เอ.พี. ฮอนด้า ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จัดกิจกรรม “สพฐ.- เอ.พี. ฮอนด้า เรดแชมเปี้ยน แข่งขันทักษะฟุตบอลชิงแชมป์ไปอังกฤษ ปีที่ 7” ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เฟ้นหานักเตะเยาวชนไทย อายุ 2-15 ปี ที่มีทักษะฟุตบอลขั้นพื้นฐานดีที่สุดจาก 5 ภาค รวม 25 คนจากสถานศึกษาทั่วประเทศ ไปสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษด้วยการอบรมทักษะฝีเท้าในรูปแบบ Short Training Course กับสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ทีมชั้นนำดีกรีแชมป์พรีเมียร์ลีกถึงประเทศอังกฤษ
โดยล่าสุด เยาวชนทั้ง 5 ทีมที่คว้าโควต้า ได้เริ่มเข้าฝึกอบรมศาสตร์ลูกหนังเป็นที่เรียบร้อย ตั้งแต่เมื่อวันที่ 11 มี.ค. ที่ผ่านมา ณ เลสเตอร์ ซิตี้ อะคาเดมี่ (Leicester City Academy) ศูนย์ฝึกอะคาเดมี่ซึ่งถือเป็น 1 ใน 10 ศูนย์ฝึกที่ดีที่สุดในประเทศอังกฤษ โดยจะเข้ารับการอบรมเป็นเวลา 5 วันเต็ม พร้อมวางคิวปะทะแข้งกับทีมเยาวชนของจิ้งจอกสยาม ก่อนรับมอบประกาศนียบัตรจากสโมสรเพื่อรับรองและการันตีถึงความยอดเยี่ยมในเชิงลูกหนังเป็นการปิดท้าย
สุชาติ อรุณแสงโรจน์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด มั่นใจว่าการส่งเยาวชนมาฝึกฝนวิชาลูกหนังที่สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ในครั้งนี้จะก่อให้ประโยชน์กับเด็กไทยมากมาย “เราเคยเซ็นสัญญาเป็นพาร์ทเนอร์กับสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และลิเวอร์พูล มาเป็นระยะเวลา 6 ปี ก่อนที่สัญญาจะหมดลงเมื่อปีที่แล้ว เราจึงเริ่มมองหาสโมสรที่เหมาะสมที่สุดที่จะส่งเยาวชนไทยมาพัฒนาทักษะฝีเท้าด้านฟุตบอล เรามองเห็นว่าเลสเตอร์เป็นทีมของคนไทยคือกลุ่มคิงเพาเวอร์ และเป็นสโมสรที่เคยคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาแล้ว ดังนั้นมาตรฐานและศักยภาพไม่ต่างจากทีมชั้นนำทีมอื่นในลีก จึงมีการพูดคุยและทาบทามไป ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาก และมีความคิดเห็นตรงกันคือเราอยากจะช่วยกันเสริมสร้างให้เยาวชนไทยมีพื้นฐานของการเล่นกีฬาฟุตบอลที่สูงขึ้น”
“หลังจากการพูดคุยเรียบร้อย เราประทับใจมาก เราได้รับการประสานงานที่สะดวกเป็นอย่างมาก ทางสโมสรดูแลเป็นพิเศษ จะเห็นได้จากการจัดระดับสุดยอดของโค้ชมาดูแลเยาวชนของเรา และที่สำคัญก็คือโค้ชของเขาจะคุ้นเคยเรื่องของพื้นฐานเยาวชนไทยเป็นอย่างดี มีความเข้าใจเด็กไทยมากกว่า ทำให้การสอนต่างๆ เยาวชนไทยก็จะเข้าใจง่ายกว่าการไปฝึกกับทีมอื่นๆ นอกจากนี้ทางเลสเตอร์ยังให้ซูเปอร์โค้ช ซึ่งเป็นอาจารย์ผู้ฝึกสอนของโค้ชอะคาเดมี่ทั้งหมดของทีม มาสอนเทคนิคการเป็นโค้ชให้กับโค้ชไทยทั้ง 5 ทีมซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาจารย์พละประจำโรงเรียน ให้ได้นำองค์ความรู้ไปต่อยอดสอนเยาวชนที่เมืองไทยต่อไปในอนาคต ซึ่งที่ผ่านมาเรายังไม่เคยได้รับการสนับสนุนระดับนี้มาก่อน ถือว่าเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก” สุชาติ กล่าว
รองประธานกรรมการบริหาร เอ.พี. ฮอนด้า ยังเผยต่อว่าภูมิใจเป็นอย่างมากที่กิจกรรม “สพฐ.-เอ.พี.ฮอนด้า เรด แชมเปี้ยน ปีที่ 7 ช่วยให้เยาวชนไทยมีการพัฒนาเรื่องฟุตบอลมากขึ้นอย่างชัดเจน โดยปีแรกที่เริ่มโครงการมีโรงเรียนต่างๆ ส่งทีมเข้าร่วมคัดเลือกกว่า 2,000 ทีม แต่แทบทุกทีมยังมีทักษะพื้นฐานไม่ค่อยดี หลายคนยังเลี้ยงบอลขาเดียว เดาะบอลแบบสไตล์เดาะตะกร้อ การโหม่งบอลก็ไม่มีพลังในการโหม่ง แต่ตอนนี้ทุกทีมต่างฝึกฝนกันมาอย่างถูกต้องและเต็มที่มากขึ้น ทำให้ผลคะแนนการดวลทักษะดีขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
“เกือบทุกคนมีการเดาะ เลี้ยง ส่ง โหม่ง ยิง ถูกต้องตามทักษะของฟุตบอลที่ควรจะเป็น และสามารถนำไปต่อยอดพัฒนาฝีเท้าจนเข้าร่วมสังกัดสโมสรอาชีพในเมืองไทยได้สำเร็จ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราดีใจมากที่สามารถช่วยยกระดับเยาวชนของแต่ละทีม แต่ละโรงเรียน แต่ละจังหวัด ให้ดีขึ้นและสูงขึ้นทุกปี”
ทั้งนี้ รายชื่อทั้ง 5 ทีมที่เดินทางเข้าฝึกฝนฝีเท้ากับสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ประกอบด้วย แชมป์ภาคอีสาน โรงเรียนประสาทวิทยาคาร จ.สุรินทร์ สนับสนุนโดย บจก. วรรณเทพยนต์ (แชมป์ประเทศไทย), แชมป์ภาคกลาง โรงเรียนวังตะเคียนวิทยาคม ทีม B จ.ปราจีนบุรี สนับสนุนโดย หจก.ประสิทธิ์มอเตอร์ปราจีนบุรี, แชมป์กรุงเทพฯ และปริมณฑล โรงเรียนราชวินิตบางเขน ทีม A สนับสนุนโดย บจก. ชาญกิจเจริญ, แชมป์ภาคใต้ โรงเรียนกำแพงวิทยา ทีม A จ.สตูล สนับสนุนโดย บจก. เซาเทอร์นมอเตอร์เซลส์ และแชมป์ภาคเหนือ โรงเรียนวชิราลัย ทีม A จ.เชียงใหม่ สนับสนุนโดย บจก.นัติมอเตอร์
สำหรับกติกาการแข่งขัน “สพฐ.-เอ.พี. ฮอนด้า เรดแชมเปี้ยน แข่งขันทักษะฟุตบอลชิงแชมป์ไปอังกฤษ ปีที่ 7” แต่ละทีมต้องร่วมดวลแบทเทิลทักษะฟุตบอล 5 สถานี ประกอบด้วย เดาะ-เลี้ยง-ส่ง-โหม่ง-ยิง โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 รอบ ได้แก่รอบการคัดเลือกระดับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ดำเนินการโดยสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ และรอบชิงแชมป์ระดับภูมิภาค 5 ภาค ซึ่งทีมที่ชนะเลิศแต่ละภาคทั้ง 5 ทีม พร้อมโค้ชผู้ฝึกสอนทีมละ 1 คน จะได้ไปฝึกทักษะฟุตบอลแบบมืออาชีพในรูปแบบ Short Training Course กับสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ที่ประเทศอังกฤษ และทีมที่มีคะแนนสูงสุดเพียงทีมเดียวจะได้รับถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี.
