เมื่อกล่าวถึง “แท็กซี่” ที่ประเทศญี่ปุ่น แน่นอนว่าสำหรับคนที่เคยไปใช้บริการมาแล้วจะนึกถึงภาพของรถยนต์ “โตโยต้า คราวน์” ที่คอยวิ่งรับส่งผู้โดยสาร เป็นสัญลักษณ์ประจำประเทศญี่ปุ่น แม้ว่าคราวน์จะมีการเปลี่ยนโมเดลมาหลายเจเนอเรชั่นแล้วก็ตาม แต่ “คราวน์ คอมฟอร์ท” คือโมเดลหลักในการทำตลาดแท็กซี่ ด้วยรูปแบบที่คงเดิมมาตลอดกว่า 20 ปี

ในปีนี้ เป็นครั้งแรกของโตโยต้า ที่ประกาศจะยุติการทำตลาด คราวน์ คอมฟอร์ท และเปลี่ยนมาแทนที่ด้วย เจแปน แท็กซี่ JPN Taxi ซึ่งโตโยต้า หมายมั่นปั้นมือว่า เจแปน แท็กซี่จะมาแทนคราวน์ทุกคันและกลายเป็นสัญลักษณ์ใหม่ของประเทศญี่ปุ่น เช่นเดียวกับ อเมริกาที่มี แท็กซี่เหลือง และอังกฤษที่มี ลอนดอนแคป

จุดเด่นของ เจแปน แท็กซี่ คงอยู่ที่รูปทรงที่ใหม่หมดจด โดยออกแบบเน้นในเรื่องของการใช้งานเป็นหลัก ด้วยลักษณะรถที่มีเบาะนั่งหลังกว้าง ให้ผู้โดยสารนั่งด้วยความสบาย พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายรถอย่างเหลือเฟือ ชนิดที่สามารถวางกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ถึง 2 ใบพร้อมกันได้
การเข้าออก ประตูด้านซ้ายจะเป็นแบบสไลด์ โดยเปิด-ปิด ด้วยระบบอัตโนมัติจากการสั่งการของผู้ขับขี่ ขนาดกว้างขวางมาก ขึ้น-ลงสะดวกสบาย ขณะที่ประตูอีกบานจะเป็นแบบเปิดปกติ เบาะนั่งยืนยันว่า สบายจริง ซึ่งผู้เขียนได้ทดลองนั่งมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วกับระยะการเดินทางกว่า 1 ชั่วโมง (แอบหลับด้วย)


ด้านของเครื่องยนต์เป็น เครื่องยนต์ไฮบริดลูกผสมระหว่าง ก๊าซแอลพีจีและระบบไฟฟ้า ขนาด 1.5 ลิตร ซึ่งเครื่องยนต์ตัวนี้มีพื้นฐานเดียวกันกับเครื่องยนต์ที่ประจำการอยู่ในรุ่น เซียนต้าและอะควา โดยเหตุผลที่ใช้แอลพีจีเป็นหลักก็เนื่องจากค่าแก๊สถูกกว่า ทำให้ต้นทุนในการเดินทางต่ำ จึงเหมาะสมกับการนำมาใช้งานในเชิงพาณิชย์



ทั้งนี้เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ ทางโตโยต้า จึงเน้นให้ เจแปน แท็กซี่ ทำตลาดด้วย สีน้ำเงินอินดิโก ดังนั้นนับจากนี้เป็นต้นไป เราจะเริ่มได้เห็นรถแท็กซี่โฉมใหม่ล่าสุดนี้ วิ่งบนท้องถนนในญี่ปุ่นแล้ว หลังจากการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม ที่ผ่านมา ด้วยสนนราคา 3,499,200 เยน หรือประมาณ 1,050,000 บาท























ในปีนี้ เป็นครั้งแรกของโตโยต้า ที่ประกาศจะยุติการทำตลาด คราวน์ คอมฟอร์ท และเปลี่ยนมาแทนที่ด้วย เจแปน แท็กซี่ JPN Taxi ซึ่งโตโยต้า หมายมั่นปั้นมือว่า เจแปน แท็กซี่จะมาแทนคราวน์ทุกคันและกลายเป็นสัญลักษณ์ใหม่ของประเทศญี่ปุ่น เช่นเดียวกับ อเมริกาที่มี แท็กซี่เหลือง และอังกฤษที่มี ลอนดอนแคป
จุดเด่นของ เจแปน แท็กซี่ คงอยู่ที่รูปทรงที่ใหม่หมดจด โดยออกแบบเน้นในเรื่องของการใช้งานเป็นหลัก ด้วยลักษณะรถที่มีเบาะนั่งหลังกว้าง ให้ผู้โดยสารนั่งด้วยความสบาย พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายรถอย่างเหลือเฟือ ชนิดที่สามารถวางกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ถึง 2 ใบพร้อมกันได้
การเข้าออก ประตูด้านซ้ายจะเป็นแบบสไลด์ โดยเปิด-ปิด ด้วยระบบอัตโนมัติจากการสั่งการของผู้ขับขี่ ขนาดกว้างขวางมาก ขึ้น-ลงสะดวกสบาย ขณะที่ประตูอีกบานจะเป็นแบบเปิดปกติ เบาะนั่งยืนยันว่า สบายจริง ซึ่งผู้เขียนได้ทดลองนั่งมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วกับระยะการเดินทางกว่า 1 ชั่วโมง (แอบหลับด้วย)
ด้านของเครื่องยนต์เป็น เครื่องยนต์ไฮบริดลูกผสมระหว่าง ก๊าซแอลพีจีและระบบไฟฟ้า ขนาด 1.5 ลิตร ซึ่งเครื่องยนต์ตัวนี้มีพื้นฐานเดียวกันกับเครื่องยนต์ที่ประจำการอยู่ในรุ่น เซียนต้าและอะควา โดยเหตุผลที่ใช้แอลพีจีเป็นหลักก็เนื่องจากค่าแก๊สถูกกว่า ทำให้ต้นทุนในการเดินทางต่ำ จึงเหมาะสมกับการนำมาใช้งานในเชิงพาณิชย์
ทั้งนี้เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ ทางโตโยต้า จึงเน้นให้ เจแปน แท็กซี่ ทำตลาดด้วย สีน้ำเงินอินดิโก ดังนั้นนับจากนี้เป็นต้นไป เราจะเริ่มได้เห็นรถแท็กซี่โฉมใหม่ล่าสุดนี้ วิ่งบนท้องถนนในญี่ปุ่นแล้ว หลังจากการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม ที่ผ่านมา ด้วยสนนราคา 3,499,200 เยน หรือประมาณ 1,050,000 บาท