xs
xsm
sm
md
lg

โตโยต้า ยาริส ออพชันดี ขับสนุก วิ่งนิ่ง-ดีเกินคาด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หลังการเข้าร่วมเป็นรถในโครงการอีโคคาร์ “โตโยต้า ยาริส” กลายมาเป็นรถที่มีเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร เพื่อให้เข้ากับมาตรฐานในการได้รับสิทธิ์ส่งเสริมการลงทุนและอัตราภาษีพิเศษ ซึ่งทำให้ “ราคาจำหน่าย” ถูกลงอย่างชัดเจน โดยการเปิดตัวดังกล่าวของยาริสเมื่อปี 2013 เคาะราคาที่ 4.69-5.99 แสนบาท ผ่านมา 4 ปี ถึงเวลาของการปรับปรุงโฉม

ซึ่งเมื่อกันยายนที่ผ่านมา โตโยต้า ได้ฤกษ์เปิดตัว ยาริส แฮทช์แบ็ค รุ่นไมเนอร์เชนจ์ ที่ต้องเพิ่มคำว่า แฮทช์แบ็ค ก็เนื่องจาก ก่อนหน้านั้นเล็กน้อย โตโยต้า เปิดตัว ยาริส เอทีฟ โมเดลแบบบ ซีดาน 4 ประตู ในตระกูลยาริสออกมา โดยรถทั้งสองโมเดลมีโครงสร้างหลักส่วนใหญ่เหมือนกัน ต่างกันเพียงรูปแบบที่เป็น 5 ประตูกับ 4 ประตู และหลังการเปิดตัวไม่นานตามธรรมเนียมจะมีการเชิญสื่อมวลชนร่วมทดลองขับ MGR มอเตอริ่ง ไม่พลาด มาดูกันว่า ยาริส แฮทช์แบ็ค มีอะไรเปลี่ยนแปลงและน่าสนใจเพียงใด

เพิ่มออพชันล้น แต่คงราคาเดิม

แม้จะเป็นการไมเนอร์เชนจ์ แต่สิ่งที่เราเห็นแทบทั้งคันนั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก มีเพียงเครื่องยนต์ที่คงเดิม นอกนั้นเพิ่มเติมเข้ามาให้อย่างชนิดที่ไม่เคยเห็นในรถระดับเดียวกันมาก่อน ขอไล่เรียงมาย้ำชัดๆ กันอีกสักครั้งว่ามีอะไรบ้าง




ดีไซน์ภายนอกปรับปรุงใหม่ทั้งด้านหน้าและด้านท้ายเน้นความสปอร์ต ดูโฉบเฉี่ยวตามยุคสมัย ไร้ซึ่งหนวดปลาดุกอีกต่อไป ขณะที่ไฟหน้าเป็นแบบโปรเจคเตอร์พร้อมไฟ LED Light Guiding ส่องสว่างเวลากลางวัน Daytime Running Light และไฟตัดหมอกหน้าไฟท้ายแบบ LED Light Guiding
 
ภายในห้องโดยสารปรับดีไซน์ใหม่ ระบบแอร์ปรับมาเป็นแบบอัตโนมัติสวยงามพร้อมเครื่องเสียงครบครัน (ยกเว้นรุ่น J ECO) เกียร์ยังคงเป็นแบบขั้นบันได ส่วนสิ่งที่เพิ่มเติมมาแต่เรามองไม่เห็นคือ การบุวัสดุซับเสียงรบกวนรอบคัน เพื่อช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอก


สำหรับหัวใจสำคัญในการเปลี่ยนแปลงรอบนี้คือ ระบบความปลอดภัยที่ให้มากกว่าใครเพื่อนในรถยนต์แฮทช์แบ็กขนาดเล็ก โดยมีถุงลมนิรภัย SRS 7 ตำแหน่ง พร้อมด้วยระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC (Hill Start Assist Control)ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC (Traction Control)ระบบควบคุมการทรงตัว VSC (Vehicle Stability Control)ระบบเบรก ABS (Anti-lock Braking System)ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake-force Distribution)ระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist) เสริมด้วย ระบบสัญญาณเตือนสิ่งกีดขวางขณะถอยหลัง, กุญแจป้องกันการโจรกรรม Immobilizer (เฉพาะในรุ่น G และ E) และ ระบบไฟส่องสว่างหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow-Me-Home) เฉพาะรุ่น G

เครื่องยนต์ตัวเดิม รหัส 3NR-FE ขนาด 1.2 ลิตร 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i หรือวาล์วไอดี-ไอเสียแปรผัน ให้กำลังสูงสุด 86 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 108 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง CVT-i เพียงแบบเดียว

สำหรับราคาเปิดตัวด้วยรุ่นเริ่มต้น 4.79 แสนบาท ขณะที่รุ่นท็อปเคาะ 6.09 แสนบาท เพิ่มจากเมื่อการเปิดตัวครั้งแรกเพียง 10,000 บาท สำหรับคนที่จองก่อนวันที่ 1 พย. 2560 จะได้ราคาสุดพิเศษนี้ ส่วนปัจจุบัน ปรับเพิ่มขึ้นรุ่นละ 10,000 บาท ตามนโยบายใหม่ เอาใจแฟนพันธ์แท้โตโยต้า “ซื้อก่อนต้องถูกกว่า”

ขับสนุก 120 ยังนิ่ง

ในส่วนของการทดลองขับ เราขอเปรียบเทียบกับ ยาริส เอทีฟ เพื่อให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างเข้าใจง่ายๆ ช่วงออกตัวคันเร่งค่อนข้างเบา สบายเท้า ตอบสนองทันใจ แม้จะไม่เท่าเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรแต่ก็เพียงพอต่อการใช้งาน ตามความรู้สึกของเราเสียงรบกวนน้อยกว่ารถรุ่นอื่นๆ ในระดับเดียวกัน

ช่วงการวิ่งในเมืองคล่องตัว หาที่จอดง่าย พวงมาลัยเบามือ ขับง่ายไม่เหนื่อย ทัศนวิสัยชัดเจนทุกมุมมอง ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชันเราใช้งานบ่อยมาก โดยเฉพาะเวลา วนหาที่จอดรถช่วงทางขึ้นระหว่างชั้น มั่นใจไม่ต้องกลัวไหลไปโดนคันข้างหลัง

การวิ่งทางยาวๆ ความเร็วที่เราใช้ส่วนมากอยู่ที่ 100-120 กม./ชม. ทรงตัวนิ่งดี เสียงลมประทะไม่ดังรบกวนแต่อย่างใด ช่วงล่างให้ความรู้สึกที่แข็งกว่ารุ่นเอทีฟ ความเร็วสูงสุดที่เราทำได้คือ 140 กม./ชม. ตามความเอื้ออำนวยของการจราจร รถยังคงนิ่ง ให้ความอุ่นใจได้แม้วิ่งด้วยความเร็วสูง

อัตราเร่ง อาจจะเป็นสิ่งที่ต้องทำความคุ้นเคย เนื่องจากจะไม่ปรูดปราด เท่ากับรถขนาดเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร แต่ถ้าเทียบในระดับ 1.2 ด้วยกัน ถือว่าขับสนุกกว่าใครในระดับนี้ ด้วยเกียร์ที่เป็นแบบซีวีที ซึ่งจะมีจุดเด่นด้านของอัตราการประหยัดน้ำมันเชื่อเพลิงที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานของอีโคคาร์ด้วยค่าเฉลี่ย 20 กม./ลิตร ขณะที่การใช้งานจริงของเรา แบบวิ่งในเมืองและนอกเมือง กดคันเร่งคิกดาวน์บ่อยๆ หน้าจอระบุค่าเฉลี่ย 11.8 กม./ลิตร กับระยะทางแรกราว 100 กิโลเมตร

หลังจากนั้นเรารีเซตใหม่ ทดลองวิ่งใช้งานปกติ รถติดใจกลางเมืองและชานเมืองราว 100 กม. ไม่กดคิกดาวน์แบบระห่ำเหมือนรอบแรก หน้าจอระบุ 14 กม./ลิตร ซึ่งเมื่อรวมระยะทางวิ่งทั้งหมดที่เราลองขับไปราว 220 กม. เกจ์น้ำมันลงมาแตะที่ครึ่งถังพอดี



เหมาะกับใคร

ลำพังแค่ชื่อชั้น “โตโยต้า” เชื่อขนมกินได้สบาย ยิ่งมากับโมเดลที่ ออพชันแน่นๆ แต่ราคาคงเดิมแทบไม่เพิ่มจากเมื่อครั้งเปิดตัว คนรุ่นใหม่ที่อยากได้รถเล็กขับสนุก แน่นด้วยอุปกรณ์เสริมความปลอดภัย สบายใจกับบริการหลังการขาย ยาริส แฮทช์แบ็ค เป็นตัวเลือกแรกที่คุณต้องพิจารณา


กำลังโหลดความคิดเห็น