xs
xsm
sm
md
lg

“ยาริส เอทีฟ” นุ่ม เงียบ ประหยัด ปลอดภัย ครบโดนใจ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

“เราต้องไม่ทำให้แฟนพันธ์แท้โตโยต้าผิดหวัง” หนึ่งในประโยคสำคัญจากห้องประชุมของทีมผู้บริหาร โตโยต้า ที่ถูกนำมาเป็นแนวคิดในการสรรค์สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งหมดของโตโยต้านับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป รวมถึงกลยุทธ์ทางการตลาดต่างๆ ก็จะต้องดำเนินไปตามประโยคข้างต้นนั้นด้วย

สอดรับกับประโยคทองของ “มิจิโนบุ ซึงาตะ” หัวเรือใหญ่โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ที่กล่าวย้ำหลายครั้งในการแถลงข่าวว่า “This is the best time to buy Toyota” หรือแปลเป็นไทยว่า “นี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการซื้อโตโยต้า” หากถามเราคำกล่าวนี้ มั่นใจได้เพียงใด ไปอ่านคำตอบได้จากบทความการลองขับ “โตโยต้า ยาริส เอทีฟ” ซีดานน้องใหม่ล่าสุด ที่ถือกำเนิดขึ้นภายใต้ โครงการอีโคคาร์ เฟสหนึ่ง ดังต่อไปนี้

บรรทัดฐานใหม่รถเล็ก

ลำดับแรกที่ต้องกล่าวถึงของ ยาริส เอทีฟ นั่นก็คือ การใส่อุปกรณ์เสริมด้านความปลอดภัยที่เรียกว่าครบเครื่องที่สุดในคลาสนี้และยังมากกว่าหลายรุ่นในคลาสที่สูงกว่าอีกด้วย ขอไล่เรียงแบบสั้นกระชับได้แก่ VSC, TRC, HAC, ABS, BA, EBD และ ถุงลมนิรภัย 7 จุด 2ใบคู่หน้า, ด้านข้างซ้าย-ขวา, ม่านซ้าย-ขวา และหัวเข่า








ในส่วนของมิติตัวถัง โครงสร้างพื้นฐานมาจากรุ่น วิออส แต่ได้รับการปรับปรุงใหม่ตั้งแต่ จุดการเชื่อมต่อต่างๆ ที่แน่นหนาขึ้น พร้อมเสริมด้วยวัสดุฉนวนซับเสียงรบกวนรอบคัน รวมทั้งภายในหลังคาอีกด้วย ซึ่งหลังคาได้รับการออกแบบใหม่ให้มีความโค้งเพื่อช่วยในเรื่องของอากาศพลศาสตร์และการทรงตัวของรถ

หัวใจคบหากับเครื่องยนต์เบนซินรหัส 3NR-FE ขนาด 1.2 ลิตร 4สูบ Dual VVT-i พละกำลัง 86 แรงม้า แรงบิด 108 นิวตันเมตร ซึ่งเป็นบล็อคที่ผ่านมาตรฐานของอีโคคาร์ในทุกเงื่อนไข ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i ที่ได้รับการปรับจูนซอฟแวร์ใหม่ให้มีความลงตัวมากกว่าเวอร์ชั่นก่อนหน้าที่เคยประจำการในรุ่นอื่น



ขับนิ่ง วิ่งนุ่ม แถมเงียบ

ในการทดลองขับครั้งนี้ โตโยต้า จัดให้เราครบถ้วนทั้งแบบในสนามปิดเพื่อลองระบบต่างๆ และบนถนนจริงเส้นทางกรุงเทพฯ จันทรบุรี รวมระยะทางไปกลับกว่า 400 กม. เราขอเริ่มด้วยการทดลองขับที่จุดทดสอบ TDEX ก่อนเป็นลำดับแรก


ณ ที่ TDEX ริมถนนบางนา เราได้ทดลองระบบเบรก ABS, TRC ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีขณะออกตัว และ VSC ระบบควบคุมการทรงตัว เมื่อรถเสียอาการ ในสถานีทดสอบเราจะรับรู้ถึงการทำงานของระบบทั้ง 3 อย่างนี้ได้ว่า มันสามารถช่วยให้เรารอดพ้นจากสถานการณ์ฉุกเฉินที่ไม่คาดฝันได้จริง ซึ่งรถรุ่นใดที่ไม่มีระบบเช่นว่านี้ จะควบคุมรถไม่ได้และลื่นไถลไปชนอย่างไม่ต้องสงสัย

นอกจากนั้นเรายังได้ลองอัตราเร่งช่วงออกตัว บอกตามตรงว่า ไม่ถึงกับอืดแต่ก็ไม่ปรูดปราดเหมือนรถที่มีเกียร์ระบบทอร์ค คอนเวิร์ตเทอร์ ทั้งนี้เป็นผลมาจากการใช้เกียร์อัตโนมัติแบบซีวีที เพื่อให้ได้อัตราการบริโภคน้ำมันตามมาตรฐานของโครงการอีโคคาร์ จึงจำเป็นต้องใช้เกียร์แบบนี้ ตัวเลขอ้างอิงคือ 0-100 กม./ชม. ในเวลา 15.2 วินาที

ถัดมาเป็นการทดลองระบบ HAC ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน โดยรถจะไม่ไหลลงเมื่อปล่อยเบรกเป็นเวลา 3 วินาที ซึ่งยาริส เอทีฟ ทำได้จริง ต่อไปเป็นการลองวิ่งผ่านลูกระนาดขนาดใหญ่และทางแบบขรุขระดุจดั่งถนนที่พัง บอกได้เลยว่า ทำได้นุ่มนวลเกินกว่าที่เราคาดไว้มาก รวมถึงการกันเสียงดังจากภายนอกเบาลงและเสียงบิดของตัวถังหรือวัสดุต่างๆ ไม่มีให้ได้ยิน

มาถึงส่วนของการทดลองขับทางยาวๆ กันบ้าง ช่วงออกตัว อัตราเร่งกำลังดี สมกับตัวรถและตัวเลขกำลัง ไม่ออกอการกระชากหรือดุดันแต่อย่างใด หากอยากแรงเอทีฟจะไม่ตอบโจทย์ แต่ถ้าชอบความลงตัวพอดี เอทีฟจะตรงใจอย่างที่สุด เนื่องจากตัวเลขลับที่เป็นข้อมูลให้ทีมสร้างรถ ระบุกลุ่มเป้าหมาย 80% เป็นผู้หญิง ดังนั้นยาริส เอทีฟจึงต้องเอาใจลูกค้ากลุ่มนี้เป็นหลัก

พวงมาลัยเป็นแบบไฟฟ้า EPS ปรับระดับสูง-ต่ำได้ มีการเซตน้ำหนักการหมุนพวงมาลัยให้หนักขึ้นกว่ารุ่นอื่น ผู้เขียนชอบมาก พอดีกำลัง ไม่เบาเกินไป มั่นใจว่าคุณผู้หญิงหมุนได้สบาย ให้ความรู้สึกอุ่นใจทั้งการเข้าโค้งและวิ่งด้วยความเร็วสูง

มาถึงช่วงการขับย่านความเร็ว 80-100 กม./ชม. จังหวะเร่งแซงเมื่อกดคันเร่งแบบคิกดาวน์ยังมีการรออยู่บ้างเล็กน้อย รอบจะพุ่งขึ้นไปก่อนแล้วความเร็วของรถจะค่อยตามมา อันเป็นบุคลิกปกติของเกียร์แบบซีวีที ความเร็วสูงสุดที่เราขับไปถึงแตะ 160 กม./ชม. แบบสบายๆ ไม่ต้องลุ้นเหนื่อย หรือแช่แต่อย่างใด ส่วนความเร็วสูงสุดที่ทีมวิศวกรทดลองวิ่งจริงนั้นแตะถึงระดับ 180 กม./ชม. ด้วยเทคนิคส่วนตัว แต่ไม่มีการเคลมตัวเลขอย่างเป็นทางการ

ณ ความเร็วคงที่ 140 กม./ชม. รถยังนิ่ง เสียงลมประทะเบาที่คาดไว้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการใช้บุฉนวนอย่างที่กล่าวตอนต้นรวมกับการใช้กระจกแบบลดเสียงรบกวน (มีตั้งแต่เกรด E ขึ้นไป) มีส่วนทำให้เสียงเบาลง การทรงตัวนิ่งเหนือคาด วิ่งได้นุ่มนวลเทียบเท่ากับรถในระดับคอมแพคคาร์เลยก็กล่าวเช่นนั้นได้ ขอบคุณช่วงล่างที่เซตใหม่หมดทั้งปรับการดูดซับแรงที่แกนโช้คและค่าK ของคอยล์สปริง



เมื่อเราย้ายเป็นผู้โดยสารทั้งตอนหน้าและด้านหลัง รู้สึกสบายตลอดการเดินทาง โดยเฉพาะเบาะหลังเสียงรบกวนจากยางบดพื้นถนนเบากว่าหลายรุ่น เรียกว่าไม่รบกวนการหลับ ส่วนอัตราการบริโภคน้ำมันแบบวิ่งจริงทั้งในเมืองนอกเมือง ความเร็วหลายหลากดังกล่าวไว้ระบุตัวเลข 15-18 กม./ลิตร และเมื่อเป็นการลองขับแบบเนียนๆ กับระยะทางราว 90 กม.ในระยะเวลา 90 นาที มีมากกว่า 5 ไฟแดง รถเกือบ 10 คันที่วิ่งทริปนี้ เห็นตัวเลขระหว่าง 24-26 กม./ลิตร



เหมาะกับใคร

คนที่กำลังมองหารถเล็กไว้ใช้งาน ทั้งในเมืองและทางไกล อุ่นใจได้ตลอดทุกเส้นทาง ไม่เน้นความแรง ชอบความลงตัว นุ่ม นิ่ง นั่งสบาย ยาริส เอทีฟ ตอบโจทย์ตรงใจแน่นอน ลำพังแค่ออพชันด้านความปลอดภัยก็คุ้มค่ากับค่าตัว 4.69-6.19 แสนบาทซึ่งจะยืนราคาถึงวันที่ 31 ตุลาคมนี้เท่านั้น บอกแล้ว “เราต้องไม่ทำให้แฟนพันธ์แท้โตโยต้าผิดหวัง”



กำลังโหลดความคิดเห็น