“อุตตม” รมว.อุตฯ ปลื้ม “โตโยต้า” แกร่ง ดันฐานไทยผลิตครบ 10 ล้านคัน ขับเคลื่อนนโยบาย Thailand 4.0 เร่งเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน จับมือ “ไดฮัทสุ” ยกระดับวิศวกรไทย มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีสำหรับลูกค้า
ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ขอแสดงยินดีต่อความสำเร็จในโอกาสที่ โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ผลิตรถยนต์ครบ 10 ล้านคัน และขอขอบคุณ โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ที่วางใจประเทศไทย เป็นฐานผลิตรถที่สำคัญ โดยความสำเร็จในครั้งนี้ เป็นผลจากการลงทุนในโครงการผลิตรถหลายโครงการที่สนับสนุนนโยบายอุตสาหกรรมยานยนต์ของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นโครงการผลิตรถปิคอัพ, การลงทุนผลิตรถอีโค คาร์
ทั้งเป็นผู้นำในการลงทุนผลิตรถยนต์ไฮบริด และแบตเตอรี่เป็นรายแรก ด้วยมูลค่าการลงทุนเกือบ 20,000 ล้านบาท ตลอดจนถ่ายโอนความรู้และเทคโนโลยีเข้ามาในประเทศ โดยดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและมุ่งมั่นที่จะเติบโตเคียงคู่สังคมไทย ทั้งเป็นภาคธุรกิจตัวอย่างที่ให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไปข้างหน้าอย่างยั่งยืนตาม Thailand 4.0 Roadmap
มิจิโนบุ ซึงาตะ เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น/กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ จำกัด กล่าวถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อประเทศไทยและทิศทางในอนาคตว่า โตโยต้ามุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ไม่ว่าจะเป็นการการพัฒนาบุคลากร ส่งเสริมการจ้างงาน ควบคู่การตอบสนองนโยบายของภาครัฐ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระดับโลก
นอกจากนี้ ยังส่งเสริมศักยภาพด้านการแข่งขันของไทย โดยร่วมมือกับบริษัท โตโยต้า ไดฮัทสุ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง พัฒนาขีดความสามารถด้านการวิจัยและพัฒนาวิศวกรไทยให้สูงขึ้น ทั้งเพิ่มการลงทุนด้านกำลังการผลิตและส่งเสริมการพัฒนาด้านบุคลากร เพื่อผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีให้แก่ลูกค้า
ปัจจุบัน โตโยต้ามีโรงงานผลิต 3 แห่ง ได้แก่ โรงงานประกอบรถยนต์สำโรง จ.สมุทรปราการ, โรงงานประกอบรถยนต์เกตเวย์ อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา และโรงงานประกอบรถยนต์บ้านโพธิ์ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ด้วยความร่วมมือและการทุ่มเทของพนักงาน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งด้านผลิตภัณฑ์และบริการ อันนำไปสู่การผลิตครบ 10 ล้านคัน โดยผลิตจากโรงงานประกอบรถยนต์ทั้ง 3 แห่ง แบ่งเป็นผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ จำนวน 5.8 ล้านคัน และส่งออก จำนวน 4.2 ล้านคัน คิดเป็นมูลค่าการนำรายได้สู่ประเทศไทยกว่า 2,589,000 ล้านบาท” (ตั้งแต่ปี 2535- พ.ค.2561) ปัจจุบัน โตโยต้ามีกำลังการผลิต 750,000 คันต่อปี และมีพนักงานกว่า 14,500 คน
“ตลอดระยะเวลาการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมากกว่า 56 ปี โตโยต้ามีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมและส่งเสริมการลงทุนร่วมกับภาครัฐในการผลักดันให้ไทย เป็นฐานการผลิตและการส่งออกที่สำคัญในภูมิภาคอาเซียน ตลอดจนถ่ายทอดเทคโนโลยียานยนต์ ส่งเสริมศักยภาพ และพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรในประเทศให้สูงขึ้น จนก่อให้เกิดการจ้างงานกว่า 240,000 คน มีผู้ผลิตชิ้นส่วนลำดับแรก 172 ราย และผู้แทนจำหน่าย 155 แห่งทั่วประเทศ
ปัจจัยต่อความสำเร็จ คือ ความมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรให้ยืดมั่นอยู่ในคุณภาพสูงสุด ภายใต้ระบบการผลิตแบบโตโยต้า หรือ Toyota Production System (IPS) ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก
ทั้งนี้ ต้องขอแสดงความขอบคุณรัฐบาลไทยที่ส่งเสริมและให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมยานยนต์มาโดยตลอด รวมทั้งผู้แทนจำหน่าย ผู้ผลิตชิ้นส่วนโตโยต้า รวมถึงผู้ถือหุ้น พันธมิตรทางธุรกิจ และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกส่วนที่ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนอย่างดีมาโดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา”
-ก้าวแรกที่มุ่งมั่นสู่สิบล้านคันของความสำเร็จ
การดำเนินธุรกิจของโตโยต้า ประเทศไทย แบ่งออกเป็น 5 ยุคด้วยกัน เริ่มจากยุคก่อร่างสร้างฐาน (ระหว่าง พ.ศ.2505-2515) ได้ก่อตั้งโรงงานประกอบรถยนต์แห่งแรก ที่ ต.สำโรงเหนือ เพื่อประกอบรถรุ่นแรก คือ โตโยต้า ไดน่า เจเค170 และโคโรน่า อาร์ที 40 ตามด้วยไฮลักซ์ อาร์เอ็น10 และโคโรลล่า เคอี 20 โดยใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศถึง 25%
ยุคที่ 2 คือ ยุคแห่งการพัฒนา (ระหว่าง พ.ศ.2516-2525) ได้ขยายกำลังการผลิต โดยตั้งโรงงานประกอบรถแห่งที่ 2 ใน ต.สำโรงโต้ จ.สมุทรปราการ เป็นโรงงานที่ใช้สายพานการผลิตระบบแขตกลอัตโนมัติเชื่อมตัวถังและระบบเคลือบสีป้องกันสนิม แคทไอออนอีดีพี เป็นครั้งแรกในไทย ด้วยยอดการผลิตในประเทศครบ 100,000 คัน ในปี 2523
ยุคที่ 3 ยุคหน้าโตโยต้า (ระหว่าง พ.ศ.2526-2535) ได้ร่วมทุนก่อตั้ง บริษัท สยามโตโยต้า อุตสาหกรรม จำกัด เพื่อผลิตเครื่องยนต์สำหรับรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศและส่งออก พร้อมแนะนำเครื่องยนต์ทวินแคม 16 วาล์ว เป็นรายแรกของประเทศในรุ่น “โคโรลล่า อีอี92” ทำให้สามารถประกอบรถยนต์ได้ครบ 500,000 คัน ในปี 2535
ยุคที่ 4 ยุคประชายานยนต์ (ระหว่าง พ.ศ.2536-2545) เปิดโรงงานประกอบรถยนต์โตโยต้าที่นิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ เพื่อผลิตรถยนต์นั่ง โดยในปี 2539 สามารถผลิตรถครบ 1 ล้านคัน ด้วยกำลังการผลิตจาก 3 โรงงานหลัก รวมถึงแนะนำเครื่องยนต์ระบบวาล์วอัจฉริยะ VVT-1 ครั้งแรกใน “โคโรลล่า อัลติส” และเปิดตัวรถ “โตโยต้า โซลูน่า” รุ่นแรก ที่วิศวกรชาวไทยมีส่วนร่วมในการออกแบบและใช้ชิ้นส่วนประกอบภายในประเทศกว่า 70%
ยุคที่ 5 ยุคเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม (ระหว่าง พ.ศ.2546-2555) โดยเป็นบริษัทแรกที่แนะนำระบบไฮบริดเข้าสู่ประเทศไทย ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมยกระดับให้เป็นฐานการผลิตและส่งออกหลักของรถกระบะขนาด 1 ตัน โดยผลิตรถกระบะ “ไฮลักซ์” และรถอเนกประสงค์ “ฟอร์จูนเนอร์” จากนั้นในปี 2550 ได้ก่อตั้งโรงงานประกอบรถยนต์โตโยต้าบ้านโพธิ์ขึ้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตรองรับการขยายตัวในประเทศ และส่งออกกว่า 120 ประเทศทั่วโลก ส่งผลให้โตโยต้าสามารถผลิตรถได้ครบ 5 ล้านคัน ในปี 2553
ยุคที่ 6 ยุคนวัตกรรมแห่งความยั่งยืน (ระหว่าง พ.ศ.2556-ปัจจุบัน) แนะนำยาริส เอทีพ รถอีโคคาร์ และ โตโยต้า ซี-เอชอาร์ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ ได้แก่ ระบบไฮบริดเจนเนอเรชั่นที่ 4, สถาปัตยกรรมโครงสร้างยานยนต์ใหม่, มาตรฐานความปลอดภัยใหม่ และระบบที่เชื่อมต่อรถและผู้ใช้รถให้เป็นหนึ่งเดียว