ข่าวในประเทศ - ปิดดีลลงตัว “ลีนุตพงษ์” แบ่งสมบัติรอบสอง แยก 3 ส่วน “วิทิต” คว้า “โฟล์คสวาเกน” พร้อมโรงงาน ส่วน “วิโรจน์” ได้ “บาร์เซโลน่า มอเตอร์” ขณะที่ “บรมกช” รับตึกที่รองเมือง หนักสุดโชว์รูมและสนง.ใหญ่ โฟล์คสวาเกนต้องย้ายไปบ้านใหม่ไปอยู่ย่านพระราม 9 ให้เสร็จ ส่วนตึกวิภาวดียังไม่แบ่ง

หนึ่งในข่าวดังที่สุดเมื่อราว 10 ปีก่อนของตระกูลยานยนต์ “ลีนุตพงษ์” หรือรู้จักกันในชื่อของ “ยนตรกิจ” ที่เป็นเรื่องราวของการแบ่งสมบัติมูลค่าหมื่นล้านระหว่างพี่น้องของตระกูล โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลักคือ กลุ่มของ “สรวิศ ลีนุตพงษ์” ที่ปัจจุบันยังคงระบบกงสีเอาไว้ โดยมีแบรนด์รถยนต์ในมืออย่าง “ออดี้และเกีย” ทำตลาดอยู่ ขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งซึ่งแยกตัวออกมาคือ “วิทิต ลีนุตพงษ์” ที่หอบเอาแบรนด์ “โฟล์คสวาเกน” และสิทธิ์ในการเป็นดีลเลอร์ บีเอ็มดับเบิลยู ภายใต้ชื่อ “บาร์เซโลนา” มอเตอร์ออกมาด้วย
ล่าสุด มีความเคลื่อนไหวจากทางฝากกลุ่มของ “วิทิต ลีนุตพงษ์” ซึ่งได้มีการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ทั้งหมด โดยได้แยกการกิจการแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักให้พี่น้องแต่ละคนไปดำเนินธุรกิจเป็นของตัวเอง การแบ่งครั้งนี้นอกจากธุรกิจหลักยังรวมไปถึงการแบ่งที่ดินและคาดว่ารวมถึงมรดกทั้งหมดที่เคยแยกตัวออกมาตั้งแต่ครั้งแรกด้วย
การแบ่งในครั้งนี้ ทาง “บรมกช ลีนุตพงษ์” ได้กรรมสิทธิ์ในตึกทั้งหมดที่รองเมือง ซึ่งปัจจุบันเป็นโชว์รูมของโฟล์คสวาเกน โดยกำหนดให้โฟล์คสวาเกนย้ายออกภายในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้แล้ว
ซึ่งล่าสุดได้มีการปลดป้ายเรียบร้อยแล้ว ส่วนในแง่ของความคล่องตัวในการทำตลาด จะมีมากขึ้นเพียงใด เป็นเรื่องที่น่าติดตาม
ส่วน “วิโรจน์ ลีนุตพงษ์” ได้สิทธิ์ในการดูแล “บาร์เซโลนา มอเตอร์” ดีลเลอร์ บีเอ็มดับเบิลยู โดยทาง โฟล์คสวาเกนที่ แบ่งครึ่งอยู่ด้วยนั้นจะต้องย้ายออกภายในสิ้นเดือนนี้เช่นกัน นั่นหมายความว่า โชว์รูมโฟล์คสวาเกนตรงวิภาวดีจะหายไป
สำหรับ ที่ดินผืนสำคัญขนาด 7 ไร่ ตรงบริเวณถนนวิภาวดีที่เคยเป็นโชว์รูมของโฟล์คสวาเกน และปัจจุบันเป็นโชว์รูมของ บาเซโลน่า มอเตอร์ นั้น เป็นเพียงผืนเดียวที่ยังมิได้แบ่งกัน โดยยังคงถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันอยู่

สำหรับ “วิทิต ลีนุตพงษ์” หัวเรือใหญ่ในการแยกตัวครั้งแรกนั้น จะได้ถือสิทธิ์ “โฟล์คสวาเกน” ผ่านทางบริษัท ไทยยานยนต์ โดยถือหุ้น 85% (บรมกช ลีนุตพงษ์ ถือ 15%) และได้ ตึกที่บริเวณถนนพระราม 9 มาดูแล โดยตัดสินใจย้ายสำนักงานใหญ่ของ โฟล์คสวาเกนมาไว้ที่ตึกตรงถนนพระราม 9 แห่งนี้แทนที่โชว์รูมเดิม
ขณะที่ ที่ดินของโรงงานประกอบรถยนต์ของยนตรกิจที่ถนนร่มเกล้า(เฉพาะส่วนของกลุ่มวิทิต) ซึ่งมีอยู่ 3 ล็อก ได้มีการแบ่งด้วยเช่นกันโดย ล็อกแรกตัวโรงงานประกอบรถยนต์ เป็นของ วิทิต , ล็อกที่สอง โกดังเก็บรถยนต์ (ปัจจุบันให้เช่าเก็บรถของบริษัท ยันม่าร์) เป็นของ บรมกช และ ล็อกที่สาม โชว์รูมมาสด้าและสนามแข่ง เป็นของ วิโรจน์
หัวใจสำคัญของการแบ่งธุรกิจในครั้งนี้คือ การที่ต่างคนจะสามารถดำเนินธุรกิจภายใต้การบริหารงานของตัวเองได้อย่างอิสระ ส่วนแบรนด์ที่น่าจับตามองนั่นก็คือ “โฟล์คสวาเกน” ซึ่ง วิทิต แยกตัวออกมาพร้อมกับบริษัท ไทยยานยนต์ และได้ตัวโรงงานประกอบรถยนต์เป็นฐานที่มั่น รองรับและส่งเสริมกันอย่างลงตัว เหมือนกับเตรียมการรอ การเข้ามาของบริษัทแม่ “โฟล์คสวาเกน เอจี” ที่จ่อคิวอยู่หลายครั้งหลายครากับการจะเข้ามาทำตลาดในเมืองไทย แต่สุดท้ายก็ยังคงนิ่ง
อย่างไรก็ตามในแง่ของลูกค้า ระหว่างนี้ย่อมจะต้องเกิดผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในช่วงของการปรับโครงสร้างองค์กรดังกล่าว ซึ่งทางผู้บริหารยืนยันว่า การให้บริการหลังการขายจะยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องไม่มีขาดตอนและคาดว่าการเปลี่ยนโครงสร้างทั้งหมดจะแล้วเสร็จได้ภายในสิ้นปีนี้
หนึ่งในข่าวดังที่สุดเมื่อราว 10 ปีก่อนของตระกูลยานยนต์ “ลีนุตพงษ์” หรือรู้จักกันในชื่อของ “ยนตรกิจ” ที่เป็นเรื่องราวของการแบ่งสมบัติมูลค่าหมื่นล้านระหว่างพี่น้องของตระกูล โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลักคือ กลุ่มของ “สรวิศ ลีนุตพงษ์” ที่ปัจจุบันยังคงระบบกงสีเอาไว้ โดยมีแบรนด์รถยนต์ในมืออย่าง “ออดี้และเกีย” ทำตลาดอยู่ ขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งซึ่งแยกตัวออกมาคือ “วิทิต ลีนุตพงษ์” ที่หอบเอาแบรนด์ “โฟล์คสวาเกน” และสิทธิ์ในการเป็นดีลเลอร์ บีเอ็มดับเบิลยู ภายใต้ชื่อ “บาร์เซโลนา” มอเตอร์ออกมาด้วย
ล่าสุด มีความเคลื่อนไหวจากทางฝากกลุ่มของ “วิทิต ลีนุตพงษ์” ซึ่งได้มีการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ทั้งหมด โดยได้แยกการกิจการแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักให้พี่น้องแต่ละคนไปดำเนินธุรกิจเป็นของตัวเอง การแบ่งครั้งนี้นอกจากธุรกิจหลักยังรวมไปถึงการแบ่งที่ดินและคาดว่ารวมถึงมรดกทั้งหมดที่เคยแยกตัวออกมาตั้งแต่ครั้งแรกด้วย
การแบ่งในครั้งนี้ ทาง “บรมกช ลีนุตพงษ์” ได้กรรมสิทธิ์ในตึกทั้งหมดที่รองเมือง ซึ่งปัจจุบันเป็นโชว์รูมของโฟล์คสวาเกน โดยกำหนดให้โฟล์คสวาเกนย้ายออกภายในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้แล้ว
ซึ่งล่าสุดได้มีการปลดป้ายเรียบร้อยแล้ว ส่วนในแง่ของความคล่องตัวในการทำตลาด จะมีมากขึ้นเพียงใด เป็นเรื่องที่น่าติดตาม
ส่วน “วิโรจน์ ลีนุตพงษ์” ได้สิทธิ์ในการดูแล “บาร์เซโลนา มอเตอร์” ดีลเลอร์ บีเอ็มดับเบิลยู โดยทาง โฟล์คสวาเกนที่ แบ่งครึ่งอยู่ด้วยนั้นจะต้องย้ายออกภายในสิ้นเดือนนี้เช่นกัน นั่นหมายความว่า โชว์รูมโฟล์คสวาเกนตรงวิภาวดีจะหายไป
สำหรับ ที่ดินผืนสำคัญขนาด 7 ไร่ ตรงบริเวณถนนวิภาวดีที่เคยเป็นโชว์รูมของโฟล์คสวาเกน และปัจจุบันเป็นโชว์รูมของ บาเซโลน่า มอเตอร์ นั้น เป็นเพียงผืนเดียวที่ยังมิได้แบ่งกัน โดยยังคงถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันอยู่
สำหรับ “วิทิต ลีนุตพงษ์” หัวเรือใหญ่ในการแยกตัวครั้งแรกนั้น จะได้ถือสิทธิ์ “โฟล์คสวาเกน” ผ่านทางบริษัท ไทยยานยนต์ โดยถือหุ้น 85% (บรมกช ลีนุตพงษ์ ถือ 15%) และได้ ตึกที่บริเวณถนนพระราม 9 มาดูแล โดยตัดสินใจย้ายสำนักงานใหญ่ของ โฟล์คสวาเกนมาไว้ที่ตึกตรงถนนพระราม 9 แห่งนี้แทนที่โชว์รูมเดิม
ขณะที่ ที่ดินของโรงงานประกอบรถยนต์ของยนตรกิจที่ถนนร่มเกล้า(เฉพาะส่วนของกลุ่มวิทิต) ซึ่งมีอยู่ 3 ล็อก ได้มีการแบ่งด้วยเช่นกันโดย ล็อกแรกตัวโรงงานประกอบรถยนต์ เป็นของ วิทิต , ล็อกที่สอง โกดังเก็บรถยนต์ (ปัจจุบันให้เช่าเก็บรถของบริษัท ยันม่าร์) เป็นของ บรมกช และ ล็อกที่สาม โชว์รูมมาสด้าและสนามแข่ง เป็นของ วิโรจน์
หัวใจสำคัญของการแบ่งธุรกิจในครั้งนี้คือ การที่ต่างคนจะสามารถดำเนินธุรกิจภายใต้การบริหารงานของตัวเองได้อย่างอิสระ ส่วนแบรนด์ที่น่าจับตามองนั่นก็คือ “โฟล์คสวาเกน” ซึ่ง วิทิต แยกตัวออกมาพร้อมกับบริษัท ไทยยานยนต์ และได้ตัวโรงงานประกอบรถยนต์เป็นฐานที่มั่น รองรับและส่งเสริมกันอย่างลงตัว เหมือนกับเตรียมการรอ การเข้ามาของบริษัทแม่ “โฟล์คสวาเกน เอจี” ที่จ่อคิวอยู่หลายครั้งหลายครากับการจะเข้ามาทำตลาดในเมืองไทย แต่สุดท้ายก็ยังคงนิ่ง
อย่างไรก็ตามในแง่ของลูกค้า ระหว่างนี้ย่อมจะต้องเกิดผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในช่วงของการปรับโครงสร้างองค์กรดังกล่าว ซึ่งทางผู้บริหารยืนยันว่า การให้บริการหลังการขายจะยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องไม่มีขาดตอนและคาดว่าการเปลี่ยนโครงสร้างทั้งหมดจะแล้วเสร็จได้ภายในสิ้นปีนี้