สำหรับทริบนี้นอกจากมาสัมผัสเทคโนโลยีใหม่ของมาสด้าแล้ว ยังได้มาทดลองขับรถอเนกประสงค์คันใหม่ล่าสุด นั่นคือ มาสด้า CX-8 ซึ่งในส่วนของการลองขับเป็นเพียงระยะสั้นวิ่งไป-กลับไม่ถึง 5 นาที ภายในโรงงาน เมืองฮิโรชิมา เท่านั้น
CX-8 ที่ถือเป็นเอสยูวีรุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวในญี่ปุ่นเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา และมาสด้า ประเทศไทยมีแผนที่จะเข้ามาทำตลาดในไทยประมาณปลายปีหน้า จากข้อมูลที่ถูกนำเสนอออกมาส่วนใหญ่จะพบว่า CX-5 และ CX-8 มีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดชนิดที่เรียกว่าเกือบจะเป็นรถยนต์คันเดียวกันเลยก็ว่าได้ เพราะแทบจะแชร์รายละเอียดชิ้นส่วนตัวถังด้านหน้าร่วมกันอย่างชัดเจน และว่ากันว่านี่คือ เวอร์ชันฐานล้อยาวของ CX-5 ก็ว่าได้
ขณะที่ในห้องโดยสารยังยกชุดใช้ร่วมกันกับ CX-5 ทั้งแผงหน้าปัด พวงมาลัย และแผงคอนโซลบริเวณคันเกียร์ แต่ก็เน้นความพรีเมียมให้กับ CX-8 ด้วยการเลือกใช้วัสดุที่ดีขึ้น ทั้งแผงลายไม้ หรือหนังที่ใช้ในการหุ้มเบาะและแผงข้างประตูพร้อมกับเพิ่มความสามารถในการรองรับกับการใช้งานได้มากขึ้น เช่นเดียวกับการใช้วัสดุในการลดเสียงดังที่จะเล็ดลอดเข้าสู่ห้องโดยสาร
สำหรับเบาะนั่งแถวที่ 3 ไม่ใช่แค่มี แต่ยังนั่งได้สบายๆ เพราะสามารถรองรับกับสรีระของผู้โดยสารที่มีความสูงในระดับ 170 มิลลิเมตรได้ เมื่อกางออกจนครบทั้ง 3 แถวยังคงมีที่เก็บสัมภาระถึง 239 ลิตร เพียงพอต่อการวางรถเข็นเด็กและถุงกอล์ฟจำนวน 2 ใบ เมื่อพับเบาะแถวที่ 3 ลงมาจะช่วยเพิ่มให้มีพื้นที่ถึง 572 ลิตรและช่องเก็บของในห้องเก็บสัมภาระที่มีความลึก 307 มิลลิเมตร บริเวณชั้นล่างของที่เก็บสัมภาระ โดยในญี่ปุ่นจะมีให้เลือกทั้งแบบ 6 หรือ 7 ที่นั่ง ส่วนบ้านเราคาดว่าน่าจะเป็นแบบ 7 ที่นั่งเพียงอย่างเดียว
ส่วนขุมพลังที่ทำตลาดมีเพียงแบบเดียว คือ เครื่องยนต์สกายแอคทีฟ 2.2 คลีนดีเซล ที่มีการปรับปรุงใหม่ มีการจุดระเบิดหลายจังหวะเพื่อการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ (Rapid Multi-stage Combustion) เทคโนโลยีที่ฉีดอัดระเบิดด้วยแรงดันสูงและพ่นน้ำมันแบบละอองใส่ในกระบอกสูบอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ช่วยลดการปล่อยของเสียและทำให้เครื่องยนต์มีเสียงเบาขึ้น เทคโนโลยีใหม่อื่นๆ นั้นรวมถึงหัวของลูกสูบที่มีลักษณะเป็นรูปไข่ หัวฉีดพิโซแบบหลายรูที่มีความแม่นยำและสามารถฉีดน้ำมันให้เป็นฝอยละอองได้ละเอียดมากขึ้น และเทอร์โบแบบมีครีบแปรผันโดยขยายกำลังขับเคลื่อนขึ้นมาอยู่ในระดับ 190 แรงม้า ที่ 4,500 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 46.2 กก.-ม. ที่ 2,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ระบบการขับเคลื่อนเป็นแบบ i-ACTIV AWD มีจีเวคเตอริ่งคอนโทรลที่จะปรับปรุงในเรื่องของเสถียรภาพโดยการควบคุมแรงบิดของเครื่องยนต์เพื่อให้ตอบสนองกับการทำงานของพวงมาลัย ซึ่งเป็นมาตรฐานในทุกโมเดล
แน่นอนว่าในเรื่องของมิติตัวถังนั้นมีความต่างกันอยู่ในระดับ 350 มิลลิเมตรในด้านความยาว และระยะฐานล้อที่เพิ่มขึ้นอีก 202 มิลลิเมตร ซึ่งถูกนำไปใช้ในการขยายพื้นที่ของห้องโดยสารด้านหลัง เพราะว่าทางมาสด้าต้องการอัปขนาดให้ CX-8 สามารถรองรับกับการใช้งานที่มากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของการบรรทุกคน ซึ่งมีการเพิ่มเบาะนั่งแถวที่ 3 มาให้ด้วยจนกลายเป็น SUV แบบ 7 ที่นั่ง
อย่างที่กล่าวข้างต้น การลองขับเป็นเพียงระยะสั้น ๆ ไม่สามารถจับใจความอะไรมากนักแค่ รู้สึกว่าภายในกว้างขวาง นั่งสบาย โดยเฉพาะด้านหลัง แต่มีช่วงกดยาวนิดหนึ่งถึง 100 ก็ถือว่าอัตราเร่งมาเร็วทันใจ พวงมาลัยไม่หนักไม่เบา กำลังดี ช่วงล่างนุ่มนวล แต่ทั้งนี้ ก็ต้องลองขับกันอีกครั้งในเมืองไทย ในระยะที่ยาวขึ้น คงจะบอกอะไรได้มากกว่า ..ติดตามกันต่อไป
