xs
xsm
sm
md
lg

MG ZS ดูเหมือนเล็ก แต่เทคโนล้ำ แรงกำลังดี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แบรนด์เก่าแก่จากอังกฤษ “เอ็มจี” MG ที่ปัจจุบัน อยู่ภายใต้การบริหารงานของ SAIC กลุ่มทุนยานยนต์อันดับ 1 ของจีนที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากกลุ่มโฟล์คสวาเกนกรุ๊ป หากเปรียบเป็นดั่งหนังจีนกำลังภายใน SAIC ร่ำเรียนวิทยายุทธ์ด้านการผลิตรถยนต์จากคัมภีร์ของโฟล์คสวาเกน ด้วยระยะเวลากว่า 20 ปี จนสำเร็จเคล็ดวิชา จึงได้ออกมาสร้างรถยนต์ของตัวเอง โดยหนทางที่ง่ายต่อการจดจำคือซื้อแบรนด์ที่มีอยู่แล้ว เพราะจะได้ทั้งตราสัญลักษณ์และความรู้ติดมือมาด้วย
เอ็มจี แซดเอส
ปัจจุบัน SAIC วางกลยุทธ์ให้ เอ็มจี เป็นแบรนด์ที่ทำตลาดทั่วโลก และวางให้ประเทศไทย เป็นฐานการผลิตรถพวงมาลัยขวาของ เอ็มจี ส่งขายทั่วโลก ซึ่งลงทุนภายใต้การร่วมมือกันระหว่าง SAIC และ กลุ่มซีพี ด้วยมูลค่าการลงทุนนับหมื่นล้านบาท ดังนั้นหากใครคิดว่า เอ็มจี จะมาเล่นๆ แล้วก็หยุดขายเหมือนค่ายรถจีนรายอื่นๆ ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า เอ็มจี มาเต็มและจริงจัง คิดง่ายๆว่า ระดับซีพีกล้าลงทุนขนาดนี้ มีหรือจะยอมถอยหยุดทำตลาด (ขนาดธุรกิจโทรคมนาคม ที่ไม่เคยทำกำไรตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ยังสู้ทนทำมานับสิบปีได้)

ซึ่งรถที่ถือเป็นไฮไลท์ของปีนี้ “MG ZS” เอสยูวี น้องใหม่ ไซส์เล็กที่เปิดตัวมาพร้อมกับเสียงที่แสดงถึงความตะลึงของสื่อมวลชนในงานแถลงข่าว เมื่อมีการประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ เริ่มต้นที่ 679,000 บาท ขณะที่ตัวท้อป ออพชันเต็มเคาะขายเพียง 789,000 บาท และตามธรรมเนียมหลังการเปิดตัวจะมีการให้ทดลองขับ MGR มอเตอร์ริ่ง ไม่พลาดงานนี้ ไปดูกันว่า MG ZS มีอะไรเด็ดบ้าง
เอ็มจี แซดเอส
ออปชันล้น ทั้งสบายและปลอดภัย

ถ้าให้ไล่เรียงทุกอย่างพื้นที่คงไม่พอขอคัดเฉพาะที่โดดเด่นจริง รูปทรงภายนอก สวยแค่ไหนถามใจตัวเองดู เราไม่ตัดสินแทนใคร ขนาดตัวถัง ไม่ใหญ่จัดอยู่ในระดับ B SUV คือ เอสยูวีไซส์เล็ก มีครบทุกฟังก์ชันมาตรฐาน เหนือกว่าใครในรุ่นท้อปด้วย ซันรูฟขนาดใหญ่ พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียงเป็นภาษาไทย i-Smart รายแรกของประเทศไทย

ด้านเครื่องยนต์ MG ZS คบหากับเครื่องยนต์เบนซิน DOHC VTi-TECH 4 สูบ 1.5 ลิตร พละกำลัง 114 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตรที่ เครื่องเดียวกับรุ่น MG3 และMG5 แต่ได้รับการปรับเปลี่ยนชิ้นส่วนอุปกรณ์และปรับจูนใหม่ ทำให้มีกำลังมากกว่า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดพร้อม Manual Mode

เอ็มจี ให้ความสำคัญสูงสุดกับระบบความปลอดภัยเช่นเดียวกับรถยนต์รุ่นอื่นๆ ด้วยระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame) ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัยรวมทั้งหมด 6 จุด และระบบ Synchronized Protection System 9 ระบบ ประกอบด้วย

ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Braking System) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake Force Distribution) ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist) ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System) ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System) ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System) ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System) ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือนเมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)

ขับนิ่งเหนือคาด

เล่าท้าวความเมื่อครั้งไปเยือนโรงงานของSAIC ที่ประเทศจีน ผู้เขียนได้มีโอกาสทดลองขับ แซดเอส รุ่นเครื่องยนต์ 1.0 เทอร์โบ ในสนามทดสอบด้วยแม้เพียงระยะทางสั้นๆ แต่ประทับใจในช่วงล่างและการเกาะถนนเวลาเข้าโค้งแรงๆ อย่างยิ่ง แถมได้ขับเทียบกับคู่แข่งหลักอีก 2 ยี่ห้อ ทำให้รู้แบบชัดเจนว่า เป็นอย่างไร

กลับมาเมืองไทย เอ็มจีวางเส้นทางให้เราขับจากกรุงเทพฯ ช่วงการจราจรหนาแน่นบนถนนสาทร เป้าหมายคือ ระยอง ด้วยถนนเส้นมอเตอร์เวย์ ความรู้สึกแรก ภายในกว้างขวางไม่รู้สึกว่าเล็กหรืออึดอัด และเมื่อออกสู่ถนนรถคล่องตัวดี เหยียบคันออกตัวนุ่มนวล ไม่อีดแต่ก็ไม่ปรูดปร๊าด กำลังดี สำหรับคนใช้งานในเมือง การตอบสนองของพวงมาลัยแม่นยำ แถมสามารถปรับน้ำหนักพวงมาลัยได้ 3 ระดับ เรียกว่า ขับได้ทั้งชายและหญิงแบบสบายๆ

เมื่อเข้าสู่ถนนมอเตอร์เวย์ ได้มีโอกาสลองขับแบบหลายรูปแบบ อัตราเร่งกำลังดี แต่เมื่อคิกดาวน์จะมีช่วงจังหวะรอรอบอยู่บ้างที่ความเร็วย่าน 60-90 กม./ชม. หากเมื่อรถความเร็วขึ้นถึงจุดแล้วจะแรงแบบลอยลำ ภาษาชาวบ้านเรียกว่า ปลายไหล ความเร็วสูงสุดเราขับแตะที่ 160 กม./ชม. กำลังยังเหลือไปได้อีก แต่ด้วยสภาพการจราจรและเพื่อความปลอดภัยเราจึงวิ่งแค่นั้น ความเร็วส่วนใหญ่ที่ใช้คือ 120-140 กม./ชม. แถมคิกดาวน์ตลอด

อัตราการบริโภคน้ำมัน ตัวเลขแบบใช้จริงวิ่งควาเร็วสูงผสมใช้งานในเมืองแบบคนปกติทั่วไปรวมระยะทางราว 200 กม. หน้าจอระบุ 10.9 กม./ลิตร ส่วนหนึ่งเป็นผลมากจาก เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด โดยรวมถือว่าทำงานได้ดีไม่ใช่ปัญหา แต่ถามใจเราตรงๆ อยากได้ 5 สปีดมากกว่า เนื่องจาก อัตราเร่งและการบริโภคน้ำมันจะดีขึ้น จึงฝากไว้ให้ทีมวิศวกรของเอ็มจี เก็บไปเป็นการบ้าน .

การทรงตัวเป็นสิ่งที่ประทับใจเราอย่างเหนือความคาดหมาย ด้วยรูปลักษณ์ที่เป็นรถเอสยูวีขนาดเล็ก แต่เมื่อวิ่งจริงกลับนิ่ง ใกล้เคียงพอๆ กันกับรถเอสยูวีขนาดใหญ่กว่าได้ เสียงลมประทะค่อนข้างน้อย โดยรวมถือว่าเงียบดี

สำหรับลูกเล่น ไอ-สมาร์ท ระบบสั่งการด้วยเสียง เราลองใช้งานอย่างเยอะ ได้ผลสรุปว่า ใช้ได้ดี แต่ต้องใจเย็นนิดนึง เราต้องให้ระบบจดจำเสียงพูดของเราก่อน เพราะโทนเสียงของแต่ละคนจะไม่เท่ากัน ดังนั้นจึงต้องให้เวลาระบบได้บันทึกและประมวลผลไว้ ซึ่งทาง เอ็มจีบอกว่า เป็นระบบคลาว ข้อมูลทุกอย่างจะถูกส่งไปอัพรวมเก็บไว้บนคลาวแล้วสั่งการกลับลงมา ดังนั้นมันจะฉลาดขึ้นเรือยๆ ตามการใช้งาน ยิ่งเราทำให้ระบบคุ้นเคยมากเท่าไร ก็จะใช้งานได้ง่ายขึ้น

ค่าใช้จ่ายของตัวระบบนี้ ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ NEW MG ZS จะได้รับแพ็คเกจใช้งานระบบะ i-SMART ฟรี เป็นระยะเวลา 5 ปี ขณะที่ตัวรถ รับประกันคุณภาพนาน 4 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (Roadside Assistance) และศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (MG Call Centre) ตลอด 24 ชั่วโมง รวมไปถึงบริการเช็คระยะนอกสถานที่ (Mobile Services)ด้วย

สิ่งสำคัญที่ยังเป็นข้อสงสัยสำหรับผู้บริโภค คือความเป็นแบรนด์น้องใหม่ ความมั่นใจและการบริการหลังการขายซึ่งยังไม่สามารถประเมินอะไรได้ในเวลานี้ แต่อย่างที่เกริ่นไว้ตอนต้น หากคุณเชื่อในฐานะทางการเงินและการบริหารงานของเจ้าของแบรนด์ ประเด็นนี้คงไม่ใช่ปัญหาในการเลือกคบกับ เอ็มจี

เหมาะกับใคร

ด้วยสนนราคาค่าตัวเริ่มต้นที่ 679,000 บาทในรุ่นเริ่มต้นและ ตัวท้อปที่ 789,000 บาท กับออพชันที่ได้รับถือว่าคุ้นค่าที่สุดในรถระดับเดียวกัน แถมขับดีกว่ารถระดับซับ-คอมแพค เมื่อมองราคาใกล้เคียงกัน ดังนั้น ใครอยากได้รถครอบครัวขนาดเล็ก ราคาเบา ขับสบายๆ เดินทางไกลได้ ลูกเล่นเยอะ ไม่เน้นแรง “เอ็มจี แซดเอส” คำตอบนี้ “ใช่”




กำลังโหลดความคิดเห็น