเฉิน(Lane Change)
จำลองสถานการณ์ที่เราต้องหักหลบกระทันหัน และเบรกฉุกเฉิน โดยวิ่งด้วยความเร็วราว 60-80 กม./ชม. ผ่านกรวยยางที่ตั้งขวางเอาไว้ แล้วหักหลบสิ่งกีดขวางกระทันหัน ตามสัญญาณไฟว่าจะให้หักไปทางซ้ายหรือขวา โดยสถานีนี้เราได้ขับรุ่น อีแอลซี ซึ่งเป็นแบบเอสยูวี
ทัศนวิสัยของจีแอลซี มีมุมมองที่กว้างขวางดี ทำให้เมื่อเข้าถึงจุดที่ต้องหักหลบมองเห็นได้อย่างชัดเจน แม้ตัวรถจะสูงแต่ไม่เป็นปัญหา ระบบช่วงล่างทรงตัวรับแรงเหวี่ยงจากการหักพวงมาลัยกระทันหันได้ ไม่มีอาการเสียการทรงตัวแต่อย่างใด เรายังบังคับควบคุมแบบมั่นใจได้
ถัดมาเป็นการจำลองการเบรกแบบกระทันหัน ให้เรากะระยะเบรกเอง โดยจะต้องเบรกให้อยู่ในกรอบกรวยยางที่ตั้งเอาไว้ให้ได้ ทั้งนี้เพื่อความสนุกในการทดลองทีมงานจึงตั้งกติกาปล่อยรถแบบเป็นคู่เพื่อแข่งขันกันว่า ใครจะสามารถหยุดนิ่งได้ก่อน เราใช้ ซี43 เอเอ็มจี ประกบคู่กับ ซี43 เอเอ็มจี เช่นเดียวกัน ผลลัพท์คือ จอดหยุดได้ในจุดที่ใกล้เคียงกันมาก มั่นใจกับระบบเบรกได้อย่างเต็ม 100%
สุดท้ายจบกิจกรรม Mercedes-Benz Driving Event รอบนี้ด้วยการให้ทดลองขับแบบ Hot Lap โดยมีครูฝึกขับนำรอบสนาม 2 รอบ เพื่อศึกษาไลน์การเข้าโค้ง การเติมคันเร่ง การเบรก ให้ถูกต้อง แม้จะน้อยไปสักหน่อยสำหรับสายฮาร์ด คอร์ แต่สิ่งหนึ่งที่เราทุกคนได้คือ การได้ลองรถหลากหลายรุ่นในกิจกรรมรอบเดียว ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อรถได้อย่างดี เพราะการลองขับแบบนี้ทำให้รู้ว่าชอบคันที่เล็งไว้หรือชอบคันอื่นมากกว่านั่นเอง