สัมผัสกับฟอร์ดเรนเจอร์ แรพเตอร์ ที่มาพร้อมกับองค์ประกอบและรูปทรงที่น่าสนใจมากมาย รวมถึงรูปแบบการออกแบบที่มีสมรรถนะเหนือชั้น ดุดัน เตรียมพร้อมกับทุกสภาพื้นผิว
1.เครื่องยนต์ + ระบบเกียร์
- เครื่องยนต์ดีเซลส์ใหม่แบบ Bi-Turbo (เทอร์โบคู่) ทำงานร่วงมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ให้กำลังสูงสุด 213 แรงม้า และแรงบิดที่มากถึง 500 Nm
2.คลัตซ์แบบ Roller One-Way Clutch (OWC)
- คลัตซ์แบบ Roller One-Way Clutch (OWC) มอบความนุ่มนวล และการตอบสนองที่ฉับไวในการขับขี่ ท้าทายประสิทธิภาพการทำงานของระบบเกียร์แบบอื่นๆ ในสถานการณ์เดียวกัน
3.ปั๊มน้ำมันเกียร์ชนิดใบพลัดแปรผันแบบเยื้องศูนย์ (Off-AxisVariable Displacement Vane)
- ปั๊มน้ำมันเกียร์ชนิดใบพลัดแปรผันแบบเยื้องศูนย์ (Off-AxisVariable Displacement Vane) ช่วยลดการสูญเสียของแรงบิด ทำให้ประหยัดน้ำมันและลดโอกาสในการเกิดเสียงรบกวนและแรงสั่นสะเทือน (NVH) ที่ความเร็วสูงด้วยการปรับการจ่ายน้ำมันให้เหมาะสมกับความต้องการ
4.การทำงานร่วมกันของระบบกรองน้ำมันเกียร์ประสิทธิภาพสูงและน้ำมันเกียร์ชนิดควมหนืดต่ำพิเศษ
- การทำงานร่วมกันของระบบกรองน้ำมันเกียร์ประสิทธิภาพสูงและน้ำมันเกียร์ชนิดควมหนืดต่ำพิเศษ ช่วยลดความสึกหรอ ลดการปนเปื้อน เพิ่มความทนทานและเพิ่มประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น
5.สายพานไทม์มิ่งแบบจุ่มในน้ำมันเครื่อง
- สายพานไทม์มิ่งแบบจุ่มในน้ำมันเครื่อง ช่วยลดแรงเสียดทานและเสียงรบกวน ช่วยเพิ่มความทนทาน ความประหยัดน้ำมัน ลดไอเสียและไม่ต้องบำรุงรักษาตลอดอายุการใช้งานของเคครื่องยนต์
6.ท่อร่วมไอดี
- ท่อร่วมไอดี ออกแบบให่สามารถป้อนอากาศสู่เครื่องยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
7.ฝาครอบเครื่องยนต์
- ฝาครอบเครื่องยนต์ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษพร้อมโฟมดูดซับเสียง ช่วยลดเสียงรบกวน ปละแรงสั่นสะเทือน (NVH)
8.เทคโนโลยี Bi-Turbo (เทอร์โบคู่)
- มอบแรงบิดและแรงม้าตลอดช่วงรอบเครื่องยนต์ให้กว้างมากขึ้นพร้อมเพิ่มเทอร์โบบูสต์ในช่วงรอบเครื่องยนต์สูง
- “เทอร์โบ” ได้รับการออกแบบเพื่อความทนทานโดยยกระดับวัสดุภายนอกเป็นโลหะอัลลอยคุณภาพสูง เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถทนต่อความร้อนจากไอเสียซึ่งมีอุณหภูมิสูงถึง 860 องศาเซลเซียส นอกจากนั้นลูกสูบที่ทำจากอลูมิเนียมยังได้รับการทำหล่อซ้ำที่ขอบของแอ่งหัวลูกสูบ (Bowl Edge Re-Melt) เพื่อช่วยเพิ่มความทนทานสำหรับเครื่องยนต์ทีมีกำลังสูง
- ฝาครอบคอมเพรสเซอร์ระบายความร้อนด้วยน้ำ
DNA การออกแบบของฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์
1.บริเวณคอกพิท
- บริเวณคอกพิท ได้รับการออกแบบเพื่อมอบความสบายและความมั่นใจ ตาม DNA ของ Ford Performance
-ระบบ Terrain Management System (TMS) ของเรนเจอร์ แร็พเตอร์ มีรูปแบบการขับขี่ทั้งหมด 6 โหมด สำหรับประสบการณ์การขับขี่ที่แตกต่างกัน โดยแต่ละโหมดได้รับการทดสอบและปรับแต่งอย่างละเอียด เพื่อให้เทคโนโลยีทั้งหมด ประสานทำงานร่วมกันอย่างเหมาะสม ให้ผู้ขับสามารถควบคุมรถได้ดั่งใจในทุกโหมดการขับขี่
- พวงมาลัย ได้รับการออกแบบให้มีความโดดเด่นเฉพาะตัว มาพร้อมกับแถบสีแดงบอกตำแหน่งองศาพวงมาลัย และตกแต่งด้วยลายพิมพ์กราฟฟิค พร้อมแป้น Paddle Shift ที่ผลิตจากแม็กนีเซียม ให้อารมณ์การขับขี่แบบออฟโรดตามแบบฉบับ DNA ของ Ford Performance
- ‘On-Centre’ marker - แถบสีแดงด้านบนของพวงมาลัยช่วยให้นักขับออฟโรดทราบถึงตำแหน่งองศาของพวงมาลัยขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง
2.แผงกระจังหน้าอันดุดัน พร้อมด้วยชุดกันชน บังโคลน และซุ้มล้อ
- แผงกระจังหน้าอันดุดัน พร้อมด้วยชุดกันชน บังโคลน และซุ้มล้อ ที่เน้นความโดดเด่นด้วยสีเทา Dyno Grey ช่วยสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัว และแสดงให้เห็นถึงความแกร่งตามแบบฉบับ DNA ของแร็พเตอร์
3.การขึ้นรูปและบุเบาะนั่ง
- การขึ้นรูปและบุเบาะนั่ง รวมถึงการเดินด้ายสีน้ำเงินอันเป็นเอกลักษณืแสดงให้เห็นถึง สมรรถนะ ความปราณีต ความสบาย และความทนทาน
4.กระบะท้ายอันเป็นเอกลักษณ์ รวมถึงกันชนท้ายที่มาพร้อมกับชุดลากจูง
- กระบะท้ายอันเป็นเอกลักษณ์ รวมถึงกันชนท้ายที่มาพร้อมกับชุดลากจูง และบันไดข้างที่ทำจากอลูมิเนียม ช่วยเสริมสร้างความโดดเด่นและความแกร่งของตัวรถ
5.ซุ้มล้อแบบใหม่ ที่ผลิตจาก Sheet Molding Compound (SMC)
- ซุ้มล้อแบบใหม่ ที่ผลิตจาก Sheet Molding Compound (SMC) โอบด้านข้างตัวรถมอบรูปทรงที่ลงตัวในการออกแบบ รวมถึงแผงกันกระแทกด้านล่างผลิตจากเหล็กกล้าแบบ High-strength steel หนา 2.3 มม. ช่วยปกป้องชิ้นส่วนต่างๆ ใต้ท้องรถ
1.เครื่องยนต์ + ระบบเกียร์
- เครื่องยนต์ดีเซลส์ใหม่แบบ Bi-Turbo (เทอร์โบคู่) ทำงานร่วงมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ให้กำลังสูงสุด 213 แรงม้า และแรงบิดที่มากถึง 500 Nm
2.คลัตซ์แบบ Roller One-Way Clutch (OWC)
- คลัตซ์แบบ Roller One-Way Clutch (OWC) มอบความนุ่มนวล และการตอบสนองที่ฉับไวในการขับขี่ ท้าทายประสิทธิภาพการทำงานของระบบเกียร์แบบอื่นๆ ในสถานการณ์เดียวกัน
3.ปั๊มน้ำมันเกียร์ชนิดใบพลัดแปรผันแบบเยื้องศูนย์ (Off-AxisVariable Displacement Vane)
- ปั๊มน้ำมันเกียร์ชนิดใบพลัดแปรผันแบบเยื้องศูนย์ (Off-AxisVariable Displacement Vane) ช่วยลดการสูญเสียของแรงบิด ทำให้ประหยัดน้ำมันและลดโอกาสในการเกิดเสียงรบกวนและแรงสั่นสะเทือน (NVH) ที่ความเร็วสูงด้วยการปรับการจ่ายน้ำมันให้เหมาะสมกับความต้องการ
4.การทำงานร่วมกันของระบบกรองน้ำมันเกียร์ประสิทธิภาพสูงและน้ำมันเกียร์ชนิดควมหนืดต่ำพิเศษ
- การทำงานร่วมกันของระบบกรองน้ำมันเกียร์ประสิทธิภาพสูงและน้ำมันเกียร์ชนิดควมหนืดต่ำพิเศษ ช่วยลดความสึกหรอ ลดการปนเปื้อน เพิ่มความทนทานและเพิ่มประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น
5.สายพานไทม์มิ่งแบบจุ่มในน้ำมันเครื่อง
- สายพานไทม์มิ่งแบบจุ่มในน้ำมันเครื่อง ช่วยลดแรงเสียดทานและเสียงรบกวน ช่วยเพิ่มความทนทาน ความประหยัดน้ำมัน ลดไอเสียและไม่ต้องบำรุงรักษาตลอดอายุการใช้งานของเคครื่องยนต์
6.ท่อร่วมไอดี
- ท่อร่วมไอดี ออกแบบให่สามารถป้อนอากาศสู่เครื่องยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
7.ฝาครอบเครื่องยนต์
- ฝาครอบเครื่องยนต์ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษพร้อมโฟมดูดซับเสียง ช่วยลดเสียงรบกวน ปละแรงสั่นสะเทือน (NVH)
8.เทคโนโลยี Bi-Turbo (เทอร์โบคู่)
- มอบแรงบิดและแรงม้าตลอดช่วงรอบเครื่องยนต์ให้กว้างมากขึ้นพร้อมเพิ่มเทอร์โบบูสต์ในช่วงรอบเครื่องยนต์สูง
- “เทอร์โบ” ได้รับการออกแบบเพื่อความทนทานโดยยกระดับวัสดุภายนอกเป็นโลหะอัลลอยคุณภาพสูง เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถทนต่อความร้อนจากไอเสียซึ่งมีอุณหภูมิสูงถึง 860 องศาเซลเซียส นอกจากนั้นลูกสูบที่ทำจากอลูมิเนียมยังได้รับการทำหล่อซ้ำที่ขอบของแอ่งหัวลูกสูบ (Bowl Edge Re-Melt) เพื่อช่วยเพิ่มความทนทานสำหรับเครื่องยนต์ทีมีกำลังสูง
- ฝาครอบคอมเพรสเซอร์ระบายความร้อนด้วยน้ำ
DNA การออกแบบของฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์
1.บริเวณคอกพิท
- บริเวณคอกพิท ได้รับการออกแบบเพื่อมอบความสบายและความมั่นใจ ตาม DNA ของ Ford Performance
-ระบบ Terrain Management System (TMS) ของเรนเจอร์ แร็พเตอร์ มีรูปแบบการขับขี่ทั้งหมด 6 โหมด สำหรับประสบการณ์การขับขี่ที่แตกต่างกัน โดยแต่ละโหมดได้รับการทดสอบและปรับแต่งอย่างละเอียด เพื่อให้เทคโนโลยีทั้งหมด ประสานทำงานร่วมกันอย่างเหมาะสม ให้ผู้ขับสามารถควบคุมรถได้ดั่งใจในทุกโหมดการขับขี่
- พวงมาลัย ได้รับการออกแบบให้มีความโดดเด่นเฉพาะตัว มาพร้อมกับแถบสีแดงบอกตำแหน่งองศาพวงมาลัย และตกแต่งด้วยลายพิมพ์กราฟฟิค พร้อมแป้น Paddle Shift ที่ผลิตจากแม็กนีเซียม ให้อารมณ์การขับขี่แบบออฟโรดตามแบบฉบับ DNA ของ Ford Performance
- ‘On-Centre’ marker - แถบสีแดงด้านบนของพวงมาลัยช่วยให้นักขับออฟโรดทราบถึงตำแหน่งองศาของพวงมาลัยขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง
2.แผงกระจังหน้าอันดุดัน พร้อมด้วยชุดกันชน บังโคลน และซุ้มล้อ
- แผงกระจังหน้าอันดุดัน พร้อมด้วยชุดกันชน บังโคลน และซุ้มล้อ ที่เน้นความโดดเด่นด้วยสีเทา Dyno Grey ช่วยสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัว และแสดงให้เห็นถึงความแกร่งตามแบบฉบับ DNA ของแร็พเตอร์
3.การขึ้นรูปและบุเบาะนั่ง
- การขึ้นรูปและบุเบาะนั่ง รวมถึงการเดินด้ายสีน้ำเงินอันเป็นเอกลักษณืแสดงให้เห็นถึง สมรรถนะ ความปราณีต ความสบาย และความทนทาน
4.กระบะท้ายอันเป็นเอกลักษณ์ รวมถึงกันชนท้ายที่มาพร้อมกับชุดลากจูง
- กระบะท้ายอันเป็นเอกลักษณ์ รวมถึงกันชนท้ายที่มาพร้อมกับชุดลากจูง และบันไดข้างที่ทำจากอลูมิเนียม ช่วยเสริมสร้างความโดดเด่นและความแกร่งของตัวรถ
5.ซุ้มล้อแบบใหม่ ที่ผลิตจาก Sheet Molding Compound (SMC)
- ซุ้มล้อแบบใหม่ ที่ผลิตจาก Sheet Molding Compound (SMC) โอบด้านข้างตัวรถมอบรูปทรงที่ลงตัวในการออกแบบ รวมถึงแผงกันกระแทกด้านล่างผลิตจากเหล็กกล้าแบบ High-strength steel หนา 2.3 มม. ช่วยปกป้องชิ้นส่วนต่างๆ ใต้ท้องรถ
