หากจะกล่าวถึงเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำนำหน้าสำหรับรถยนต์ในยุคนี้ สิ่งแรกที่นึกถึงคือ รถยนต์นั้นสามารถเชื่อมต่อกับอินเตอร์เนตได้ หรือเรียกง่ายๆ ว่า เราสามารถใช้รถยนต์เป็นเสมือนหนึ่งเพื่อนคู่ใจที่ทำให้เรา สามารถเชื่อมต่อกับโลกทั้งใบได้ รวมไปถึงการติดต่อและติดตามเพื่อนคู่ใจคันนี้ไม่ว่าอยู่ที่ใดบนโลก
MG คือ หนึ่งในผู้บุกเบิกรายแรกๆ ของรถยนต์ในเมืองไทย ที่ติดตั้งระบบการเชื่อมต่อชนิดเต็มรูปแบบของการใช้งานที่ให้เจ้าของรถสามารถเช็คสภาพของรถได้ อย่างหลากหลาย ทั้งลมยาง, สถานะภาพการล็อกรถ, ประตูรถเปิดหรือปิดอยู่, น้ำมันเชื้อเพลิง, แบตเตอรี่, เครื่องยนต์ และ ระบบเบรก รวมถึง สามารถสั่งเปิด-ปิดล็อกรถและติดเครื่องติดแอร์ได้ เพียงสั่งการผ่านแอพพลิเคชั่น “i-SMART” บนโทรศัพท์สมาร์ทโฟน
ได้ยินเรื่องราวแบบนี้แล้ว แน่นอนตามสไตล์ของ เอ็มจีอาร์ มอเตอริ่ง ยังไม่เชื่อในทันที ต้องมีการพิสูจน์กันสักหน่อยว่า แท้จริงแล้วระบบ i-SMART นี้สามารถใช้งานได้จริงดังที่กล่าวไว้หรือไม่ ผลลัพท์เป็นอย่างไร เชิญติดตามได้
ผู้เขียนอยู่กับเจ้า MG ZS รถเอนกประสงค์น้องใหม่ของค่ายนี้ ซึ่งติดตั้งระบบ i-SMART เอาไว้ เป็นเวลา 4 วัน แรกเริ่มใช้งาน ไม่ยากเย็นอะไรเพราะรถได้ลงทะเบียนทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว เพียงแค่มีรหัสผ่านพร้อมหมายเลขโทรศัพท์ในการเข้าใช้งาน แล้วโหลดแอพพลิเคชั่น MG i-SMART มาใช้งาน เพียงเท่านี้ ก็สามารถสั่งการได้ทุกอย่างแล้ว
เริ่มต้นด้วยคำว่า “ Hello MG “ เพื่อเปิดระบบการสั่งการด้วยเสียง อีกหนึ่งลูกเล่นใน MG ZS คันนี้ โดยรองรับการสั่งการด้วยคำสั่งภาษาไทย ทั้งการเปิด-ปิด ซันรูฟ , เปิด-ปิด เร่ง-เบา แอร์, เปิด-ปิด หน้าต่างด้านคนขับ ,โทรหาเพื่อน,นำทาง และ ควบคุมวิทยุได้ ซึ่งเราทดลองใช้งานพบว่า ใช้งานได้จริง แต่ต้องรอนิดหน่อย รวมถึงอาจจะต้องพูดหลายครั้ง เพื่อให้ระบบจดจำเสียงของตามโทนและสำเนียงของเรา ซึ่งทางเอ็มจีบอกว่า ระบบจะทำการบันทึกเก็บข้อมูลและเรียนรู้ไปเรื่อยๆ โดยทุกอย่างจะส่งไปเก็บไว้บนคลาวด์
แน่นอนว่า จะต้องมีคำถามว่า แล้วส่งข้อมูลเหล่านั้นไปได้อย่างไร คำตอบคือ ผ่านทาง ซิมการ์ด ที่ประจำอยู่ในรถนั่นเอง โดยซิมการ์ดที่ว่านี้ยังเป็นหัวใจสำคัญของ ระบบ i-SMART ที่เรากำลังจะกล่าวถึงต่อไป
ในรถMG ZS ทุกคันจะมีซิมการ์ดประจำรถ เพื่อทำหน้าที่ในการเชื่อมต่อข้อมูล รวมถึงส่งข้อมูลต่างๆ ให้แก่แอพพลิเคชั่น MG i-SMART ที่อยู่บนมือถือ โดยเราทดลองใช้งานแอพพลิเคชั่นนี้แล้ว พบว่า ทุกอย่างทำงานได้จริง ทั้งการแสดงผลน้ำมันเชื้อเพลิงกับระยะทางวิ่งที่จะไปต่อได้, แรงดันลมยาง และสถานะภาพต่างๆ ของตัวรถ
ขณะที่ไฮไลท์สำคัญคงอยู่ที่เรื่องของการทดลองดูว่า หากเราอยู่ห่างจากตัวรถไปคนละที่แล้ว ระบบยังจะสามารถตามเจอได้หรือไม่ คำตอบคือ แค่เพียงคุณสตาร์ทรถ ระบบก็จะส่งสัญญาณเตือนว่า รถมีการสตาร์ท และเมื่อมีการขับออกไปนอกแนวเขตที่กำหนดไว้ (Fence) ก็จะเห็นตำแหน่งที่รถอยู่ปัจจุบันได้ทันที นั่นหมายความว่า หากรถคุณถูกขโมย ไม่ว่าด้วยวิธีการใด (หรือคนในบ้านแอบเอาไปใช้งาน) คุณสามารถติดตามตำแหน่งที่ตั้งของรถได้อย่างแน่น เพียงกดคำว่า Find My Car บนแอพพลิเคชั่น และ ยังมี call center ไว้บริการหากต้องการข้อมูลตำแหน่งเพิ่มเติมอีกด้วย
เหนืออื่นใด ยังสามารถใช้แผนที่จากที่อยู่ปัจจุบัน เพื่อไปยังจุดที่รถจอดอยู่ได้อีกด้วย ดังนั้น ไม่ต้องกังวลเลยว่า หากรถหายไป คุณจะสามารถตามคืนได้อย่างแน่นอน ทั้งนี้ ไม่เว้นแม้แต่การอยู่ห่างเป็นพันไมล์ ในต่างประเทศ ระบบ i-SMART ยังแสดงศักยภาพได้เต็มที่ ขอเพียงมีสัญญาณอินเตอร์เนตที่แรงพอ ให้สมาร์ทโฟนของเราได้เชื่อมต่อเท่านี้ก็หายห่วง
ขณะที่การสั่งเปิด-ปิดระบบล็อกรถก็สามารถทำได้ง่ายดาย สะดวกมากหากต้องมาหยิบของที่รถ แต่ลืมหยิบกุญแจมาด้วย เพียงสั่งงานผ่านแอพก็เปิดและปิดรถได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส ส่วนการเปิดระบบแอร์นั้น สามารถทำได้จริงเช่นเดียวกัน โดยการติดแอร์รอนั้นระบบติดเครื่องเพียง 10 นาที หากคุณไม่ไปที่รถ ระบบจะดับเครื่องเองโดยอัตโนมัติ
ถึงบรรทัดนี้ ต้องยอมรับว่า เราเข้าใกล้สิ่งที่เรียกว่า รถอัตโนมัติ เข้าไปทุกที เมื่อรถยนต์กับซิมการ์ดผสานการทำงานร่วมกันได้อย่างลงตัว ภาพของนวนิยายวิทยาศาสตร์หรือหนังไซ-ไฟ อาจจะเกิดขึ้นได้ในเร็ววัน สำหรับ MG i-SMART ใช้ซิมการ์ดของระบบทรู โดยมีแพคเกจใช้งานได้ ฟรี เป็นระยะเวลา 5 ปี