xs
xsm
sm
md
lg

ลองขับจริง “จากัวร์ ไอ-เพซ” รถไฟฟ้าที่สมรรถนะดีกว่ารถยนต์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online



รถยนต์ไฟฟ้า ได้รับการพูดถึงกันมาอย่างมากในช่วง 2-3 ปีมานี้ ซึ่งทุกค่ายรถยนต์ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นี่คือทิศทางของการพัฒนายานยนต์ในยุคต่อไป และหนึ่งในแบรนด์ที่สร้างเซอร์ไพร์สให้กับวงการเวลานี้ “จากัวร์” แบรนด์เก่าแก่ระดับตำนานของอังกฤษที่ขึ้นชื่อในเรื่องของรถสปอร์ตที่มีความหรูหรา


ล่าสุดกับการสร้างความฮือฮาไปทั่วโลก ด้วยรถยนต์ “จากัวร์ อี-ไทรพ์” ไปปรากฎเป็นข่าวกระจายทั่วโลก เนื่องด้วยรถคันนี้กลายเป็น ราชรถ นำพาคู่บ่าวสาว “เจ้าชายแฮร์รี่และเมแกน” แห่งราชวงศ์วินเซอร์ ของอังกฤษ ไปงานเลี้ยงฉลองพิธีเสกสมรสในตอนค่ำวันนั้น โดยเป็นทราบกันดีอยู่แล้ว อี-ไทรพ์ เป็นรถโบราณ แต่เหตุใดจึงได้รับเกรียติสูงส่งเช่นนี้ นั่นเพราะ อี-ไทรพ์ คันนี้ไม่ธรรมดา ด้วยความเป็นรถไฟฟ้า 100%

ซึ่งว่ากันว่า อี-ไทรพ์ คันดังกล่าวนั้น เป็นรถต้นแบบรถยนต์ไฟฟ้าของจากัวร์ ที่มีมูลค่าสูงถึง 400,000 ปอนด์ หรือราว 15 ล้านบาท คำถามต่อมา อี-ไทรพ์ คันนั้นเป็นต้นแบบของรถอะไร คำตอบคือ “จากัวร์ ไอ-เพซ” ซึ่งทีมงานเอ็มจีอาร์ มอเตอริ่ง ได้มีโอกาสไปสัมผัสตัวเป็นๆ มาแล้ว จากการตอบรับคำเชิญของทาง อินช์เคป (ประเทศไทย) ในการเข้าร่วมทดสอบที่ประเทศโปรตุเกส เชิญรับชมกันได้ว่า รถไฟฟ้าของเจ้าเสือดำคันนี้มีอะไรเด็ดบ้าง

วิ่งไกล แบตใหญ่ ภายในหรู

แน่นอนว่าสิ่งแรกที่ทุกคนอยากรู้เกี่ยวกับรถไฟฟ้าคือ วิ่งได้ระยะทางไกลเท่าไหร่ ตามสเปคของทีมงานจากัวร์บอกว่า ไอ-เพซ สามารถวิ่งได้ไกลสุดด้วยระยะทาง 480 กม. ตามมาตรฐานการวัดของ WLTP จากขนาด 90 kWh ของแบตเตอรี่ แบบลิเทียม อิออน ที่มีจำนวน 432 เซลล์ ปูเต็มพื้นตัวถังใต้ท้องรถ



สำหรับการขับเคลื่อนบรรจุมอเตอร์ 2 ตัว ไว้ทางด้านหน้าและหลังอย่างละตัว ทำให้ไอ-เพซเป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาโดยธรรมชาติ ซึ่งมอเตอร์แต่ละตัวมีกำลัง200 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 348 นิวตันเมตร ทำให้ ไอ-เพซมีพละกำลังรวม 400 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 696 นิวตันเมตร ส่งกำลับด้วยเกียร์แบบ Single-Speed Epiccyclic


ส่วนการชาร์จนั้น เมื่อใช้ชุดควิกชาร์จ (100kW DC) จะใช้เวลา 40 นาที จากระดับ 0-80% และทุกๆ 15 นาทีของการชาร์จจะได้ระยะทางวิ่งเพิ่มขึ้นราว 100 กม. ขณะที่การชาร์จด้วยชุดวอลชาร์จสำหรับไฟบ้าน (7kW AC) จากระดับ 0-80% จะใช้เวลาราว 10 ชั่วโมง และจะเต็ม100% ด้วยระยะเวลาราว 12-14 ชั่วโมง

จุดเด่นของไอ-เพซนอกจากระบบขับเคลื่อนแล้วยังมีในส่วนของการออกแบบโครงสร้างตัวถัง ที่ใช้อะลูมิเนียมเป็นองค์ประกอบหลักถึง 98% เพื่อให้ตัวรถมีน้ำหนักเบา แต่ยังคงความแข็งแรงเอาไว้ได้ ส่วนการออกแบบภายนอกเน้นเรื่องของอากาศพลศาสตร์เป็นหลัก เพิ่มช่องดักลมด้านหน้าและสปอยเลอร์หลัง ทำให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศต่ำเพียง 0.29 เท่านั้น

สิ่งหนึ่งที่หายไปจากกลิ่นอายแบบรถจากัวร์ดั้งเดิมคือ ฝากระโปรงหน้าแบบยาว เนื่องจาก จากัวร์ ไอ-เพซ ไม่มีเครื่องยนต์ใต้ฝากระโปรงอีกต่อไป ดังนั้น ทางทีมดีไซน์จึงเลือกที่จะลดขนาดความยาวของฝากระโปรงหน้า แล้วนำพื้นที่ไปเพิ่มให้กับห้องโดยสารทำให้ ห้องโดยสารของไอ-เพซ มีความกว้างอย่างเหลือเฟือ


ด้านการออกแบบตกแต่งภายใน ยังคงสไตล์ของจากัวร์เอาไว้อย่างดี ด้วยคุณภาพของการตัดเย็บและการประกอบชิ้นส่วนที่เรียกว่า ประณีต คอนโซลหน้าติดตั้งหน้าจอสำหรับการสั่งการขนาดพอเหมาะ ในชื่อของ Touch Pro Duo infotainment system ที่ช่วยควบคุมทุกสิ่งอย่างของรถ รวมถึงระบบนำทางที่สามารถคำนวณระยะทางของแบตเตอรี่ว่าจะสามารถวิ่งไปถึงจุดหมายได้หรือไม่ แล้วการขับขี่เป็นอย่างไร ติดตามต่อได้

แรงลงตัว ข้ามเส้นยืนเหนือรถใช้เครื่องยนต์

เกริ่นหัวข้อแบบนี้ดูเหมือนจะเกินจริงไปหรือไม่ คำตอบอยู่ที่ ทีมงานจากัวร์ ยุโรปจัดบททดลองขับ ไอ-เพซ ไว้อย่างครบถ้วนทุกรูปแบบชนิดที่สิ้นข้อสงสัยและกังขาใดๆ เริ่มต้นหลังจากลงเครื่องบิน เราถูกจัดให้นั่งประจำการในตำแหน่งพลขับก่อนเป็นคนแรก โดยจับคู่กับสื่อมวลชนจากศรีลังกา (ประเทศนี้จะมี ไอ-เพซไปทำตลาดด้วยนะ)


เส้นทางการขับถูกเซตผ่านระบบนำทางในตัวรถ โดยระบุเป้าหมายคือ สนามแข่งรถ เป็นระยะทางราว 140 กม. ใช้เวลาขับประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า ความรู้สึกแรกหลังเหยียบคันเร่ง รถออกตัวได้รวดเร็วทันใจไม่ต่างจากรถที่ใช้เครื่องยนต์แต่ประการใด และในบางจังหวะที่กดคันเร่งหนักสามารถตอบสนองได้ทันใจกว่าด้วย

การขับบนถนนของโปรตุเกสนั้นเป็นการขับชิดขวา รถพวงมาลัยอยู่ทางด้านซ้าย อาจจะไม่คุ้นชินสักเท่าไหร่ และจะมีเรื่องของข้อกำหนดการจำกัดความเร็วที่แต่ละถนนนั้นจะไม่เท่ากัน ตั้งแต่ 50-120 กม./ชม. โดยเราไม่ต้องกังวลว่าเส้นไหนวิ่งได้เร็วสุดเท่าไหร่ เพราะ ไอ-เพซจะแสดงตัวเลขความเร็วสูงสุดของถนนที่เราวิ่งอยู่บนหน้าจอด้วย

ถนนช่วงนี้ส่วนมากเป็นถนนเรียบ ดังนั้น การขับจึงนุ่มนวล และเงียบมาก มีเพียงเสียงยางบดถนนเล็กน้อย เสียงลมประทะถ้าไม่เกิน 120 กม./ชม. ก็ไม่มีเสียงรบกวนแต่อย่างใด สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการลองคือ การกดคันเร่งแบบคิกดาวน์เพื่อลองอัตราเร่งที่จากัวร์เคลมว่า 0-100 กม./ชม. ในเวลา 4.8 วินาทีนั้นเป็นอย่างไร เราลองบนถนนจริง 2 ครั้ง หลังติดเบาะทั้งสองครั้ง แรงดึงรุนแรงมาก แต่รถก็ยังทรงตัวได้อย่างมั่นใจ


หนึ่งสิ่งที่ถือว่าต้องเรียนรู้เพื่อการขับที่สมบูรณ์แบบคือการปล่อยคันเร่งหากเหยียบแล้วปล่อยคันเร่งสุดจะเกิดแรงเบรกขึ้นทันที(น้ำหนักในการเบรก0.4G)ข้อดีคือคุณไม่ต้องใช้เบรกก็จะมีแรงเบรกมาให้เล็กน้อยจนถึงระดับที่รถหยุดได้เองแต่ด้านลบคือหากเร่งๆปล่อยๆแรงดึงจากระบบเบรกเมื่อปล่อยคันเร่งสุดจะส่งผลให้ผู้ขับขี่เวียนหัวได้แนะนำให้เมื่อต้องการชะลอควรปล่อยคันเร่งแบบไม่หมดต้องแตะเสริมพลังบ้างเล็กน้อยมิฉะนั้นจะเกิดการเบรกแบบไม่ตั้งใจได้


เมื่อมาถึงสนามแข่ง ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลต์ของการทดสอบ ทีมงานจัดให้เราขับ รถสปอร์ตัวแรง จากัวร์ เอฟ-ไทรพ์ ก่อนเพื่อทดลองไลน์การเข้าโค้งในสนาม (ไม่ได้ตั้งใจให้เปรียบเทียบนะแต่ก็อดไม่ได้) โดยมีนักแข่งมืออาชีพนั่งประกบเพื่อบอกไลน์การเข้าให้ถูกต้อง เราขับด้วยความสนุกสนาน และบันเทิงใจอย่างยิ่ง


หลังจากนั้นในรอบต่อมาเราเปลี่ยนมาขับ จากัวร์ ไอ-เพซ โดยคันนี้เป็นรุ่น S ต่างจากคันที่เราขับมาที่เป็นรุ่น First Edition ซึ่งจะแตกต่างที่การตกแต่งภายในสไตล์สปอร์ตกับหรูหราส่วนพิกัดกำลังเท่าเทียมกัน การขับแบบลงจากรุ่นหนึ่งมาขับอีกรุ่นหนึ่งทันทีในไลน์สนามเดียวกัน ทำให้ทราบถึงความแตกต่างที่ชัดเจน


ผู้เขียนขับ จากัวร์ ไอ-เพซ เข้าทุกโค้งเช่นเดียวกับเอฟ-ไทรพ์ สัมผัสได้ถึงความแตกต่างชนิดที่ชัดเจนที่สุด ไอ-เพซ ทรงตัวและเกาะโค้งดีกว่า อาการโยนตัวน้อยกว่า เนื่องจากการกระจายน้ำหนักที่สมดุล 50-50 และมีศูนย์ถ่วงน้ำหนักจากแบตเตอรี่ที่กระจายอยู่ทั่วพื้นรถทำให้ การทรงตัวนิ่งกว่า แม้จะมีน้ำหนักตัวมากถึงระดับ 2,133 กิโลกรัมก็ตาม ด้านอัตราเร่งคืออีกสิ่งหนึ่งที่ ไอ-เพซทำได้ เหนือกว่าชัดเจน ทุกการออกโค้งกดคันเร่งตอบสนองทันใจไร้การรอรอบ ยิ่งช่วงทางตรงเมื่อกดคันเร่งสุดหลังติดเบาะ รถยังคงนิ่ง ไม่หวั่นใจแม้ความเร็วที่แสดงจะระบุ 204 กม./ชม. และนี่คือความเร็วสูงสุดที่เราขับได้ในสนามนี้ ส่วนเอฟ-ไทรพ์ ณ จุดนี้เรากดสุดได้เพียง 180 กม/ชม.


หลังหมดรอบลงจากรถมาพูดคุยกับทีมงานจากัวร์ว่า เราประทับใจ ไอ-เพซ อย่างไม่น่าเชื่อ แม้ตัวรถจะเป็นแบบ เอสยูวี แต่กลับสามารถขับได้ดีกว่ารถแบบสปอร์ตเสียอีก ซึ่งเขาตอบกลับมาว่า การออกแบบ ไอ-เพซ อิงในส่วนของรถสปอร์ตด้วย และผสานความเป็นเอนกประสงค์เข้าไป ดังนั้นผลลัพท์ที่ได้จึงออกมาเป็นเช่นนี้

หลังเสร็จสิ่นการขับในสนามเรา ลองนั่งเป็นผู้โดยสารทางด้านหลัง พบว่า สบายไม่แตกต่างจากทางด้านหน้า ซึ่งต้องขอบคุณช่วงล่างระบบถุงลม ที่ด้านหน้าหยิบยกมาจาก เอฟ-ไทรพ์ และด้านหลังหยิบมาจาก เอฟ-เพซ นั่นเอง โดยสามารถปรับระดับยกรถให้สูงขึ้นได้ เพียงกดปุ่มตรงคอนโซลกลางเท่านั้น


เหนืออื่นใด เหมือนทีมงานจากัวร์รู้ถึงความต้องการของเรา ในวันรุ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นการขับกลับไปที่สนามบินตามเส้นทางแบบถนนชนบท แต่ทีมงานจากัวร์เพิ่มการทดลองขับแบบออฟโรดเข้ามาให้เราสัมผัสด้วย เรียกว่าครบถ้วนทุกรูปแบบ ซึ่งแม้จะไม่ใช่ออฟโรดแบบยาก แต่ก็โหดสำหรับมือใหม่ จุดแรกเป็นการขับลงธารน้ำเล็กๆ ที่มีระดับความลึกประมาณ 20 ซม. หรือเกือบครึ่งล้อ ระดับน้ำแตะใต้ท้อง เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าลุยน้ำได้


ถัดมาเป็นการขับขึ้นภูเขาแบบชันไม่น่าจะต่ำกว่า 40 องศา โดยเป็นทางแบบดินแดงและเราเป็นคันสุดท้าย พื้นลื่นชนิดที่ มีบางช่วงล้อหมุนฟรี ต้องอาศัยทักษะออฟโรดเพื่อเอาตัวรอดออกมาจากจุดกึ่งกลางเส้นทางที่ถ้าพลาดคือไถลตกเขา ซึ่งต้องขอชื่นชม แรงบิดมหาศาลทำให้เราผ่านไปได้โดยง่าย และการยึดเกาะที่ดี หลังจากนั้นต่อด้วยการลงระบบขับขี่ทางลาดชันด้วยความเร็วคงที่ ไอ-เพช สามารถไต่ผ่านได้ทุกจุดเพียงแค่ควบคุมพวงมาลัยให้ตรงกับทิศทางที่จะไป


สุดท้ายกับการขับในเส้นทางลูกรัง ธุรกันดาน ถนนแคบๆ มีเพียงเลนเดียวแต่รถสวนกันไปมา รวมถึงทางที่บังเอิญมีดินถล่มถนนพัง และทางที่เป็นหินแหลมคมก้อนขนาดใหญ่ เสี่ยงต่อการเสียหายของยางได้ ทุกเส้นทางที่กล่าวมาเราขับไอ-เพซผ่านมาได้หมดครบถ้วน โดยไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด





นอกจากนั้นในส่วนของอัตราการใช้พลังงานวันที่ 2 เราวิ่งไปด้วยระยะทางทั้งสิ้นราว177 กม. (ถึงจุดพักรถสุดท้าย)พลังงานไฟฟ้าใช้ไปราว48% (ราว 45kWh)หรือตามการแสดงผลบนหน้าจอระบุ 25.7 kWhต่อ 100 กม.คิดง่ายๆ ว่า 1kWhเท่ากับ 1 หน่วยของค่าไฟหากค่าไฟหน่วยละ 5 บาทการวิ่งด้วยระยะทาง 100 กม.ภายใต้สภาพการขับขี่ที่บรรยายมาจะเสียเงิน 128.5 บาทจึงกลายมาเป็นบทสรุปอย่างมั่นใจว่าอนาคตรถไฟฟ้าแจ้งเกิดแน่นอน

เหมาะกับใครจากัวร์ ไอ-เพซ คือบรรทัดฐานใหม่ ของโลกยนตกรรม ที่จะทำให้คุณลืมรถใช้เครื่องยนต์ ไอ-เพซ ทำให้ทุกคนที่ได้ลองเห็นแล้วว่า รถไฟฟ้า สามารถทำได้ดีกว่าในทุกหัวข้อ เพียงพอจะใช้คำว่า รถที่ดีที่สุดที่ผู้เขียนเคยได้ขับมา เหลือเพียงอย่างเดียวคือ ราคา ที่ไอ-เพซ นั้นจัดอยู่กับหมวดรถหรูหรา ค่าตัวเริ่มต้นระดับ 63,495 ปอนด์(อังกฤษ) หรือราว 2.8 ล้านบาท คงเป็นเวลาของเศรษฐีก่อนเท่านั้น

















กำลังโหลดความคิดเห็น