xs
xsm
sm
md
lg

“มาสด้า” เสริมทัพรับยอดพุ่ง ปีนี้ CX-3 แทคทีมCX-8ปีหน้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online



มาสด้า ปรับทีมผู้บริหาร ขานรับยอดขายพุ่งเกินคาด เตรียมเปิดตัว ซีเอ็กซ์-3 รุ่นไมเนอร์เชนจ์กลางปีนี้ ส่วน ซีเอ็กซ์-8 รอถึงปีหน้า มาทำตลาดแน่นอน เผยแผนพัฒนาปิกอัพเดินหน้าแล้วระบุชัดออกจำหน่ายได้ทันในปี 2020 อย่างแน่นอน พร้อมตั้งเป้าขายปีนี้ทุกรุ่น 60,000 คัน มั่นใจถึงจุดหมายอย่างแน่นอน แบ่งรับแบ่งสู้รับประกัน 6 ปี 180,000 กม. ยังเป็นแคมเปญพิเศษ


“ซูม ซูม” คำติดปากที่กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์รถยนต์ “มาสด้า” ซึ่งเข้ามาทำตลาดอยู่ในเมืองไทยอย่างยาวนานตั้งแต่ยุคบุกเบิกอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในช่วงปี พ.ศ.2494 โดยยุคนั้นเป็นการร่วมทุนกับกลุ่ม กมลสุโกศล และสร้างชื่อเสียงมาอย่างยาวนานจนกระทั่งมีการปรับโครงสร้างครั้งสำคัญหลังเกิดภาวะวิกฤตเศรษฐกิจของไทยเมื่อปีพ.ศ. 2540


ใน ปี พ.ศ. 2542 มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ตัดสินใจ เข้าซื้อกิจการ “สุโกศล มาสด้า” ซึ่งเป็นบริษัทที่ร่วมทุนกับ กลุ่ม กมลสุโกศล ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2533 เพื่อผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์มาสด้าแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย โดย มาสด้า เข้ามาถือหุ้นในสัดส่วน 93% และเมื่อทุกอย่างเรียบร้อย มาสด้า เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น “บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด” นับเป็นการเข้ามาทำตลาดโดยบริษัทฯ แม่อย่างสมบูรณ์ จนถึงปัจจุบัน

สำหรับ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เพิ่งจะมีการปรับโครงสร้างผู้บริหารใหม่ทั้งหมด หลังประสบความสำเร็จด้านยอดขาย โดยผลักดันคนไทยเข้ามานั่งแท่นเป็นผู้บริหารครบทุกสายงาน นำทีมโดย นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย


ทั้งนี้ ยอดขายล่าสุด ปิดไตรมาสแรกของปี 2561 มาสด้า สามารถทำได้ถึง 16,586 คัน เติบโตขึ้นถึง 43% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมีพระเอกคือ มาสด้า 2 ยอดขายกว่า 10,000 คัน และปีนี้มาสด้า ตั้งเป้ายอดขายรวมทุกรุ่นเอาไว้ที่ 60,000 คัน มาลองวิเคราะห์กันดูว่า มาสด้าจะทำได้สำเร็จอย่างที่หวังไว้หรือไม่ อะไรคือปัจจัยที่จะทำให้ไปถึงและไม่ถึงจุดหมาย

ปัจจัยบวกหลักในอุตสาหกรรมยานยนต์คือ การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ สำหรับมาสด้า ในปีนี้ยอมรับว่า ไม่มีรถรุ่นใหม่ แต่จะมีรุ่นไมเนอร์เชนจ์ 2 โมเดล และรุ่นปรับเพิ่มอุปกรณ์พิเศษประจำปี อีก 2 โมเดล ซึ่งระยะหลังมาสด้าใช้กลยุทธ์นี้ในการทำตลาดกับทุกโมเดล โดยรุ่นปรับเพิ่มอุปกรณ์เปิดตัวไปแล้ว ใน มาสด้า 2 MY2018 และมาสด้า 3 MY2018


ส่วนรุ่นที่จะไมเนอร์เชนจ์ ประกาศชัดเจน 1 รุ่นคือ มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 โดยมีกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการราวกลางปีนี้ ขณะที่ตลาดโลกเราได้เห็นโฉมหน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะมีจุดแตกต่างในส่วนของกระจังหน้าแบบใหม่ และไฟตัดหมอก รวมถึงไฟท้ายในสไตล์เดียวกับ รุ่นพี่ ซีเอ็กซ์-5 โฉมใหม่

ในเชิงวิศวกรรม ทีมงานเอ็มจีอาร์ มอเตอริ่ง ได้มีโอกาสสัมผัสและทดลองขับพร้อมพูดคุยกับทีมวิศวกรผู้พัฒนารถยนต์ซีเอ็กซ์-3 เขากระซิบบอกว่า เปลี่ยนแทบจะทั้งคัน โดยเฉพาะในส่วนของการทำงานของเครื่องยนต์และช่วงล่างที่มีการเพิ่มระบบใหม่เข้าไป ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้น เขาขอเก็บไว้เป็นความลับ แต่จากการทดลองขับเปรียบเทียบโฉมเดิมและโฉมไมเนอร์เชนจ์ แบบขึ้นลงคันต่อคันทันที บอกได้ชัดว่า แตกต่างจริงๆ อาจจะเพราะเราขับบนหิมะด้วยจึงเห็นความแตกต่างที่ชัดเจนในด้านการยึดเกาะถนน


ขณะที่ไมเนอร์เชนจ์อีกหนึ่งรุ่นยังไม่เป็นที่เปิดเผย แต่จะการคาดคะเนมีความเป็นไปได้สำหรับการกระตุ้นรถปิกอัพ “บีที-50 โปร” เนื่องจากเงียบไปนานแต่ยังมียอดขายที่สม่ำเสมอ แม้จะเริ่มถดถอยลงไปบ้างตามอายุการทำตลาด

ซึ่งโปรเจคใหญ่ของรถปิกอัพมาสด้า ถูกจับจ้องไปที่ปี 2020 หรือหลังจากนี้อีก 2 ปี กับแผนการพัฒนาปิกอัพร่วมกันกับ อีซูซูที่ทางมาสด้าเผยออกมาว่า เริ่มต้นดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว คาดว่าจะเสร็จทำตามกำหนดที่ประกาศไว้อย่างแน่นอน

ส่วนในปีหน้า “ซีเอ็กซ์-8” จะเข้ามาเสริมทัพเป็นหัวหอกสำคัญในการเปิดตลาดใหม่ของรถเอนกประสงค์ในประเทศไทย โดยเป็นรถแบบเบาะ 3 แถว 6 ที่นั่ง (2+2+2) เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.2 ลิตร Skyactiv D เวอร์ชั่น อัพเกรด 2018 กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ขับเคลื่อนสี่ล้อโดยขับล้อหน้าเป็นหลักและมากับระบบ i-activ AWD อัตราการบริโภคน้ำมันเฉลี่ย 17.6 กม./ลิตร


มองภาพของรถใหม่ไม่มีออกตลาด แต่กลับมียอดขายเติบโต ทั้งหมดนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นผลมาจาก การมีผลิตภัณฑ์ที่ดีตรงใจลูกค้าอยู่แล้ว ซึ่งมาสด้าโดดเด่นในเรื่องของการขับขี่ที่สนุก วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ดูดีสมราคา และเต็มไปด้วยเทคโนโลยี พร้อมกับดีไซน์ที่เรียบง่ายโดนใจผู้บริโภค

เหนืออื่นใด ยังมีเรื่องของฝีมือการวางแผนและกลยุทธ์ในการทำตลาดที่เน้นเอาใจใส่ลูกค้าเป็นสำคัญ โดยเฉพาะในส่วนของเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายที่มาสด้าเข้าไปช่วยดูแลอย่างใกล้ชิดมากขึ้น ทั้งปรับกลยุทธ์การออกอีเว้นท์ การปิดการขาย รวมถึงการปรับมาตรฐานโชว์รูมใหม่ ให้มีความทันสมัยและ บริการหลังการขายที่ดี ซึ่งเราจะกล่าวถึงต่อไป


สำหรับ มาสด้า เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ปัจจัยลบติดตัวอยู่ ดังที่หลายคนทราบกันดี แต่หากไม่ทราบ นั่นก็คือ ปัญหาเรื่องของ น้ำดันในรถยนต์รุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล ตรงนี้ต้องอ่านให้ละเอียด... เพราะ ประเด็นนี้อาจจะ ปัจจัยลบ หรือ ปัจจัยบวก ยังยากที่จะประเมิน เนื่องจาก

ปัญหาที่เกิดขึ้นทุกเคส มาสด้า แสดงชัดในแง่ของความจริงใจในการแก้ปัญหาและจัดการให้เสร็จสมบูรณ์จนจบทุกคัน ตามแต่ละกรณีไป รวมถึงการขยายการรับประกันเป็น 6 ปี หรือ 180,000 กม. สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าและว่าที่ลูกค้าทุกคน โดยการรับประกันนี้ยังมาเป็นแพคเกจพิเศษให้กับมาสด้า ซีเอ็กซ์-5 ใหม่อีกด้วย ซึ่งการรับผิดชอบเต็ม 100% ดังกล่าวของมาสด้า ใครที่เป็นผู้ใช้รถย่อมรู้แก่ใจดีอยู่แล้วว่า มาสด้า ดูแลดีเพียงใด


ซึ่งจากการดูแลดีเช่นนั้น ทำให้บุคคลบางกลุ่มนำไปใช้เป็นข้อกล่าวอ้างและแนะนำในทางที่มิควร อันนำไปสู่ข่าวการฟ้องร้องของ มาสด้าต่อกลุ่มบุคคลที่กระทำการดังกล่าวเพื่อให้ยุติการกระทำ ดังที่เป็นข่าวครึกโครม โดยผลลัพธ์สุดท้ายจบลงด้วยกระบวนการไกล่เกลี่ยในชั้นศาล เรื่องราวเป็นอย่างไร เรามิอาจจะนำเสนอได้ บอกได้เพียง มาสด้าถอนฟ้องเรียบร้อยและกลุ่มบุคคลนั้นได้ยุติการกระทำดังกล่าวแล้ว คดีความถือว่าสิ้นสุด

ถึงกระนั้นก็ตามภาพความฝังใจและกังวลในเรื่องของปัญหาน้ำดัน ก็จะยังคงตามหลอกหลอน มาสด้า อยู่ต่อไป ส่วนปัญหาเกิดจากอะไร สอบถามทีมงานมาสด้าให้คำตอบว่า ”เกิดจากความบกพร่องของชิ้นส่วนบางตัว ซึ่งปัจจุบันมาสด้าได้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขแล้ว ดังนั้นรถยนต์มาสด้า ใหม่ทุกคันจะไม่มีปัญหานี้” เพราะฉะนั้น ปัญหาดังกล่าว น่าจะถือว่าอยู่ในจุดที่เริ่มคลี่คลายไปได้ในระดับหนึ่งแล้ว




อย่างไรก็ตาม ปัจจัยลบดังกล่าว หากจะมองให้เป็นด้านบวกก็ย่อมได้ เพราะมาสด้า ดูแลได้ดีอย่างเป็นรูปธรรม จนกระทั่งมีคำถามว่า การรับประกัน 6 ปี หรือ 180,000 กม. จะกลายมาเป็นบรรทัดฐานใหม่ของการรับประกันหรือไม่ ซึ่งทางผู้บริหารของมาสด้าเองตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ว่า มีความเป็นไปได้และมาสด้าประกาศให้การรับประกัน 6 ปีหรือ 180,000 กม. เป็นแคมเปญส่งเสริมการขายตามช่วงเวลาอยู่เป็นระยะๆ และจุดนี้เองที่มีส่วนสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าและว่าที่ลูกค้าของมาสด้าทุกคน โดยสะท้อนมาให้เห็นในยอดขายที่เติบโตขึ้นชัดเจน






ถึงบรรทัดนี้ หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนงาน มาสด้า 2 ยังโกยยอดขายได้ และอีก 2 รุ่นที่จะปรับโฉมเข้ามาเสริมทัพ กับปัญหาต่างๆ เริ่มคลี่คลาย เป้าหมายยอดขาย 60,000 คัน ที่มาสด้า ตั้งใจไว้คงไม่ไกลเกินเอื้อม แม้จะไม่มีรถยนต์รุ่นใหม่เปิดตัวสู่ตลาดก็ตาม



กำลังโหลดความคิดเห็น