ข่าวดีสำหรับแฟนของ Ayrton Senna ยอดนักแข่งรถ F1 ชาวบราซิลซึ่งเสียชีวิตเมื่อ 23 ปีที่แล้ว คือ ทาง McLaren ผลิตรถสปอร์ตตัวแรงที่ใช้ชื่อของนักแข่งผู้นี้ พร้อมปรับสเปกสุดเร้าใจ โดยจะเริ่มส่งมอบได้ในปีหน้า แต่ข่าวร้อยคือ จำนวนการผลิตทั้งหมด 500 คันตอนนี้ถูกจองเอาไว้หมดแล้ว...งานนี้ก็เลยเป็นแค่การเล่าสู่กันฟังเท่านั้น
แน่นอนว่าการนำชื่อของ Senna มาใช้กับรถสปอร์ตรุ่นนี้มีเหตุและผลของมัน เพราะถ้าให้นั่งไล่นับชื่อของนักแข่ง F1 ที่สร้างชื่อเสียงให้กับทีมแข่ง McLaren ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เรียกว่าไม่มีใครเกินหน้า Senna โดยเขาสามารถกวาดแชมป์โลก 3 สมัยได้ภายใต้การเป็นนักแข่งของทีม McLaren-Honda ในปี 1988 1989 และ 1991ก่อนที่จะย้ายไปร่วมทีม Williams ในปี 1994 และเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุในระหว่างการแข่งขัน San Marino GP เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 1994 ดังนั้นชื่อของ Senna จึงไม่ได้เป็นที่จดจำเฉพาะแฟนของ McLaren เท่านั้น แต่รวมถึงแฟน F1 ทั่วโลก
กลับมาที่ HyperCar คันนี้ ทาง McLaren บอกว่าเป็นการพัฒนาโดยอยู่บนพื้นฐานของ 720S ซึ่งถือเป็นรถสปอร์ตรุ่นปกติที่เป็นสเป็กสูงที่สุดเท่าที่มีขายอยู่ในตอนนี้ของแบรนด์ดังจาก Working โดยมีการปรับปรุงหน้าตา และรายละเอียดของรูปลักษณ์ภายนอกใหม่หมด รวมถึงชิ้นส่วนให้องโดยสารด้วย เพราะต้องการลดน้ำหนักให้เบา เพื่อสมรรถนะที่ดีขึ้น โดยเมื่อเปรียบเทียบกับ 720S แล้ว Senna มีน้ำหนักเบากว่าถึง 220 กิโลกรัม ด้วยตัวเลข1,198 กิโลกรัมเท่านั้น
สำหรับเครื่องยนต์ก็เป็นการอัพสเปกจากขุมพลังวี8 4,000 ซีซี เทอร์โบคู่ที่อยู่ในห้องเครื่องยนต์ของ 720S ซึ่งในรุ่น Senna มีกำลังสูงสุด800 ตัว และแรงบิดสูงสุด 81.5 กก.-ม. ขณะที่สเปกของ 720S มีตัวเลขอยู่ที่ 720 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 77.7 กก.-ม. ซึ่งตรงนี้ส่งผลโดยตรงไปยังอัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนัก ซึ่งมีตัวเลข 668 แรงม้าต่อตัน ส่งผลให้สมรรถนะในการขับเคลื่อนแรงและเร้าใจ โดยเฉพาะในช่วงอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงไม่ถึง 2.5 วินาที
ระบบช่วงล่างยกชุดมาจากของ P1 โดยอ้างอิงระบบปีกนก 2 ชั้น ระบบโช้กอัพแบบปรับระดับอัตโนมัติ และเหล็กกันโคลงเป็นพื้นฐานและเสริมด้วยระบบ RCC II หรือ RaceActive Chassis Control เพื่อปรับการทำงานของระบบช่วงล่างโดยเฉพาะโช้กอัพให้มีความแม่นยำในการปรับความหนืดตามสภาพการใช้งาน โดยเฉพาะในระหว่างการขับที่เน้นสมรรถนะ
ใครที่อยากเป็นเจ้าของบอกเลยว่า ตอนนี้อด เพราะ 500 คันถูกจองไปหมดแล้วทั้งที่มีราคาถึง 750,000 ปอนด์ หรือ 37.5 ล้านบาท โดยคันสุดท้ายได้มีการนำออกประมูลที่งาน McLaren Winter Ball ซึ่งจัดขึ้นที่สำนักงานใหญ่ใน Working ผลคือ ถูกประมูลไปที่ 2 ล้านปอนด์ หรือ 100 ล้านบาท ซึ่งมีการนำรายได้ส่งต่อไปยังSenna Foundation ที่ Ayrton Senna ตั้งขึ้นมาและให้พี่สาวเป็นคนดูแลต่อ เพื่อให้ความช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสในประเทศที่กำลังพัฒนา