ถึงจะนานทีปีหน แต่เมื่อจัดขึ้นแล้วไม่เคยทำให้แฟนคลับต้องผิดหวัง สำหรับกิจกรรมแทร็กเดย์ของสองล้อแบรนด์หรูสัญชาติเยอรมัน “บีเอ็มดับเบิลยู” โดยปีนี้เพิ่มความพิเศษด้วยการนำทีมฝึกสอนจากแคลิฟอร์เนีย ซูเปอร์ไบค์ สคูล (California Superbike School) บินตรงจากเมืองลุงแซมเพื่อมาติวเข้มวิธีการขับขี่พิชิตโค้ง ให้กับลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิตโดยเฉพาะ
ก่อนอื่นเลยต้องย้ำเตือนกันก่อนว่า บทความนี้มีการสปอยล์เนื้อหาหลักสูตรการฝึกสอนและขั้นตอนการปฏิบัติต่างๆ ดังนั้น หากใครที่คิดว่าตัวเองบรรลุทักษะการขับขี่ในสนามแข่งขันและไม่ต้องการเติมน้ำในแก้วเพิ่มแล้ว แนะนำว่าให้เลื่อนข้ามไปได้เลย(แต่ก่อนข้ามฝากกดแชร์ให้เพื่อนที่เป็นมือใหม่หัดขี่ด้วยจะดีมาก)
ส่วนใครที่อยากรู้เคล็ดวิชาของอดีตนักแข่งชาวอเมริกัน คีธ โค้ด (Keith Code) ผู้ผันตัวมาเป็นครูฝึกสอนถ่ายทอดความรู้เทคนิคการเข้าโค้งมาเกือบ 40 ปี และมีลูกศิษย์ที่ผ่านการอบรมแล้วกว่า 150,000 คนทั่วโลก โอกาสดีๆ แบบนี้ไม่ได้มีมาบ่อย ขอเชิญมาเปิดประสบการณ์ใหม่พร้อมกับสาวกค่ายใบพัดสีฟ้า ซึ่งให้การตอบรับเข้าร่วมกิจกรรม “BMW Motorrad Track Experience 2018” ในปีนี้อย่างคึกคักรวมแล้วกว่า 90 คนเลยทีเดียว
ด้านหลักสูตรการสอนที่นำมาเปิดคอร์สเฉพาะกิจครั้งนี้เป็นเพียงระดับเริ่มต้นหรือเลเวลที่ 1 จากทั้งหมด 4 ระดับ โดยรูปแบบจะสลับกันระหว่างภาคทฤษฎีในห้องเรียนกับภาคปฏิบัติบนแทร็กช้างฯ เซอร์กิต
บทที่ 1 เรียนรู้การใช้คันเร่ง
“ความแตกต่างระหว่างนักบิดมืออาชีพกับมือสมัครเล่นคืออะไร” ไดแลน โค้ด (Dylan Code) ลูกชายผู้ก่อตั้งแคลิฟอร์เนีย ซูเปอร์ไบค์ สคูล โยนคำถามแรกให้กับนักเรียนในชั้น ก่อนที่จะทิ้งจังหวะเล็กน้อยด้วยคำเฉลยว่า “นั่นคือ การใช้คันเร่งได้อย่างสมูทเรียบเนียนตามที่ใจต้องการ”
ต่อจากนั้นก็อธิบายถึงหลักการทำงานของรถจักรยานยนต์ขณะเลี้ยวโค้ง ระบบช่วงล่าง และการกระจายน้ำหนัก ซึ่งทั้งหมดล้วนมีผลมาจากการใช้คันเร่งของตัวผู้ขับขี่เอง เมื่อฟังถึงตรงนี้หลายคนทำหน้าไม่เข้าใจ คุณครูจึงบอกให้ลงไปคลายข้อสงสัยในสนาม แต่มีข้อแม้ว่า ต้องใช้เกียร์ 4 เกียร์เดียว และห้ามแตะเบรกไม่ว่ากรณีใดก็ตาม
หลังทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดและซื่อสัตย์กับตัวเอง เราเพิ่งรู้ว่าความเร็วที่ใช้ไหลเข้าไปในโค้งสามารถทำได้มากกว่าที่คิด รวมถึงเริ่มจับจังหวะการเปิดคันเร่งเพื่อทะยานออกจากโค้งได้บ้างเช่นกัน แต่เหนืออื่นใดแบบฝึกหัดนี้ ประโยชน์สูงสุดที่เราได้นั้นมันช่วยทลายกำแพงความกลัวของเราไปจนหมดสิ้น
บทที่ 2 หาจุดเลี้ยวให้เจอ
“ทุกโค้งมีจุดเลี้ยว แต่ไม่ใช่ว่าจะเป็นจุดเลี้ยวที่ดีที่สุดของทุกคน” คำแนะนำเบื้องต้นของครูผู้สอน หลังกล่าวจบก็ลากเส้นไลน์การเข้าโค้งบนกระดานไวท์บอร์ด จากนอกชิดในผ่านเอเป็กและยิงสู่ทางออกในที่สุด พร้อมกับบอกว่าบนแทร็กจะมีจุดกากบาทมาร์กไว้ให้ผู้ขับขี่ทราบว่า นั่นคือจุดเลี้ยวที่พวกเราควรพับรถได้แล้ว ขณะที่การฝึกในสนามบังคับให้ผู้เรียนต้องใช้เกียร์ 3-4 เท่านั้น และแน่นอนยังคงห้ามใช้เบรกเช่นเดิม
บทที่ 3 บังคับทิศทางพับรถอย่างรวดเร็ว
เข้าสู่ช่วงบ่ายหลักสูตรการสอนเริ่มเข้มข้นมากขึ้น ลานกว้างด้านหลังพิททีมแข่งของสนามช้างฯ ถูกใช้เป็นสถานที่เรียนรู้หัวข้อการพลิกรถแบบ Counter Steering หรือการถ่ายน้ำหนักแฮนด์ไปทางตรงกันข้ามกับจุดหมายที่ต้องการจะไป กล่าวคือ ถ้าต้องการเลี้ยวซ้ายให้ดันแฮนด์ไปทางขวา หากจะไปขวาก็ทำสลับข้างกัน
ขณะที่เงื่อนไขการฝึกในสนาม รูปแบบการใช้เกียร์เหมือนกับสถานีก่อนหน้า เพิ่มเติมอนุญาตให้ใช้เบรกได้เล็กน้อย
บทที่ 4 อย่าเกร็ง รีแล็กซ์เข้าไว้
หลังจากเริ่มคุ้นเคยการควบฉลามพันธุ์แรง BMW S1000RR ภายใต้กฏกติกาสุดแสนประหลาด (ให้ขี่แค่เกียร์ 3 และ 4) แต่มีประโยชน์เหลือเชื่อ พอมาถึงหัวข้อการฝึกที่ลงลึกรายละเอียดด้านการควบคุม ไดแลนบอกข่าวดีกับนักเรียนว่าให้ใช้เกียร์เพิ่มขึ้นอีก 1 เกียร์ คือ 2-4 ส่วนเบรกก็สามารถใช้ได้แต่ยังคงลงน้ำหนักได้นิดเดียว พูดจบก็เปิดคลิปวีดีโอให้พวกเราชม
ในคลิปปรากฏภาพนักบิดกำลังเข้าโค้งเข่าเช็ดพื้นชนิดเห็นแล้วชวนหวาดเสียว และในขณะนั้นเอง อยู่ๆ พี่แกก็ขยับช่วงแขนตีปีกคล้ายท่าเต้นไก่ย่างถูกเผาซะอย่างนั้น
“เดี๋ยวพอลงสนาม พวกคุณต้องทำแบบนี้ให้ครูฝึกเห็น” ทายาทรุ่นที่สองของแคลิฟอร์เนีย ซูเปอร์ไบค์ สคูล เผยภารกิจในด่านนี้
บทที่ 5 มองเร็ว-เลี้ยวสองจังหวะ
ถ้าเคยผ่านหลักสูตรการเรียนขับขี่รถจักรยานยนต์มาบ้าง หลายคนน่าจะคุ้นเคยกับคำว่า “เลี้ยวด้วยสายตา” หมายถึง เมื่อตาเรามองไปทางไหนรถก็จะไปทางนั้น และในสถานีสุดท้ายนี้เอง พวกเราต้องโฟกัสการมองจุดหมายที่ต้องการจะไป จังหวะแรกให้จ้องไปที่จุดพับรถที่ใกล้เอเป็กมากที่สุด สเต็ปต่อไปในเสี้ยววินาทีที่รถยังอยู่ในโค้ง สายตาของเราต้องขยับเปลี่ยนจุดไปที่ทางออก ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับการเติมคันเร่งเพื่อเร่งออกจากโค้งนั่นเอง
เกือบลืมบอกไป หัวข้อสุดท้ายเป็นการขับขี่ที่คุ้มค่ามาก เพราะทุกคนได้รับอนุญาตให้ใช้เกียร์และเบรกอย่างเต็มประสิทธิภาพเสียที
ทั้งหมดนี้เป็นหัวข้อการเรียนรู้พร้อมขั้นตอนการฝึกฝนเทคนิคพิชิตโค้ง ตามแบบฉบับแคลิฟอร์เนีย ซูเปอร์ไบค์ สคูล ที่ทางค่ายใบพัดสีฟ้านำมาเพิ่มความพิเศษให้กับกิจกรรมแทร็กเดย์ในปีนี้ หลังจบหลักสูตรบอกได้คำเดียวว่า “สนุกดีมีประโยชน์” แถมยิ่งทำให้รู้สึกอยากเป็นลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด มากกว่าเดิมยิ่งขึ้นไปอีก ทว่าน่าเสียดาย ติดแค่เรื่องเดียวว่าต้องรอคนที่บ้านอนุมัติก่อน
เป็นเรื่องเดียวที่ดูเหมือนเล็ก แต่เป็นปัญหาใหญ่...จริงๆ นะ.
***ขอขอบคุณ Alpinestars Thailand สำหรับอุปกรณ์ Riding Gear (www.1goal1visionth.com โทร. 02-000-7885-6)***