xs
xsm
sm
md
lg

เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัวสุดแรง AMG GT R ควบAMG GT C

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

Mercedes-AMG GT R
บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เสริมทัพตัวแรง เผยสปอร์ตสมรรถนะสูงเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ ของแบรนด์ Mercedes-AMG อย่าง “GT R” ที่พกพาควาามแรงระดับ 585 แรงม้า และ “GT C” สปอร์ตโรดสเตอร์ที่แรงไม่แพ้กันกับ 557 แรงม้า ใต้ฝากระโปรง
Mercedes-AMG GT R
ไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในปีพ.ศ. 2560 นี้ ถือเป็นโอกาสครบรอบ 50 ปีของแบรนด์ Mercedes-AMG ที่สร้างสรรค์รถยนต์ภายใต้ปรัชญา ‘ขับเคลื่อนทุกสมรรถนะ – Driving Performance’ โดยมีรถยนต์สปอร์ตตระกูล AMG GT ที่เป็นหัวหอกในการแสดงศักยภาพและความก้าวหน้าในการพัฒนารถยนต์ของแบรนด์
Mercedes-AMG GT R
“ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ เรามุ่งเน้นมาที่แบรนด์รถยนต์ที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นนิช มาร์เก็ต (Niche Market) มากขึ้น โดยล่าสุดได้เปิดตัวรถยนต์ภายใต้แบรนด์ Mercedes-AMG สองรุ่นใหม่ อย่าง Mercedes-AMG GT R และ Mercedes-AMG GT C เพื่อมาเติมเต็มพอร์ทโฟลิโอของกลุ่มรถยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูงระดับพรีเมี่ยม”
Mercedes-AMG GT R
สำหรับ Mercedes-AMG GT R เป็นสมาชิกใหม่ของรถสปอร์ตตระกูล AMG GT และเป็นรถสปอร์ต รุ่นแรกของเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมของรถแข่งมาประยุกต์ใช้ โดยเป็นการผสมผสานระหว่างสมรรถนะของรถสปอร์ตกลุ่ม AMG GT 3 กับการใช้งานในชีวิตประจำวันของรถสปอร์ตกลุ่ม AMG GT
Mercedes-AMG GT R
ดีไซน์ภายนอก รูปลักษณ์ของ Mercedes-AMG GT R สะท้อนปรัชญาการออกแบบ Sensual Purity ที่ทั้งเมอร์เซเดส-เบนซ์และเอเอ็มจียึดถือ ส่วนหน้าของตัวรถมีลักษณะลาดต่ำ และ กระจังหน้าแบบ AMG Panamericana (เอเอ็มจีแพนอเมริกาน่า) ที่ยื่นออกไปคล้ายจมูกฉลามนั้นสามารถช่วยลดแรงกดที่ด้านหลังตัวรถ ส่งผลให้การไหลเวียนของอากาศขณะรถเคลื่อนที่ดีขึ้น อีกทั้งยังประกอบด้วยวัสดุบังคับลมชุบโครเมี่ยม 15 ซี่เช่นเดียวกับรถแข่งรุ่น Mercedes-AMG GT 3, ล้ออัลลอยแบบ AMG Performance (เอเอ็มจีเพอร์ฟอร์มานซ์) น้ำหนักเบา ช่วยประหยัดพลังงาน และทำให้ระบบช่วงล่างและการหมุนพวงมาลัยเป็นไปอย่างราบรื่นและแม่นยำ นอกจากนั้นยังมีหลังคารถที่ผลิตจากวัสดุคาร์บอน เสริมให้ตัวรถมีสีสันตัดกันสวยงาม พร้อมติด ระบบเบรกแบบ AMG high-performance composite brake สีเหลืองที่เป็นสีพิเศษสำหรับรถยนต์รุ่นนี้โดยเฉพาะ
Mercedes-AMG GT R
ดีไซน์ภายใน ห้องโดยสารของ Mercedes-AMG GT R ได้รับอิทธิพลมาจากกีฬามอเตอร์สปอร์ต โดยเบาะที่นั่งถูกปรับให้ต่ำลงเพื่อให้ผู้ขับขี่รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถ อีกทั้งยังเป็นเบาะที่นั่งแบบ AMG Sports Bucket (เอเอ็มจีสปอร์ตบักเก็ต) หุ้มด้วยหนัง Nappa และเส้นใย DINAMICA Microfibre ช่วยปกป้องลำตัวด้านข้างได้ดีแม้ขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง ทั้งนี้ ผู้เป็นเจ้าของสามารถเลือกติดตั้งเบาะที่นั่งแบบเอเอ็มจีเพอร์ฟอร์มานซ์ และอุปกรณ์เสริมต่างๆ ได้ เช่น ชุดเข็มขัดนิรภัยสีเหลือง ชุดแผงหน้าปัดสีเหลือง หรือชุดแต่ง ห้องโดยสาร AMG Interior Piano Lacquer เป็นต้น
Mercedes-AMG GT R
ทั้งนี้ ชุดแต่ง AMG Interior Night (เอเอ็มจีอินทีเรียร์ไนท์) เป็นชุดแต่งมาตรฐานของรถยนต์รุ่นนี้ โดยทั้งพวงมาลัย และเกียร์จะชุบสีดำเงาทั้งหมด, แผงหน้าปัดกว้าง สื่อถึงเอกลักษณ์ของงานออกแบบอากาศยาน, แผงควบคุมตรงกลางมีลักษณะคล้ายกับท่อรับอากาศแบบนาคา (NACA air intake) ที่นิยมใช้กับเครื่องบิน และมีช่องลมของเครื่องปรับอากาศ 4 ช่องที่ดูคล้ายสปอตไลท์
Mercedes-AMG GT R
ความปลอดภัยและเทคโนโลยี Mercedes-AMG GT R มีระบบกันสะเทือนที่ออกแบบมาเพื่อใช้กับรถยนต์รุ่นนี้โดยเฉพาะ โดยจะทำงานร่วมกับระบบ AMG RIDE CONTROL (เอเอ็มจีไรด์คอนโทรล) ด้วยการใช้โครงสร้างปีกนกสองชั้นเพื่อรักษาสมดุลของล้อ และติดสปริงไว้ด้านบน, ใช้นวัตกรรม AMG Lightweight Performance (เอเอ็มจีไลท์เวทเพอร์ฟอร์มานซ์) ที่เลือกสรรวัสดุน้ำหนักเบามาใช้ในการผลิต ทำให้โครงสร้างของรถมีน้ำหนักเบา มีความยืดหยุ่นสูง แต่แข็งแกร่งและสามารถกระจายแรงได้เป็นอย่างดี, ระบบควบคุมการยึดเกาะเอเอ็มจีแบบ 9 ระดับ หรือ AMG TRACTION CONTROL , ท่อไอเสียเอเอ็มจีเพอร์ฟอร์มานซ์รูปทรง หกเหลี่ยมขนาดใหญ่ที่ใช้ท่อเก็บเสียงที่ผลิตจากไทเทเนี่ยมและเหล็กกล้าไร้สนิม ให้เสียงคล้ายคลึงกับเสียงรถแข่ง
Mercedes-AMG GT R
ส่วน Mercedes-AMG GT C ถือเป็นรถยนต์โรดสเตอร์ที่มีสมรรถนะดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี จากการผสมผสานนวัตกรรมใหม่ล่าสุดจากรถยนต์ Mercedes-AMG GT R เข้ากับระบบช่วงล่างเอเอ็มจีไรด์คอนโทรลแบบสปอร์ต (AMG RIDE CONTROL Sports Suspension)
Mercedes-AMG GT R
ดีไซน์ภายนอก มีการเสริมสปอยเลอร์หลังที่ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับการขับขี่ในสนามแข่งรถยนต์ที่มีช่องทางวิ่งกว้าง, ล้อหลังถูกปรับให้ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับนวัตกรรมต่างๆ ที่เพลาหลัง และเพิ่มประสิทธิภาพขณะเข้าโค้งและเสริมการยึดเกาะ, กระจังหน้าแบบเอเอ็มจีแพนอเมริกาน่า มีวัสดุบังคับลมชุบโครเมี่ยม 15 ซี่เช่นเดียวกับรถแข่งรุ่น Mercedes-AMG GT 3, ฝากระโปรงหน้ายาว หลังคาผ้าใบ 3 ชั้นที่มีผิวสัมผัสนุ่ม มีโครงสร้างเป็นโลหะผสมแมกนีเซียมและอะลูมิเนียมที่มีน้ำหนักเบา โดยสามารถกางเปิดหรือเลื่อนปิดได้อัตโนมัติภายในเวลา 11 วินาที และใช้งานได้แม้ขณะรถวิ่งที่ความเร็วสูงสุดที่ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
Mercedes-AMG GT R
ดีไซน์ภายใน มาพร้อมกับเบาะหนัง Nappa ที่อยู่ต่ำเพื่อช่วยโอบล้อมผู้ขับขี่ให้รู้สึกราวกับอยู่ในรถแข่ง, พวงมาลัยเอเอ็มจีเพอร์ฟอร์มานซ์หุ้มหนัง Nappa และ เส้นใย DINAMICA Microfibre อีกทั้งยังติดตั้งระบบให้ความอบอุ่นบริเวณช่วงคอแบบแอร์สคาร์ฟ (AIRSCARF) และระบบ ทำความเย็นให้กับเบาะสำหรับการขับขี่แบบเปิดประทุนทั้งในฤดูร้อนและฤดูหนาว โดยผู้โดยสารสามารถปรับเลือกอุณหภูมิของระบบทำความร้อนและความเย็นได้ 3 ระดับ
Mercedes-AMG GT R
ด้านความปลอดภัยและเทคโนโลยี ฝากระโปรงหน้าผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์และวัสดุ SMC (Sheet Moulding Compound) ที่ถูกพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษโดยทีมงานของ Mercedes-Benz TEC (เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทีอีซี) และผู้เชี่ยวชาญของเอเอ็มจี ทำให้ฝากระโปรงรถมีน้ำหนักเบา แต่ยังคงไว้ซึ่งความทนทานและแข็งแรง, ระบบช่วงล่างของทั้ง 4 ล้อมีทั้งปีกนก แกนบังคับเลี้ยว และ โครงฐานคุมล้อ (hub carrier) ที่หล่อจากอะลูมิเนียมเพื่อลดน้ำหนักที่ไม่จำเป็น โดยล้อทั้ง 4 จะถูกควบคุมโดยกลไกปีกนกแบบ 2 ชั้น เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการหมุนของล้อและการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง
Mercedes-AMG GT R
Mercedes-AMG GT R และ Mercedes-AMG GT C มาพร้อมกับระบบ AMG DYNAMIC SELECT ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดของเกียร์หลักได้ 3 แบบ คือ “C” (Comfort) สำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวัน ช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สึกผ่อนคลายและสะดวกสบาย, “S” (Sport) และ “S+” (Sport Plus) เน้นความเร้าใจในการขับขี่ให้มากยิ่งขึ้น และ “I” (Individual) ที่สามารถช่วยจดจำรูปแบบการขับขี่ของผู้ขับได้ อีกทั้งยังมีโหมด “RACE” ที่เป็นโหมดเสริมสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการความแรงและเกียร์ที่เปลี่ยนได้รวดเร็วเหมือนอยู่ในสนามแข่งรถ
Mercedes-AMG GT R
รถยนต์ทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ ขนาด 4.0ลิตร ไดเรค อินเจคชั่น และระบบเกียร์แบบคลัทช์คู่ 7 สปีด ช่วยทำให้รถมีความคล่องตัวยิ่งขึ้น โดย Mercedes-AMG GT R มีกำลังสูงสุด 585 แรงม้า ที่ 6,250 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตรที่ 1,900-5,500 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.6 วินาที และ Mercedes-AMG GT Cมีกำลังสูงสุด 557 แรงม้า ที่ 5,750-6,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 690 นิวตันเมตรที่ 1,900-5,500 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.7วินาที

เมอร์เซเดส เอเอ็มจี จีทีซี ราคา 16,800,000 บาท

เมอร์เซเดส เอเอ็มจี จีทีอาร์ ราคา 17,400,000 บาท
Mercedes-AMG GT R
Mercedes-AMG GT R
Mercedes-AMG GT R
Mercedes-AMG GT R
Mercedes-AMG GT R
Mercedes-AMG GT R
Mercedes-AMG GT C
Mercedes-AMG GT C
Mercedes-AMG GT C
Mercedes-AMG GT C
Mercedes-AMG GT C
Mercedes-AMG GT C
Mercedes-AMG GT C
Mercedes-AMG GT C
Mercedes-AMG GT C
Mercedes-AMG GT C
Mercedes-AMG GT C
Mercedes-AMG GT C
Mercedes-AMG GT C
Mercedes-AMG GT C

กำลังโหลดความคิดเห็น