xs
xsm
sm
md
lg

3 คืน 4 คัน บนพระจันทร์เสี้ยว “Harley-Davidson Ride Ride Slide”(ตอนที่1)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ถ้าคุณได้อ่านบทความนี้ แสดงว่าภารกิจผมเสร็จสิ้นแล้ว

ปลายเดือนที่ผ่านมาผมได้รับมอบหมายให้ไปร่วมกิจกรรม ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ไรด์ ไรด์ สไลด์ 2018 (Harley-Davidson Ride Ride Slide 2018) ณ สาธารณรัฐโครเอเชีย ประเทศหนึ่งในทวีปยุโรปที่ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนพระจันทร์เสี้ยว ด้วยรูปร่างหน้าตาหากมองจากมุมสูงจะคล้ายกับพระจันทร์เสี้ยวหรือเกือกม้าเอามากๆ

โดยทริปนี้มีความพิเศษที่ยิ่งใหญ่ระดับนานาชาติ และมีชื่อเสียงของประเทศเป็นเดิมพัน(เกี่ยวข้องอย่างไร ช่วงท้ายมีคำตอบ) เหตุเพราะผมเป็นผู้สื่อข่าวชาวไทยเพียงหนึ่งเดียวที่ได้รับโอกาสเดินทางไปร่วมงานนี้
บินลัดฟ้าเพื่อไปทดลองขี่ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน 4 รุ่นใหม่
ประโยคข้างบนอาจฟังดูโอเวอร์ไปหน่อย แต่ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ หากแต่ความรู้สึกตื่นเต้นที่ว่าไม่ได้อยู่ที่การเดินทางไกลข้ามทวีปเพียงลำพัง แต่เป็นความกังวลที่ต้องไปขี่บิ๊กไบค์อเมริกันครุยเซอร์ โมเดลใหม่จำนวน 4 รุ่น ภายใน 3 วัน ต่างหาก

ทำไมถึงกังวล-สารภาพอย่างไม่โกหก แบรนด์ดังยี่ห้อนี้แม้คุ้นหูมานมนาน แต่ไม่เคยทำความรู้จักผ่านการขับขี่เลยสักครั้งเดียว ดังนั้น เพื่อสร้างความคุ้นเคยก่อนตะลุยโครเอเชีย พี่มาร์ค-ธนบดี กุลทล ผู้จัดการประจำประเทศของฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ประเทศไทย จึงลงทุนสละมาดผู้บริหารชั่วคราว ชวนผมออกทริปสวมบทลูกค้าฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ขี่รถเที่ยวจริงจังหนึ่งวันเต็มๆ

วันนั้นนอกจากผมจะได้เรียนรู้บุคลิกของตัวรถแล้ว ยังทำให้รู้ว่าผู้บริหารหนุ่มไฟแรงคนนี้ก็ชื่นชอบมอเตอร์ไซค์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าผมเลย ช่วงที่เรียนและทำงานในอเมริกา แกก็เดินทางด้วยยานพาหนะสองล้ออยู่ตลอด
ภาพมุมสูงของเมืองสปลิท ประเทศโครเอเชีย สวยน่าตื่นตาตื่นใจไหมครับ(ภาพจากอินเตอร์เน็ต)
ระหว่างมื้อเที่ยงเราแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับการขับขี่รถจักรยานยนต์กันหลายเรื่องครับ แต่มีเรื่องหนึ่งที่ผมไม่เข้าใจ เมื่อผมถามว่า เอกลักษณ์ของฮาร์ลีย์-เดวิดสัน คืออะไร

“ถ้าคุณซื้อมอเตอร์ไซค์ยี่ห้ออะไรก็ตาม คุณก็จะได้แค่มอเตอร์ไซค์ แต่ถ้าคุณซื้อฮาร์ลีย์-เดวิดสัน คุณจะได้ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน”

ผมฟังคำตอบผ่านๆ คิดว่าเป็นแค่คำโฆษณา แม้อยากให้ขยายความ แต่ต้องม้วนเก็บความสงสัยไว้ก่อน ยังมีอีกสารพัดสิ่งอย่างให้เตรียมตัว เพราะหลังจากนั้นอีกเพียงหนึ่งสัปดาห์ได้เวลาบินลัดฟ้ามุ่งหน้าสู่ดินแดนพระจันทร์เสี้ยวแล้ว
Road Glide
Day 1 : Touring ตัวใหญ่ใจสปอร์ต

วันแรกของการผจญภัยในต่างแดน หลังจากฟังข้อมูลตัวรถและเส้นทางที่ใช้ทดสอบขับขี่ รถใหม่ในตระกูลทัวริ่งโฉมปี 2018 สองโมเดลที่เราจะได้สัมผัสที่นี่ ได้แก่ Road Glide (ราคาค่าตัวในไทย เริ่มต้นที่ 1,856,000 บาท) และ Street Glide (เริ่มต้น 1,806,000 บาท)

ด้านรูปแบบก็ขี่เรียงต่อกันไปเป็นขบวน แถวตอนเรียงหนึ่งบ้าง สลับฟันปลาสองแถวบ้าง ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของสภาพการจราจร วิ่งวนรอบเมืองสปลิท(Split) และเมืองใกล้เคียง รวมระยะทางประมาณ 280 กิโลเมตร

สำหรับสเป็กโดยละเอียดของรถทั้ง 2 รุ่น ใจจริงอยากให้คนที่สนใจหาจากอินเตอร์เน็ตได้เลยครับ เพราะผู้ส่งจดหมายเชิญให้พวกเรามาร่วมกิจกรรม-นิก เอลวูด (Nik Ellwood) หัวหน้าแผนกประชาสัมพันธ์ ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน อินเตอร์เนชั่นแนล แกก็ไม่ได้บอกลงลึกถึงข้อมูลตัวเลขครบทุกอย่าง

ภาพรวมคร่าวๆ ของตัวเลือกในตระกูลทัวริ่ง ใช้ขุมพลังเครื่องยนต์ วี-ทวิน Milwaukee-Eight 107 พิกัด 1,745 ซีซี. ให้พลังแรงบิด 150 นิวตันเมตร โช้กอัพหลังสามารถปรับค่าการทำงานด้วยมือ ระบบเบรกแบรนด์ดัง แบรมโบ้(Brembo) พร้อมการกระจายแรงเบรก ความโดดเด่นอยู่ที่ชุดอภิมหาความบันเทิง Boom Box 6.5 หน้าจอสัมผัส มาพร้อมระบบนำทาง สามารถเชื่อมต่อมือถือ สั่งการด้วยเสียง ถือเป็นอุปกรณ์ติดรถที่เป็นตัวช่วยอำนวยความสะดวกสบายตลอดการเดินทาง

ขณะที่ความต่างของรถสองรุ่นนี้อยู่ที่ชุดแฟริ่งด้านหน้าหรือเรียกง่ายๆ ว่าส่วนหัว ในรุ่น Road Glide เป็นรูป Shark-nose หรือจมูกฉลาม ติดตั้งไฟหน้า LED คู่แบบสองดวง ฝั่งของ Street Glide ไฟหน้าทรงกลมดวงเดียว ส่วนหัวเป็นแบบ Batwing หรือปีกค้างคาวโค้งมนขนาดใหญ่
Street Glide
“เราอยากให้ทุกท่านสัมผัสโมเดลใหม่อย่างมีความสุข ขอให้สนุกกับตัวรถและเส้นทาง ขับขี่ปลอดภัย ทุกท่านมาเพื่อเข้าถึงกิจกรรมวันหยุดของชาวฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ผมเชื่อว่าตลอด 3 วันนี้จะเป็น 3 วันที่ทุกท่านไม่มีวันลืม” นิก เอลวูด กล่าวส่งท้ายเมื่อได้เวลาปล่อยขบวน

ผมเริ่มต้นสัมผัสแรกด้วยการขี่โมเดลหัวฉลามก่อน ท่านั่งแปลกดีครับ กล่าวคือ ตำแหน่งแฮนด์สูงขยับเข้าหาผู้ขับขี่ ช่วงแขน ลำตัว และร่างกายท่อนล่าง ให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลาย บั้นท้ายวางบนเบาะหนานุ่มมีส่วนโค้งเว้ารองรับได้กระชับ

ส่วนที่ว่าแปลกคือช่วงขา เหมือนจะสบายแต่สบายไม่สุด คงเป็นเพราะองศาของแผ่นรองเท้ามันขนานกับพื้น ถ้าให้ดีขยับเอียงขึ้นมาอีกนิดน่าจะจัดท่าจัดทางได้สบายกว่านี้

ยังไม่หมด ข้อสังเกตุอีกอย่างก็คือพื้นที่ระหว่างก้านเกียร์ด้านหน้าและหลัง ผมว่ามีน้อยไปหน่อย จุดนี้เองทำให้การวางเท้าค่อนข้างลำบาก เวลาจะยกขึ้นมาเปลี่ยนเกียร์ก็ติดขัดไม่คล่องตัว

ขยับมาที่ส่วนหัวปีกค้างคาวกันบ้าง ท่านั่งต่างกันแค่องศาและความสูงของแฮนด์ครับ ถามว่ามีผลเยอะไหม คนอื่นไม่รู้ แต่สำหรับผมเยอะมากทีเดียว เพราะการควบคุมแฝดทัวริ่งหัวใหญ่ไฟกลมขณะวิ่งในโค้งทำได้มั่นใจกว่า ขี่แล้วให้สัมผัสเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับตัวรถมากกว่า ผมรู้สึกแบบนี้นะ

ด้านฟังก์ชั่นความบันเทิง แม้จะเป็นไฮไลต์แต่ขออนุญาตข้ามเลยนะครับ เพราะเอาจริงๆ แทบไม่ได้เล่นเลย จะมีบ้างก็เปิดเพลงฟัง กดดูแผนที่บนหน้าจอบ้างเป็นระยะ สายตาและสมาธิมัวแต่จดจ่ออยู่กับถนนหนทางและวิวหลักล้านสองข้างทางมากกว่า

หากถามว่าหลังจากขับขี่แล้วผมประทับใจอะไรบ้าง ผมว่าคงเป็นเรื่องของพละกำลังเครื่องยนต์ที่ทรงพลังมากๆ การส่งกำลังจากเกียร์สู่เกียร์ทำได้ไหลลื่น เช่นเดียวกับการตอบสนองของคันเร่งก็ควบคุมง่าย มานุ่มๆ แต่พุ่งเหมือนขี่รถสปอร์ต

อ่านถึงตรงนี้แล้วหลายคนน่าจะสงสัย รถใหญ่ขนาดนี้ น้ำหนักตัวต้องมากแน่ๆ ทำไมผมถึงไม่พูดถึงเลย

ข้อนี้ไม่ได้ลืมครับ แถมเป็นความกังวลที่น่ากลัวที่สุดก่อนตอบรับไปร่วมกิจกรรมนี้ด้วย บอกเลยด้วยความสัตย์จริง ความหนักหนาสาหัสพิกัดน้องๆ ข้าวสาร 3 กระสอบครึ่งไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับผมเลย หรือสรุปให้ชัด ใครๆ ก็ขี่ได้ครับ

ขนาดในขบวนมีผู้ทดสอบเป็นผู้หญิงด้วย ไม่ว่าตอนจอดบนเนิน กลับรถบ่อยครั้งในเซสชั่นถ่ายรูป หรือกระทั่งวิ่งขึ้น-ลงภูเขาพบอุปสรรคโค้งหลากหลายรูปแบบ วิ่งฉิวผ่านสบายครับ

จะมีที่ขัดใจนิดหน่อยก็แค่ขณะฟังเพลงเพลินๆ ดันมีเสียงแผ่นรองวางเท้าขูดพื้นดัง “แคร่ก แคร่ก” มารบกวนเท่านั้นเอง

***ติดตามต่อตอนที่ 2***












กำลังโหลดความคิดเห็น