ในช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝนที่มีปริมาณน้ำฝนมากกว่าปกติ 10 % ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ขณะที่ฝนตกหนัก ซึ่งถือเป็นความท้าทายในรูปแบบต่างๆ ที่คาดไม่ถึงสำหรับผู้ขับขี่ ทั้งยังทำให้การมองเห็นลดลง พื้นผิวถนนลื่น และอุปสรรคต่างๆ ที่ก่อให้เกิดทัศนะวิสัยไม่ดีต่อการขับขี่ รวมทั้งการเกิดน้ำท่วมฉับพลัน
ดังนั้น การขับรถอเนกประสงค์และรถกระบะ อย่าง เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ และโคโลราโด ที่เป็นรถยกสูง มีระบบป้องกันการลื่นไถล และระบบควบคุมเสถียรภาพ ทำให้ได้เปรียบ เพราะสามารถลุยน้ำได้ที่ระดับความลึกถึง 800 ม.ม. โดยขับรถให้เคลื่อนไปอย่างช้าๆ ขณะที่ฟังก์ชั่นการทำงานอื่นๆ จะช่วยให้ผู้ขับขี่โฟกัสอยู่กับการขับรถและสถานการณ์โดยรอบ
ก่อนที่รถยนต์ทั้ง 2 รุ่น จะถูกใช้งานอย่างสมบุกสมบันในช่วงมรสุม ทีมวิศวกรจะต้องทดสอบและตรวจสอบการป้องกันน้ำเข้าตัวรถด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งการฉีดน้ำแรงดันสูงรอบคัน และการขับผ่านร่องน้ำท่วมขัง
นายชัชวาล จันทเขต ผู้อำนวยการทั่วไปฝ่ายวิศวกรรมพัฒนาผลิตภัณฑ์ จีเอ็ม ประเทศไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า “ลูกค้าของรถอเนกประสงค์และรถกระบะต่างคาดหวังที่จะเดินทางถึงจุดมุ่งหมายอย่างปลอดภัย เราจึงให้ความสำคัญกับชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่มีอยู่ในรถยนต์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับสมรรถนะของรถยนต์ แม้ต้องเจอปัญหากับสภาพต่างๆ ในการขับขี่”
ดังนั้น ทางจีเอ็มจึงมีการทดสอบการรั่วซึมของน้ำที่เข้าไปในตัวรถ ด้วยการใช้หัวฉีดน้ำ 330 หัว ฉีดน้ำ 3,123 ลิตรต่อนาที ฉีดเข้าทางด้านล่าง ด้านข้าง และด้านบนของตัวบน ซึ่งเป็นการทดสอบความแข็งแกร่งของยางขอบประตูและหน้าต่าง เพื่อแน่ใจว่าน้ำไม่รั่วซึมเข้าสู่ห้องโดยสาร ระบบระบายอากาศของเครื่องยนต์ และชิ้นส่วนต่างๆ ใต้ท้องรถ เมื่อขับผ่านพายุฝนหรือสภาพถนนที่เปียกลื่น
ทั้งมีการจำลองการขับขี่ในสภาพอากาศที่มีหมอกหนา ซึ่งอาจแทรกซึมเข้าสู่ตัวรถทางหากขอบยางมีการบีบอัดน้อย กับการขับขี่ผ่านร่องน้ำลึกกลางแจ้งระยะ 15 เมตร โดยทำการทดสอบการขับผ่านอย่างช้าๆ เพื่อดูการรั่วไหลเข้าสู่เครื่องยนต์ ซึ่งอาจเกิดความเสียหายต่อชิ้นส่วนเครื่องยนต์ และของเหลวในระบบส่งกำลัง
นอกจากนี้ ทางทีมวิศวกรได้ใช้หัวฉีดน้ำแรงดันสูง (7,584 กิโลปาสกาล) เพื่อการทดสอบท่อไอดี ระบบระบายอากาศเครื่องยนต์ และระบบระบายอากาศของระบบเชื้อเพลิง รวมถึงการทดสอบระบบประจุอากาศหลังกระจังหน้ารถ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่า ลูกค้าที่ใช้หัวฉีดน้ำแรงดันสูงดังกล่าวจะไม่ทำให้ชิ้นส่วนของ ตัวรถเกิดความเสียหาย
นายชัชวาล กล่าวว่า “เราหวังว่า ลูกค้ารถกระบะของเราจะไม่ต้องรับมือกับการขับขี่ในสภาวะอากาศเลวร้าย แต่ในกรณีที่จำเป็นต้องขับขี่สถานการณ์ต่างๆ เหล่านั้น พวกเขาจะมั่นใจว่า เราออกแบบชิ้นส่วนรถยนต์ให้สามารถรับมือกับความท้าทายในช่วงหน้าฝนได้อย่างแน่นอน
พร้อมแนะนำ 10 เคล็ดลับการขับรถให้ปลอดภัย เมื่อต้องขับรถผ่านถนนที่มีน้ำท่วมขัง ดังนี้
1.หลีกเลี่ยงการขับรถผ่านถนนมีน้ำท่วมขังสูงกว่ากึ่งกลางของล้อ แม้รถอเนกประสงค์และรถกระบะที่มีขนาดใหญ่จะสามารถขับผ่านถนนที่มีน้ำท่วมสูงได้ดีกว่ารถทั่วไป หากผู้ขับขี่ควรตรวจสอบให้ดีก่อนว่า รถของคุณสามารถขับผ่านถนนที่มีระดับน้ำสูงได้เท่าไหร่
2.ควรระมัดระวังเป็นพิเศษกับน้ำไหล น้ำที่ไหลแรง เช่น น้ำท่วมอย่างฉับพลัน หรือกระแสน้ำไหลอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้รถยนต์เกิดความเสียหายได้
3.ควรหยุดและสังเกตรถคันอื่นว่า สามารถขับรถผ่านไปได้อย่างปลอดภัยหรือไม่
4.เมื่อต้องขับรถบนถนนที่มีน้ำท่วม ควรปิดแอร์และเปิดหน้าต่าง เพราะการขับขี่บนถนนที่มีน้ำท่วมขณะเปิดแอร์อาจทำให้เครื่องยนต์ดับ เนื่องจากพัดลมจะทำงานและทำให้น้ำเข้าสู่เครื่องยนต์ ถ้าเครื่องยนต์ไม่ดับ พัดลมก็จะหมุนรับเศษขยะที่ลอยมาตามน้ำ ซึ่งจะทำให้พัดลมเสียหายได้ และนำไปสู่ปัญหาเครื่องยนต์ร้อน
5.ต้องให้แน่ใจว่า ถนนยังมีอยู่และไม่ได้รับความเสียหาย รวมถึงควรระมัดระวังเมื่อต้องขับขี่บนถนนที่ไม่คุ้นเคย เนื่องจากอาจมีหลุมที่ลึกเกินกว่าที่รถจะผ่านไปได้ ควรขับรถบนกึ่งกลางหรือใกล้เคียงกึ่งกลางถนน เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีระดับน้ำต่ำที่สุด
6.การขับรถเข้าสู่ถนนที่มีน้ำท่วมขังควรขับด้วยความเร็วไม่เกิน 3 กม./ชม. และเพิ่มความเร็วเป็น 6 กม./ชม. เมื่อขับผ่านน้ำท่วมขัง ซึ่งการขับขี่ในสภาวะดังกล่าวจะทำให้เกิดคลื่นน้ำด้านหน้าและลดระดับน้ำบริเวณรอบห้องเครื่องยนต์ลง ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงที่น้ำจะไหลเข้าสู่ที่กรองอากาศ และสร้างความเสียหายต่อระบบไฟฟ้าและชิ้นส่วนต่างๆ หากใช้ความเร็วมากกว่านี้จะทำให้น้ำไหลผ่านกระจังหน้าเข้าสู่ห้องเครื่องยนต์ได้
7.ควรใช้เกียร์ต่ำและรอบเครื่องยนต์สูง ใช้เกียร์หนึ่ง ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทของเกียร์ รักษาความเร็วให้คงที่ และไม่ควรถอนคันเร่ง เพราะเครื่องยนต์ที่ลดความเร็วอาจทำให้น้ำไหลผ่านเข้าสู่ท่อไอเสียและสร้างความเสียหายต่อเครื่องฟอกไอเสียได้ นอกจากนี้ควรขับรถด้วยความเร็วต่ำมาก เพื่อไม่ให้ตัวกรองอากาศที่อยู่ด้านหน้ารถดูดน้ำเข้าไปในเครื่องยนต์ ถ้าน้ำไหลเข้าสู่ท่อไอเสียหรือเครื่องยนต์ จะส่งผลเสียอย่างรุนแรงและก่อให้เกิดค่าซ่อมแซมสูง
8.การขับรถผ่านน้ำท่วม ผู้ขับควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการหยุดรถกลางถนน เมื่อรถคันหน้าชะลอความเร็ว ควรระมัดระวังด้วยว่า ไม่มีรถที่ขับมาจากเส้นทางอื่นๆ เนื่องจากคลื่นน้ำอาจจะท่วมรถได้ โดยเฉพาะถ้ารถคันอื่นใช้ความเร็วที่สูงเกินไป
9.เมื่อขับรถออกจากบริเวณที่ไม่มีน้ำแล้ว ควรค่อยๆ ย้ำเบรกเพื่อให้น้ำออกจากเบรค หากมีความคุ้นเคย กับเทคนิคนี้ ผู้ขับขี่สามารถใช้เท้าซ้ายเหยียบเบรกได้ และปล่อยเบรคเมื่อรู้สึกว่าเบรกจับตัวแล้ว นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ควรจอดรถและตรวจสอบให้แน่ใจว่า ไม่มีเศษขยะ เช่น ถุงพลาสติก หรือสิ่งสกปรกอื่นๆ ติดอยู่ที่กระจังหน้า หรือหม้อน้ำรถยนต์
10.หลังจากขับรถผ่านน้ำท่วมขังมาแล้ว ควรล้างทำความสะอาดรถยนต์ โดยเฉพาะใต้ท้องรถและล้อ กำจัดเศษหญ้า ใบไม้ และสิ่งสกปรกออกให้หมด เพราะอาจทำให้ติดไฟได้ รวมถึงควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเนื่องจากน้ำอาจรั่วซึมเข้าสู่ระบบเครื่องยนต์ ควรล้างทำความสะอาดพรมปูพื้นรถ เพื่อป้องกันการเกิด เชื้อรา และควรตรวจสอบลูกปืนล้อหน้าและทุกระบบของรถ หรือนำรถเข้าศูนย์บริการ เพื่อตรวจสอบตัวรถอย่างละเอียด