บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กระตุ้นตลาดไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ด้วยการเปิดตัวแคมเปญ “เติมเต็มถัง ลุ้นเต็มแรง ลุ้นเติมเชลล์ วี-เพาเวอร์ฟรี ลุ้นสัมผัสเฟอร์รารี่ไกลถึงอิตาลี” ล่าสุดได้ผู้โชคดี 20 ท่าน บินลัดฟ้าท่องเที่ยวประเทศอิตาลี ร่วมชมพิพิธภัณฑ์และโรงงานผลิตรถเฟอร์รารี่ ม้าลำพอง รถในฝันของใครหลายคน
จากความสำเร็จของแคมเปญ “เชลล์รวมพลังแจก แรงเร้าใจ” เมื่อเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา ที่ส่งชิงโชคเข้ามากว่า 10 ล้านใบนั้น เชลล์จึงเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งของแคมเปญให้มากยิ่งขึ้น จัดโปรโมชั่นแรงส่งท้ายปีให้กับลูกค้าทุกกลุ่ม เมื่อเติมน้ำมัน หรือซื้อและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ลุ้นรับสิทธิพิเศษจากแคมเปญใหญ่อย่าง “เติมเต็มถัง ลุ้นเต็มแรง ลุ้นเติมเชลล์ วี-เพาเวอร์ฟรี ลุ้นสัมผัสเฟอร์รารี่ไกลถึงอิตาลี” เพื่อตอบแทนความไว้วางใจที่ลูกค้าทุกท่านมอบให้แก่เชลล์ตลอดมา
ดังนั้นการพาสมาชิก เชลล์ คลับสมาร์ท ผู้ โชคดีเดินทางลัดฟ้าสู่ประเทศอิตาลีในครั้งนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของรางวัลจากแคมเปญ“เติมเต็มถังลุ้นเต็มแรงลุ้นเติมเชลล์วี-เพาเวอร์ฟรีลุ้นสัมผัสเฟอร์รารี่ไกลถึงอิตาลี” ของ บริษัทเชลล์แห่งประเทศไทยจำกัด ที่เปิดตัวเมื่อปลายปีพ.ศ. 2560 ที่ผ่านมา นั่นเอง
โดยเป็นแคมเปญสำหรับทั้งลูกค้าน้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมันเครื่องของเชลล์ มีมูลค่ากว่า 10,000,000 บาทเพื่อตอบแทนความไว้วางใจที่ลูกค้าทุกท่านมอบให้แก่เชลล์เสมอมาและมอบความสุขให้แก่ผู้ขับขี่ในประเทศไทยทุกคน โดยสมาชิกเชลล์ คลับสมาร์ท ผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลแพคเกจท่องเที่ยวประเทศอิตาลีมูลค่ารางวัลละ 200,000 บาทจำนวน 10 รางวัลรางวัลละ 2ที่นั่ง จะได้ประสบการณ์สุดพิเศษเข้าชมพิพิธภัณฑ์และโรงงานรถเฟอร์รารี่ ณ เมืองมาราเนลโล่ ซึ่งเฟอร์รารี่ คือพันธมิตรด้านนวัตกรรมระดับโลกของเชลล์มายาวนาน
ในส่วนของการทัวร์โรงงานนั้นแม้จะไม่ได้เข้าไปชมสายการผลิตแต่ทุกคนก็ได้เข้าไปภายในบริเวณโรงงาน และห้ามถ่ายภาพ โดยโรงงานแห่งนี้ก่อสร้างเสร็จในปี 2009 โดยสภาพประตูทางเข้ายังคงสภาพเดิมตั้งแต่สร้างเสร็จไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ และถนนที่ทุกคนผ่านมีชื่อว่า เอ็นโซ่ เฟอร์รารี่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ของเฟอร์รารี่ บอกว่า ตั้งชื่อถนนเพื่อเป็นเกียร์ติแด่ผู้ก่อตั้งเฟอร์รารี่นั่นเอง ที่สำคัญรถยนต์เฟอร์รารี่แต่ละคันใช้เวลา 1 ปีในการผลิตจนเสร็จสมบูรณ์ตามใบสั่งของลูกค้า และส่งไปยังดีลเลอร์ในตลาดต่างประเทศ โดยประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด รองลงมาคือ ประเทศจีน นอกจากนี้ยังได้ชมสนามทดสอบรถที่ยาวกว่า 3 กิโลเมตร ซึ่งตรงจุดนี้เป็นที่ทำงานของเอนโซ่ เฟอร์รารี่ด้วย เนื่องจากเขาต้องการใกล้ชิดกับรถแข่ง ได้ยินเสียงรถ ในระหว่างการทำงานไปด้วย และทุกวันนี้สภาพที่ทำงานของเอนโซ่ เฟอร์รารี่ ยังคงอยู่ที่เดิมสภาพเดิมด้วย (ในส่วนของรายละเอียดโรงงานและพิพิธภัณฑ์ พร้อมภาพรถ ติดตามอ่านในบทความต่อไป)
ที่สำคัญผู้โชคดีทั้ง 20 ท่าน ยังได้รับประทานอาหารในร้านที่ชื่อว่า Ferrari Ristorante Maranello ร้านอาหารสไตล์อิตาเลียน ซึ่งภายในร้านตกแต่งด้วยประวัติศาสตร์ของเฟอร์รารี่ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์สูตรหนึ่ง ฝาสูบ หมวกกันน็อก ชุดแข่ง ถุงมือ รองเท้า ของนักขับชื่อดังที่เคยอยู่ในทีม Scuderia Ferrari แม้กระทั้งไวน์ และจาน ก็ยังประทับตรา Ferrari จึงทำให้ร้านอาหารแห่งนี้กลายเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวและบรรดาแฟนคลับของค่ายม้าลำพองแบรนด์นี้
ส่วนของพิพิธภัณฑ์ เฟอร์รารี่สร้างเมื่อปี ค.ศ. 1947 เปิดให้เข้าชมเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 1990 บนพื้นที่กว่า 2,500 ตารางเมตร ภายในพื้นที่จัดแสดงรถยนต์รุ่นต่างๆ ของเฟอร์รารี่ ถ้วยรางวัลจาการชนะการแข่งขันต่าง ๆ ภาพถ่ายและวัตถุประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการแข่งรถในอิตาลี พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีผู้เข้าชมกว่า 180,000 คนต่อปี ซึ่งลูกค้าทุกท่านต่างตื่นเต้นที่ได้เห็นรถเก่า ๆของเฟอร์รารี่ แถมสถานที่แห่งนี้สามารถถ่ายรูปได้ เลยเก็บภาพกันอย่างสนุกสนาน นอกจากนี้ในวันถัดไป ทางเชลล์ ยังได้พาลูกค้าทั้งหมดไปชม IL Rosso&IL Rossa หรือ Woman&Ferrari พิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าเรื่องราวระหว่างผู้หญิงกับรถเฟอร์รารี่ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่เชลล์จัดให้กับลูกค้าที่โชคดีทั้ง 20 ท่าน
สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างเชลล์และเฟอร์รารี่มีมายาวนานเกือบ 70 ปี โดยมี เอนโซ่ เฟอร์รารี่ และบริษัทเชลล์ ได้คิดค้นสูตรของเชื้อเพลิงที่ใช้เติมในรถแข่ง หลังจากนั้นทั้งสองบริษัทร่วมมือกันพัฒนาเครื่องยนต์รถแข่งรวมถึงระบบน้ำมันเชื้อเพลิง ให้กับทีมสคูเดอเรีย เฟอร์รารี่ จนสามารถคว้าชัยชนะบนสังเวียนนี้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ที่สำคัญเชลล์ได้จัดสรรงบประมาณกว่า 30,000 ล้านบาทต่อปี เพื่อคิดค้นสูตรน้ำมันที่ดีที่สุดสำหรับเครื่องยนต์ประเภทต่าง ๆ ทั้งรถยนต์ส่วนบุคคล รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ เครื่องจักรหนัก รวมถึงการคิดค้นเชื้อเพลิงที่สะอาดและยั่งยืนสำหรับรถยนต์ในอนาคต ด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลก อย่าง เฟอร์รารี่
ทั้งนี้เพราะเชลล์เข้าใจว่าบนสนามแข่งฟอร์มูล่า-วัน นักแข่งทุกคนล้วนต้องการเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ให้มากขึ้น แม้เพียงเล็กน้อยก็มีค่าสำหรับชัยชนะและนี่คือปรัชญาที่เชลล์นำมาใช้กับผลิตภัณฑ์ทุกชนิดของเชลล์ และผลจากความร่วมมือด้านนวัตกรรมที่ยืนยาวที่เชลล์ทำร่วมกับเฟอร์รารี่ในการแข่งขันฟอร์มูล่า-วัน กลายเป็นที่มาของเทคโนโลยีของน้ำมัน เชลล์ วี-เพาเวอร์ สำหรับรถยนต์ทั่วไปบนท้องถนน
นอกจากนี้ผู้โชคดีทั้ง 20 ท่านยังได้เที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามในประเทศอิตาลี อาทิ นครวาติกัน ชมมหาวิหารเซ็นต์ปีเตอร์ ศูนย์กลางแห่งคริสต์ศาสนานิกายโรมันคอทอลิก สร้างขึ้นในยุคฟื้นฟูศิลปหรือยุคเรอเนซองส์ที่ใหญ่ที่สุดเทียบเท่าสิ่งมหัศจรรย์ของโลก, สนามโคลอสเซี่ยม สนามประลองยุทธที่สร้างมาแล้วร่วม 2,000 ปี เป็นสนามกีฬากลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในสมัยโบราณ,น้ำพุเทรวิ น้ำพุหินอ่อน อันแสนตระการจากการบรรจงสร้างโดยนักเรียนของโรงเรียนศิลปะเบอร์นิน ,หอเมืองปิซ่า อายุกว่า 800 ปีวัดดูโอโม่ ,วิหารซานตา มาเรีย เดล ฟิโอเร่ วิหารของเมืองฟลอเรนซ์ ,จัตุรัสเดลลา ซิญญอเรีย ,สะพานเวคคิโอ ข้ามแม่น้ำอาร์โน และเมืองโคโม่ เมืองเล็ก ๆ ที่มีบ้านเรือนปลูกสร้างในสไตล์ของวิลล่า เพราะมีทะเลสาบโกโม่ (Lake Como) ที่นี้เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจสำหรับผู้มีอันจะกิน ตบท้ายก่อนกลับทุกคนได้ช้อปปิ้งที่ Fox Town Factory Stores ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ซื้อของฝากกลับบ้านกันอย่างมีความสุข
ถึงบรรทัดนี้คงไม่ต้องบอกว่า เชลล์ให้ความสำคัญในการพัฒนาน้ำมันมากน้อยขนาดไหน เพื่อลูกค้าของเชลล์ทั่วโลก และการตอบแทนพาเที่ยวชมประเทศอิตาลี ก็เป็นหนึ่งในแคมเปญที่เชลล์มอบให้แก่ลูกค้า และเชื่อมั่นว่าแคมเปญดีดีแบบนี้จะเกิดขึ้นอีกในปีนี้ สำหรับลูกค้าก็รถลุ้นว่าใครจะเป็นผู้โชคดีรายต่อไปของ “เชลล์”