มิตซูบิชิ มอเตอร์ ประเทศไทย พร้อมแล้ว ประกาศส่ง “เอ็กซ์แพนเดอร์” ครอสโอเวอร์น้องใหม่ ที่เป็นการผสมผสานระหว่าง MPV และ SUV ลงสู่ตลาดเมืองไทยในเดือนสิงหาคมนี้ หวังเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าครอบครัวรุ่นใหม่ คาดราคาอยู่ระหว่าง 7 แสนกว่าบาทถึง 8 แสนกว่าบาท
เป็นที่จับตามองมาหลายเดือนถึงความชัดเจนในการทำตลาด “เอ็กซ์แพนเดอร์” รถยนต์แนวอเนกประสงค์รุ่นใหม่ล่าสุดของค่ายทรีไดมอนด์ “มิตซูบิชิ” ที่ทีมผู้บริหารของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ได้ประกาศเอาไว้ตั้งแต่เมื่อต้นปีว่าจะนำเข้ามาทำตลาดในเมืองไทยโดยมีการกำหนดเวลาคร่าวๆ เอาไว้
อย่างไรก็ตาม ผ่านครึ่งปีมาแล้วจึงเห็นความชัดเจนจากทางมิตซูบิชิ ที่ออกประกาศว่า กลางเดือนสิงหาคมนี้จะมีการเปิดตัวเอ็กซ์แพนเดอร์ อย่างเป็นทางการ ในงาน big motor sale 2018 หรือมหกรรมยานยนต์เพื่อการขายแห่งชาติ
ซึ่งล่าสุด ทีมงานมิตซูบิชิ ได้เชิญสื่อมวลชนเข้าร่วมการทดลองขับ เอ็กซ์แพนเดอร์ เป็นระยะทางรวม 3,026 กิโลเมตร ตั้งแต่เชียงราย-สุราษฎร์ธานี เพื่อสร้างกระแสการรับรู้ก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยมีการเปิดเผยสเปกทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว
สำหรับการทำตลาดในเมืองไทย มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ จะมีด้วยกัน 2 รุ่นย่อยให้เลือก ได้แก่รุ่น GLS Ltd เป็นรุ่นเริ่มต้น และรุ่น GT ตัวท้อป มีให้เลือกทั้งสิ้น 4 สี ได้แก่ สีดำ สีเทา สีเงิน และสีขาว
ซึ่งในส่วนของรูปลักษณ์ภายนอก มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ มากับดีไซน์ใหม่ล้ำสมัย ด้วยเอกลักษณ์การออกแบบตามแนวคิด Advanced ‘dynamic shield’ ที่เน้นการปกป้องทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และผู้ร่วมใช้เส้นทาง ภายใต้ปรัชญาการออกแบบ ‘form follows function’ หรือ ‘รูปลักษณ์ที่สอดคล้องกับการใช้งาน”
สะท้อนให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมด้วยการออกแบบตำแหน่งของไฟหน้าและไฟหรี่แบบ crystal led ที่ติดตั้งอยู่ด้านบนของฝากระโปรงและเยื้องมาด้านหน้าซุ้มล้อ ช่วยให้ผู้ใช้ทางเท้าและยานพาหนะอื่น ๆ สังเกตเห็นได้ง่ายขึ้น รวมถึงไฟหน้าที่วางอยู่ในกันชนหน้าเพื่อเลี่ยงไม่ให้แสงจากไฟหน้ารบกวนสายตาผู้ใช้ทางเท้า และผู้ขับขี่ยานพาหนะที่สวนมา
โดยในรุ่น GT จะมาพร้อมไฟตัดหมอกหน้า มือเปิดประตูโครเมียม คิ้วขอบกระจกประตู และแผงกันกระแทกด้านหน้าและด้านหลัง รวมถึงคิ้วขอบประตูด้านล่างข้างตัวรถ
ภายในห้องโดยสารของ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ตกแต่งด้วยโทนสีดำ และมีความกว้างขวางที่สุดในรถระดับเดียวกัน รองรับผู้โดยสาร 7 คน เบาะนั่งปรับได้อย่างอเนกประสงค์ โดยเบาะแถวที่ 3 สามารถพับแบนราบเพื่อเพิ่มพื้นที่การบรรทุกสัมภาระได้
ด้านอุปกรณ์อำนวยความสะดวก มีให้อย่างครบครันทั้งกุญแจอัจฉริยะและปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ แผงควบคุมระบบปรับอากาศด้านหลัง พวงมาลัยปรับระดับสูง-ต่ำและปรับเข้า-ออก และสวิตช์ควบคุมระบบเครื่องเสียงบนพวงมาลัย พร้อมหน้าจอแสดงผลข้อมูลอเนกประสงค์แบบสามมิติ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนัง มีระบบล็อกความเร็วบนพวงมาลัย จอภาพระบบสัมผัสขนาด 6.2 นิ้ว และเบาะที่นั่งหุ้มหนังและวัสดุหนังสังเคราะห์ทั้ง 3 แถว (เฉพาะรุ่นจีที)
ทั้งนี้การออกแบบภายในห้องโดยสารเป็นไปตามดีไซน์แบบแนวราบ (horizontal axis) ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในการจัดเรียงแผงควบคุมทั้งหมดช่วยให้ผู้ขับขี่ใช้งานได้ง่าย พร้อมกับช่วยเพิ่มทัศนวิสัยทางด้านหน้าและความปลอดโปร่งให้ห้องโดยสาร
สำหรับหัวใจของ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ บรรจุเครื่องยนต์เบนซินที่ทำจากวัสดุอะลูมินัมอัลลอยขนาด 1.5 ลิตร DOHC MIVEC 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 141 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที (รองรับเบนซิน E20) พร้อมส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดที่ได้รับการพัฒนาเพื่อถ่ายทอดพละกำลังและแรงบิดของเครื่องยนต์รุ่นนี้โดยเฉพาะ
ส่วนช่วงล่างของ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ด้านหน้าเป็นแบบ แมคเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง ขณะที่ด้านหลังเป็นแบบทอร์ชันบีม ระบบเบรกหน้าเป็นดิสก์เบรก และหลังเป็นดรัมเบรก โดยใส่ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว ในรุ่น GLS Ltd และขนาด 16 นิ้วแบบทูโทน ในรุ่นGT
ด้านระบบความปลอดภัย มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ จัดเต็มครบทั้งระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ASC) ระบบป้องกันการลื่นไถล (TCL) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA) ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS) และระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) พร้อมระบบเสริมแรงเบรก (BA) ระบบไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS)
ขณะที่ ถุงลมนิรภัยด้านคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับและระบบผ่อนแรงอัตโนมัติ ELR 3 จุด 2 ตำแหน่ง และเข็มขัดนิรภัยแบบ ELR 3 จุด 5 ตำแหน่งสำหรับผู้โดยสารทุกที่นั่ง และรุ่น GT มาพร้อมกับกล้องมองภาพด้านหลัง
อย่างไรก็ตามแม้จะเปิดเผยข้อมูลมาอย่างครบถ้วนแล้ว แต่ยังเหลือในส่วนของราคาจำหน่ายที่ยังไม่สามารถประกาศได้ในเวลานี้ โดยคาดว่าจะอยู่ระหว่าง 7 แสนกว่าบาทในรุ่นเริ่มต้น และ 8 แสนกว่าบาทสำหรับรุ่นท็อป โดยมีเป้าหมายการจำหน่ายที่ปีละประมาณ 8,000 คัน ตามโควตาที่ได้รับการส่งมาจากอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิต มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ รุ่นนี้
ถึงบรรทัดนี้ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ กำลังจะเข้ามาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับรถเอนกประสงค์ในตลาดของเมืองไทย ซึ่งกระแสตอนนี้ได้รับความสนใจอย่างมาก เรียกว่าถูกจิตถูกใจคนไทยมิใช่น้อย แต่คงต้องรอดูราคาตอนเปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง แล้วมาดูกระแสตอบรับว่าจะยังร้อนแรงเช่นนี้ได้หรือไม่ ประการใด
เป็นที่จับตามองมาหลายเดือนถึงความชัดเจนในการทำตลาด “เอ็กซ์แพนเดอร์” รถยนต์แนวอเนกประสงค์รุ่นใหม่ล่าสุดของค่ายทรีไดมอนด์ “มิตซูบิชิ” ที่ทีมผู้บริหารของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ได้ประกาศเอาไว้ตั้งแต่เมื่อต้นปีว่าจะนำเข้ามาทำตลาดในเมืองไทยโดยมีการกำหนดเวลาคร่าวๆ เอาไว้
อย่างไรก็ตาม ผ่านครึ่งปีมาแล้วจึงเห็นความชัดเจนจากทางมิตซูบิชิ ที่ออกประกาศว่า กลางเดือนสิงหาคมนี้จะมีการเปิดตัวเอ็กซ์แพนเดอร์ อย่างเป็นทางการ ในงาน big motor sale 2018 หรือมหกรรมยานยนต์เพื่อการขายแห่งชาติ
ซึ่งล่าสุด ทีมงานมิตซูบิชิ ได้เชิญสื่อมวลชนเข้าร่วมการทดลองขับ เอ็กซ์แพนเดอร์ เป็นระยะทางรวม 3,026 กิโลเมตร ตั้งแต่เชียงราย-สุราษฎร์ธานี เพื่อสร้างกระแสการรับรู้ก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยมีการเปิดเผยสเปกทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว
สำหรับการทำตลาดในเมืองไทย มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ จะมีด้วยกัน 2 รุ่นย่อยให้เลือก ได้แก่รุ่น GLS Ltd เป็นรุ่นเริ่มต้น และรุ่น GT ตัวท้อป มีให้เลือกทั้งสิ้น 4 สี ได้แก่ สีดำ สีเทา สีเงิน และสีขาว
ซึ่งในส่วนของรูปลักษณ์ภายนอก มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ มากับดีไซน์ใหม่ล้ำสมัย ด้วยเอกลักษณ์การออกแบบตามแนวคิด Advanced ‘dynamic shield’ ที่เน้นการปกป้องทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และผู้ร่วมใช้เส้นทาง ภายใต้ปรัชญาการออกแบบ ‘form follows function’ หรือ ‘รูปลักษณ์ที่สอดคล้องกับการใช้งาน”
สะท้อนให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมด้วยการออกแบบตำแหน่งของไฟหน้าและไฟหรี่แบบ crystal led ที่ติดตั้งอยู่ด้านบนของฝากระโปรงและเยื้องมาด้านหน้าซุ้มล้อ ช่วยให้ผู้ใช้ทางเท้าและยานพาหนะอื่น ๆ สังเกตเห็นได้ง่ายขึ้น รวมถึงไฟหน้าที่วางอยู่ในกันชนหน้าเพื่อเลี่ยงไม่ให้แสงจากไฟหน้ารบกวนสายตาผู้ใช้ทางเท้า และผู้ขับขี่ยานพาหนะที่สวนมา
โดยในรุ่น GT จะมาพร้อมไฟตัดหมอกหน้า มือเปิดประตูโครเมียม คิ้วขอบกระจกประตู และแผงกันกระแทกด้านหน้าและด้านหลัง รวมถึงคิ้วขอบประตูด้านล่างข้างตัวรถ
ภายในห้องโดยสารของ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ตกแต่งด้วยโทนสีดำ และมีความกว้างขวางที่สุดในรถระดับเดียวกัน รองรับผู้โดยสาร 7 คน เบาะนั่งปรับได้อย่างอเนกประสงค์ โดยเบาะแถวที่ 3 สามารถพับแบนราบเพื่อเพิ่มพื้นที่การบรรทุกสัมภาระได้
ด้านอุปกรณ์อำนวยความสะดวก มีให้อย่างครบครันทั้งกุญแจอัจฉริยะและปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ แผงควบคุมระบบปรับอากาศด้านหลัง พวงมาลัยปรับระดับสูง-ต่ำและปรับเข้า-ออก และสวิตช์ควบคุมระบบเครื่องเสียงบนพวงมาลัย พร้อมหน้าจอแสดงผลข้อมูลอเนกประสงค์แบบสามมิติ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนัง มีระบบล็อกความเร็วบนพวงมาลัย จอภาพระบบสัมผัสขนาด 6.2 นิ้ว และเบาะที่นั่งหุ้มหนังและวัสดุหนังสังเคราะห์ทั้ง 3 แถว (เฉพาะรุ่นจีที)
ทั้งนี้การออกแบบภายในห้องโดยสารเป็นไปตามดีไซน์แบบแนวราบ (horizontal axis) ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในการจัดเรียงแผงควบคุมทั้งหมดช่วยให้ผู้ขับขี่ใช้งานได้ง่าย พร้อมกับช่วยเพิ่มทัศนวิสัยทางด้านหน้าและความปลอดโปร่งให้ห้องโดยสาร
สำหรับหัวใจของ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ บรรจุเครื่องยนต์เบนซินที่ทำจากวัสดุอะลูมินัมอัลลอยขนาด 1.5 ลิตร DOHC MIVEC 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 141 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที (รองรับเบนซิน E20) พร้อมส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดที่ได้รับการพัฒนาเพื่อถ่ายทอดพละกำลังและแรงบิดของเครื่องยนต์รุ่นนี้โดยเฉพาะ
ส่วนช่วงล่างของ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ด้านหน้าเป็นแบบ แมคเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง ขณะที่ด้านหลังเป็นแบบทอร์ชันบีม ระบบเบรกหน้าเป็นดิสก์เบรก และหลังเป็นดรัมเบรก โดยใส่ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว ในรุ่น GLS Ltd และขนาด 16 นิ้วแบบทูโทน ในรุ่นGT
ด้านระบบความปลอดภัย มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ จัดเต็มครบทั้งระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ASC) ระบบป้องกันการลื่นไถล (TCL) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA) ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS) และระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) พร้อมระบบเสริมแรงเบรก (BA) ระบบไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS)
ขณะที่ ถุงลมนิรภัยด้านคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับและระบบผ่อนแรงอัตโนมัติ ELR 3 จุด 2 ตำแหน่ง และเข็มขัดนิรภัยแบบ ELR 3 จุด 5 ตำแหน่งสำหรับผู้โดยสารทุกที่นั่ง และรุ่น GT มาพร้อมกับกล้องมองภาพด้านหลัง
อย่างไรก็ตามแม้จะเปิดเผยข้อมูลมาอย่างครบถ้วนแล้ว แต่ยังเหลือในส่วนของราคาจำหน่ายที่ยังไม่สามารถประกาศได้ในเวลานี้ โดยคาดว่าจะอยู่ระหว่าง 7 แสนกว่าบาทในรุ่นเริ่มต้น และ 8 แสนกว่าบาทสำหรับรุ่นท็อป โดยมีเป้าหมายการจำหน่ายที่ปีละประมาณ 8,000 คัน ตามโควตาที่ได้รับการส่งมาจากอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิต มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ รุ่นนี้
ถึงบรรทัดนี้ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ กำลังจะเข้ามาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับรถเอนกประสงค์ในตลาดของเมืองไทย ซึ่งกระแสตอนนี้ได้รับความสนใจอย่างมาก เรียกว่าถูกจิตถูกใจคนไทยมิใช่น้อย แต่คงต้องรอดูราคาตอนเปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง แล้วมาดูกระแสตอบรับว่าจะยังร้อนแรงเช่นนี้ได้หรือไม่ ประการใด