xs
xsm
sm
md
lg

ลองขี่ ไทเกอร์ 800 XRT/XCA: เสือก็คือเสือ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา “เอ็มจีอาร์ มอเตอริ่ง” ได้รับเชิญจากค่ายสองล้อเก่าแก่แบรนด์ดังจากเมืองผู้ดี ให้ร่วมเดินทางข้ามทวีปไปไกลถึงโมร็อกโก เพื่อทำความรู้จักและลองขี่แอดเวนเจอร์ไบค์โมเดลใหม่ล่าสุด 2 ซีรีย์จากไทรอัมพ์ นั่นคือ “ไทเกอร์ 800 เอ็กซ์อาร์ที” (Tiger 800 XRT) และไทเกอร์ 800 เอ็กซ์ซีเอ (Tiger 800 XCA) ที่เพิ่งเปิดตัวพร้อมทำตลาดในเมืองไทยช่วงปลายปีที่ผ่านมา

หลังใช้เวลาเดินทางนานกว่า 15 ชั่วโมง (แวะพักที่ปารีสก่อนบินข้ามทวีปอีกครั้ง) คณะนักทดสอบจากสยามประเทศก็ย่ำเท้าเข้าสู่ดินแดนแห่งศิลปะและวัฒนธรรมแบบผสมผสานในสไตล์ยุโรปและอาหรับอย่างเป็นทางการ โดยจุดหมายครั้งนี้อยู่ที่เมืองมาร์ราเกซ(Marakesh) เจ้าของฉายา “เมืองสีชมพู” อดีตเมืองหลวงในช่วงศตวรรษที่ 11 ปัจจุบันเป็นเมืองศูนย์กลางการค้าที่มีนักท่องเที่ยวแวะมาเยี่ยมเยือนมากที่สุดของราชอาณาจักรโมร็อกโก

ก้าวแรกหลังออกจากสนามบิน กลุ่มของเราดูมีอาการคึกคักขนลุกและตัวสั่น จะว่าไปความตื่นเต้นก็ส่วนหนึ่ง เพราะทุกคนเพิ่งเคยมาสัมผัสประเทศในแถบตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปแอฟริกา ซึ่งมีจุดขายคือสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอย่างทะเลทรายซาฮาร่าเป็นครั้งแรก แต่สาเหตุที่แท้จริงไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นเพราะการมาเจอกับสภาพอากาศอันหนาวเหน็บแบบแจ็กพ็อตแตกมากกว่า เนื่องจากปีนี้เป็นปีที่หนาวสุดขั้วขนาดมีหิมะตกบนทะเลทรายขนาดใหญ่ชื่อก้องโลกในรอบ 100 ปีเลยทีเดียว

คำถามคือ หนาวขนาดนี้จะขี่กันไหวหรือ? หลายคนเริ่มกังวล

อย่างไรก็ตาม ถือว่าโชคยังเข้าข้างพวกเราบ้าง เมื่อในวันทดสอบสภาพอากาศจากขุ่นมัวกลับตรงกันข้าม ฟ้าเปิด แดดแรง อากาศแจ่มใส โดยหลังจากพบกับทีมงานไทรอัมพ์จากยูเคเพื่อรับฟังข้อมูลผลิตภัณฑ์แล้ว ผู้ขับขี่แต่ละคนต่างเตรียมพร้อมสัมผัสตัวลุยโฉมใหม่กันด้วยความกระตือรือร้น

เกี่ยวกับเสือที่เรากำลังจะขึ้นคร่อม ไทเกอร์ คือ สองล้อตระกูลแอดเวนเจอร์ไบค์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมากที่สุดในโลกของกลุ่มตัวเลือกทางฝุ่น จากโมเดลแรกเริ่มตั้งแต่ปี 1936 ปัจจุบันมีการผลิตและทำตลาดมายาวนานมากกว่า 80 ปีแล้ว

ด้านรายละเอียดของความเปลี่ยนแปลงตามที่ทีมงานค่ายรถจักรยานยนต์ชื่อดังจากอังกฤษกล่าวสรุปไว้ ขอหยิบยกมาทั้งประโยคเลยว่า ไทเกอร์โฉมใหม่ล่าสุดได้รับการพัฒนาและปรับปรุงครั้งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นโครงรถและเครื่องยนต์ที่ได้รับการอัพเกรดมากกว่า 200 รายการ รวมถึงระบบขับเคลื่อนที่ยอดเยี่ยมขึ้น เพื่อส่งมอบความสะดวกสบายตลอดจนสมรรถนะในการขับขี่บนท้องถนนทั่วไปและแบบออฟโรดที่ดียิ่งขึ้น เพื่อเติมเต็มความสมบูรณ์แบบของทุกการผจญภัย

โดยรูปแบบการทดสอบแบ่งเป็น 2 ช่วง เช้าและบ่าย ในตอนเช้าเราได้ขี่เสือทางเรียบหรือรหัสเอ็กซ์อาร์ที โลดแล่นลัดเลาะไปตามเทือกเขาแอตลาส(Atlas) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที รวมระยะทางที่วิ่งประมาณ 80 กิโลเมตร สภาพเส้นทางมีทั้งทางตรง โค้งสั้นและยาวสลับกัน

ขณะที่พื้นผิวถนนที่นี่จะค่อนข้างดี แม้จะมีรอยแตกหรือหลุมบ่อบ้างก็ตาม แต่โดยรวมแล้วนับว่าดึงดูดหน้ายางยึดเกาะได้ไม่เลว ดังนั้น ในส่วนของความเร็วที่ใช้จึงค่อนข้างสูงพอสมควร เฉลี่ยระหว่าง 120-150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

สำหรับท่านั่งการควบคุม เริ่มต้นผู้เขียนเลือกใช้เบาะแบบเตี้ย 810 มิลลิเมตร (เลือกปรับได้ 2 ระดับ ได้แก่ 810 และ 830 มิลลิเมตร) เพราะหวังว่าจะให้ความสบายและความมั่นใจขณะจอดรถได้มากกว่า สิ่งที่ได้ถูกครึ่งเดียว ด้านความมั่นใจเวลาเอาขายันพื้นนั้นดีจริง แต่ความสบายยังรู้สึกเป็นรอง เพราะเมื่อเปลี่ยนนั่งแบบเบาะสูงแล้ว สบายกว่าชัดเจน แถมการควบคุมยังทำได้คล่องตัวกว่าเยอะ

ส่วนของสมรรถนะจากขุมพลังสามสูบเรียง ขนาด 800 ซีซี ให้แรงม้าสูงสุด 95 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 79 นิวตันเมตร จุดเด่นของเครื่องยนต์บล็อกนี้คือมีความปราดเปรียวเหมือนชื่อรุ่น ผู้ขับขี่เข้าถึงแรงบิดที่มาตั้งแต่รอบต่ำ เริ่มแถวๆ 2,500-8,000 รอบต่อนาที ขับเคลื่อนด้วยชุดเกียร์ 6 สปีด พร้อมโหมดการขับขี่ให้เลือกใช้ถึง 5 โหมดด้วยกัน (Road, Rain, Sport, Off-Road และ Rider) ซึ่งจากสภาพอากาศที่เป็นใจ ทุกอย่างลงตัว เราจึงเลือกซัดโหมด Sport ตลอดช่วงเช้า จังหวะเร่งแซงไม่ต้องคิดมาก ขี่สบายๆ ในย่านความเร็วปานกลาง หากนึกจะแซงรถคันหน้าเมื่อไรก็สามารถทำได้อย่างที่คิด

ขณะเดียวกันสิ่งหนึ่งที่จะหลงลืมไปไม่ได้เลยสำหรับการทดสอบครั้งนี้ คือ ตัวช่วยออฟชั่นเด่นอย่างปลอกมือและเบาะนั่งปรับความอุ่นได้ เพราะแม้ที่นี่แดดแรงแต่อากาศก็ยังหนาวเย็น จะขี่กันไหวหรือไม่ หากไร้ตัวช่วยที่ว่า พวกเรานักทดสอบจากเมืองร้อนคงมือชาจนควบคุมรถและขี่กลับมาถึงที่พักไม่ได้แน่นอน

และเมื่อกลับถึงจุดสตาร์ทสลับมาควบเสือภูเขารหัสเอ็กซ์ซีเอกันบ้าง ช่วงบ่ายใช้เวลาขี่กันอีกประมาณ 2 ชั่วโมง 20 นาที รวมระยะทางวิ่งประมาณ 115 กิโลเมตร ขณะที่สภาพเส้นทางใกล้เคียงของเดิม เพิ่มเติมมีทางออฟโรดให้ลุยพอหอมปากหอมคอ

สำหรับท่านั่งของเสือภูเขาสามารถเลือกปรับได้ 2 ระดับเช่นกัน (840 และ 860 มิลลิเมตร) แต่นักบิดไซส์เอเชียควรเลือกแบบเตี้ยน่าจะเหมาะกว่า เพราะแบบสูงลองแล้วขนาดเขย่งแบบสุดๆ ปลายเท้ายังเกือบแตะไม่ถึงพื้น เกรงว่าก่อนออกตัวหรือเวลาจอดคงต้องใช้วิชาตัวเบาโดดขึ้นลงกันเหนื่อยตั้งแต่ยังไม่ได้ขี่แน่ๆ

ด้านความแตกต่างระหว่างการขี่ทั้งสองรอบ เช้าเน้นทางเรียบ ความประทับใจที่ได้จากเอ็กซ์อาร์ทีทำได้เด่นกว่า ส่วนการลุยเส้นทางออฟโรดในช่วงบ่าย เอ็กซ์ซีเอตอบโจทย์ตรงกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย เหมือนปล่อยเสือเข้าป่า ยิ่งลองปรับใช้โหมด Off-Road ตามที่มาร์แชลผู้ขี่นำบังคับให้เปลี่ยนแล้ว ยิ่งเข้าใจว่ารายละเอียดต่างๆ ของออฟชั่นติดรถที่ทั้งสองรุ่นมีต่างกันนั้น สามารถให้คุณประโยชน์ครอบคลุมตามวัตถุประสงค์ของผู้เลือกใช้อย่างไรบ้าง

และถ้าให้เลือก(กรณีมีเงินพร้อม) สำหรับเรา “เอ็กซ์ซีเอ” คงเป็นคำตอบที่คุ้มค่าและใช้งานได้หลากหลายกว่า

อยากขี่เสือไม่ต้องเดินเข้าป่า แอดเวนเจอร์ไบค์ ไทรอัมพ์ ไทเกอร์ 800 เอ็กซ์อาร์ที และไทเกอร์ 800 เอ็กซ์ซีเอ เปิดตัวพร้อมทำตลาดในไทยแล้ว ราคา 645,000 บาท และราคา 665,000 บาท ตามลำดับ.
มาร์ราเกซ(Marakesh) ภาพจาก moroccoworldnews.com
เมืองสีชมพู

มาร์ราเกซ(Marakesh) คือ เมืองเก่าที่มีชื่อเสียงและเป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโมร็อกโก(Morocco) รองจากคาซาบลังก้า เฟซ และราบัต โดยจุดเด่นอยู่ที่อาคารบ้านเรือนถูกทาด้วยสีแดงหรือสีอิฐเหมือนกันหมดทั่วทั้งเมือง ซึ่งเป็นข้อบังคับในการก่อสร้างอาคารของเมืองแห่งนี้ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้มาร์ราเกซถูกขนานนามว่าเป็น “อัล ฮัมรา”(Al Hamra) ในภาษาอาหรับ หรือที่คนท้องถิ่นเรียกว่า The Pink City หรือ “เมืองสีชมพู” ปัจจุบันถือเป็นเมืองหนึ่งที่คับคั่งที่สุดในแอฟริกา เป็นเมืองศูนย์กลางการค้า และจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก.














กำลังโหลดความคิดเห็น