xs
xsm
sm
md
lg

Test Ride “ยามาฮ่า เอ็ม-สแลซ” ทวงความเป็นเด็กในตัวคุณ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ภาพหนึ่งภาพแทนคำพูดนับล้านคำ”

ผมนึกถึงประโยคนี้ขณะช่างภาพหันเลนส์จ่อมาที่ผม

เขินหน่อย แต่ยินดีครับ ด้วยบทบาทหน้าที่ หากคุณผู้อ่านจะเข้าใจถึงสิ่งที่ผมรู้สึกได้มากขึ้น เพราะถ้าดูปุ๊ปจะรู้เลยว่า “ยามาฮ่า เอ็ม-สแลซ”(Yamaha M-SLAZ) ขี่แล้วเป็นไงบ้าง

...กาลครั้งหนึ่งไม่นานเท่าไหร่ (อยากให้บรรยากาศใกล้ชิดเหมือนการเล่านิทาน ไม่รู้เลือกใช้คำถูกมั้ย เอาเป็นว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อนนี้เอง) ค่ายส้อมเสียงจัดทริปทดสอบเน็กเก็ตไบค์น้องเล็กจากตระกูล MT-Series ภายใต้รูปแบบการใช้งานจริงเป็นขบวนทัวริ่งท่องเที่ยวกลุ่มเล็กๆ จำนวน 5 คัน ใช้เส้นทางขับขี่ท่ามกลางขุนเขาและธรรมชาติ จากจังหวัดเชียงใหม่ไปที่จังหวัดเชียงราย รวมระยะทางเกือบ 300 กิโลเมตร

สำหรับสตรีทไบค์พิกัด 150 ซีซี โมเดลนี้ผมเคยทำความรู้จักและนำเสนอเนื้อหาหลังจากสัมผัสสมรรถนะไปแล้ว ตั้งแต่เค้าเปิดตัวครั้งแรกช่วงปลายปี 2558 ซึ่งครั้งนั้นผมบอกเล่าความประทับใจเป็นถ้อยความบทสรุปไว้ว่า

ยามาฮ่า เอ็ม-สแลซ มีคาแรคเตอร์เฉพาะตัวที่ชัดเจน ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นภาพ คล้ายน้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ หน้าตาสดใสชวนมอง มาพร้อมบุคลิกกวนๆ แสบๆ มันๆ มีความสนุกอยู่ในตัว และที่สำคัญยังเป็นมิตรกับทุกคน ผู้หญิงขี่ได้ ผู้ชายขี่เท่(คลิ๊กอ่าน ลองขี่ “ยามาฮ่า เอ็ม-สแลซ” น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ ได้ที่ลิ้งก์นี้)

เช่นเดียวกัน หลังร่วมทริปทดสอบครั้งล่าสุด ยังคงยืนยันรายละเอียดเรื่องราวที่ผ่านการตกผลึกไปแล้วเหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม การร่วมกิจกรรมครั้งนี้ก็ทำให้เราสนิทสนมกันมากขึ้น นั่นจึงมีมุมมองที่อยากนำมาบอกกล่าวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

อันดับแรกเริ่มจากราคาค่าตัว 89,500 บาท ยังคงเท่าเดิมนับจากการเปิดตัวพร้อมวางจำหน่ายครั้งแรก แต่ล่าสุดมีสีสันใหม่ที่เตะตาโดนใจวัยรุ่นอย่างผมมาก โดยเฉพาะสีเทา-ดำ คันที่ผมขี่ในทริปนี้นั่นแหละ

ขณะเดียวกันปัจจุบันยังมีตัวเลือกเพิ่มในเวอร์ชั่น BLUE EDITION สีน้ำเงิน-ดำ ราคา 90,000 บาท และ Dark Edition สีเทา ราคา 90,500 บาท รวมถึง Limited Edition สีเทา-เขียว จัดเต็มชุดแต่งคุ้มค่าเกินราคา ผลิตจำนวนกำจัด 1,500 คัน ขายเพียง 105,500 บาท

ต่อมาที่ออฟชั่นติดรถอันโดดเด่น ได้แก่ โช้กอัพหน้าอัพไซด์ดาวน์ เรือนวัดความเร็วดิจิตอลเต็มรูปแบบ สวิซต์สตาร์ทเครื่องยนต์แบบเดียวกับบิ๊กไบค์รุ่นใหญ่ในค่าย สวิงอาร์มหลังอลูมิเนียม และไฟหน้า-ท้าย แบบฟูลแอลอีดี

ทั้งหมดนี้นอกจากเป็นการเพิ่มมูลค่าให้ตัวรถดูโก้เก๋ดูแพงแล้ว ด้านการใช้งานจริงก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยมด้วย หากแต่ยังไม่ถึงขั้นเลิศเลอเพอร์เฟ็กต์ อย่างบนหน้าปัดรายละเอียดต่างๆ ด้วยขนาดของหน้าจอที่เล็กไปหน่อย ส่งผลให้การอ่านค่าไม่ค่อยชัดเจน

ยกตัวอย่างที่เห็นชัดมากแต่มองลำบาก คือ ขีดแท่งๆ ที่บอกสถานะรอบเครื่องยนต์ แม้มีตัวเลขกำกับ(ที่ตัวเล็กกระจิ๊ดริด)แล้วก็ตาม

ด้านสรีระท่านั่งขณะขับขี่ อย่าเพิ่ง “งง” นะครับ ถ้าผมจะบอกว่า ไม่เป็นธรรมชาติ แต่ควบคุมคล่องตัวมากๆ ทั้งยังเลือกถ่ายเทน้ำหนัก สั่งงานควบคุมการเลี้ยวได้ทั้งแบบเรซซิ่งเข่าเช็ดพื้นหรือแบบโมตาร์ดก็สามารถทำได้

เพราะด้วยตำแหน่งพักเท้าไม่ได้ลากตรงเป็นแนวดิ่งจากเบาะนั่ง แถมองศาการวางเหมือนจะเยื้องไปด้านหลังเล็กน้อยเสียด้วย ขณะที่แฮนด์กว้างทรงต่ำ บังคับให้เราต้องงอข้อศอกและโน้มลำตัวไปด้านหน้า ซึ่งท่านั่งที่มีเอกลักษณ์นี้ ถ้าคนชอบก็รักเลย ส่วนคนที่ไม่คุ้นอาจรู้สึกแปลกๆ

สำหรับข้อสังเกตดังกล่าว อยากให้ไปลองนั่งคร่อมเจ้าเอ็ม-สแลซ ที่โชว์รูมแล้วจะเข้าใจมากขึ้นครับ

ขณะที่ขุมพลังเครื่องยนต์ 4 จังหวะ ขนาด 150 ซีซี สูบเดียว SOHC 4 วาล์ว จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ 6 สปีด อัตราเร่งและพละกำลังเครื่องยนต์สมตัว เทียบเคียงกับคู่แข่งในพิกัดนี้ไม่เป็นรองใคร ความเร็วปลายเห็นตัวเลขแตะระดับ 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้โดยไม่ต้องบิดหมดปลอกรอนานนัก

การใช้งานในชีวิตประจำวันน่าจะเหมาะกับนักบิดที่ต้องการความคล่องตัวในเมือง จังหวะเบรกหรือชะลอความเร็ว สามารถควบคุมระยะได้แม่นยำ ตัวรถมีน้ำหนัก 135 กิโลกรัม การบังคับเลี้ยวทำได้ง่าย สะดวกและรวดเร็ว

ส่วนนอกเมืองขี่เที่ยวระยะทางไกล อยากสนุกต้องเลือกเส้นทางที่มีโค้งเยอะหน่อย เพราะด้วยตำแหน่งท่านั่งอย่างที่บอก น้องเล็กจากตระกูล MT-Series เค้าเกิดมาเพื่อตอบโจทย์คนรักความตื่นเต้นเร้าใจแบบสตรีทไบค์ไม่ใช่สไตล์ทัวริ่ง

ย้ำอีกครั้ง ขี่ยามาฮ่า เอ็ม-สแลซ แล้วเป็นไงบ้าง ผมอยากบอกว่าตัวเองรู้สึกสนุกเหมือนกลับมาเป็นเด็กอีกครั้ง และจากรูปน่าจะยืนยันคำตอบได้

ว่าผมอาจจะคิดไปเองคนเดียว(ฮา).




กำลังโหลดความคิดเห็น