ปอร์เช่ เปิดตัว คาเยนน์ (Cayenne) รถเอสยูวีระดับหรูหราโฉมใหม่ ซึ่งโมเดลนี้นับเป็นเจเนอเรชั่นที่ 3 ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นในทุกองค์ประกอบ โดย 2 เจนเนอเรชันที่ผ่านมามียอดจำหน่ายรวมมากกว่า 760,000 คัน นับตั้งแต่การเปิดตัวรุ่นแรกเมื่อปี 2002
“สิ่งที่เราทำคือการพัฒนาอันสมบูรณ์แบบสำหรับยนตกรรมชั้นเยี่ยมของเรา มันได้รับการปรับปรุงขึ้นอย่างเด่นชัดในทุกๆส่วนประกอบ คาเยนน์ ใหม่ ได้ก้าวเข้าสู่ความล้ำยุคแห่งโลกดิจิตอลและเครือข่ายแห่งอนาคตเต็มตัว ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงหลักปรัชญาในการออกแบบเพื่อวันพรุ่งนี้อย่างแท้จริง” คำแถลงของ Oliver Blume ประธานกรรมการบริหารของ Porsche AG
ปอร์เช่ คาเยนน์ มากับทางเลือก 2 รุ่นย่อย คาเยนน์ (Cayenne) รุ่นมาตรฐาน บรรจุเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ 3.0 ลิตร เทอร์โบ พละกำลังสูงสุด 340 แรงม้า เพิ่มขึ้นถึง 40 แรงม้า เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ด้านระบบส่งกำลังจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะ 8 จังหวะ Tiptronic S
ขณะที่อีกหนึ่งทางเลือกใน คาเยนน์ เอส (Cayenne S) เครื่องยนต์ V6 ไบเทอร์โบ ขนาดความจุ 2.9 ลิตร พละกำลังสูงสุด 440 แรงม้า (เพิ่มขึ้น 20 แรงม้า) ความเร็วสูงสุด 265 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีอัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลาต่ำกว่า 5 วินาที
ระบบตัวถังใหม่ของคาเยนน์ ติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานเพิ่มเติมมากมาย โดดเด่นด้วยนวัตกรรมการควบคุมพร้อมแสดงผลบนหน้าจอสัมผัสความละเอียดสูง Porsche Advanced Cockpit ให้ประสิทธิภาพในการบังคับควบคุมสไตล์สปอร์ต โดยคงไว้ซึ่งความนุ่มนวลสะดวกสบายขณะเดินทาง
คาเยนน์ ใหม่ ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยอาศัยบรรทัดฐานจากอัตลักษณ์ของรถสปอร์ตในตำนาน ปอร์เช่ 911นับเป็นครั้งแรก สำหรับการติดตั้งยางต่างขนาดและระบบช่วยเลี้ยวล้อหลังหรือ rear-axle steering ลงในรถยนต์ SUV ที่มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ active all-wheel drive
นอกจากนี้ยังพร้อมรองรับทุกรูปแบบการขับขี่ด้วยระบบ Porsche 4D Chassis Control ระบบช่วงล่างถุงลมเทคโนโลยี three-chamber air suspension ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว Porsche Dynamic Chassis Control (PDCC) ระบบ electronic roll stabilisation และนวัตกรรมระบบเบรกที่ได้รับการพัฒนาขึ้นล่าสุด Porsche Surface Coated Brake (PSCB)
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ คาเยนน์ ใหม่ จะได้รับการเพิ่มเติมอุปกรณ์มาตรฐานมากขึ้น แต่กลับสามารถลดน้ำหนักลงได้ถึง 65 กิโลกรัม เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้า และเหนืออื่นใด คาเยนน์ ยังคงรักษาสมรรถนะในการบุกตะลุยเส้นทาง off-road เอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบเช่นเดิม
“สิ่งที่เราทำคือการพัฒนาอันสมบูรณ์แบบสำหรับยนตกรรมชั้นเยี่ยมของเรา มันได้รับการปรับปรุงขึ้นอย่างเด่นชัดในทุกๆส่วนประกอบ คาเยนน์ ใหม่ ได้ก้าวเข้าสู่ความล้ำยุคแห่งโลกดิจิตอลและเครือข่ายแห่งอนาคตเต็มตัว ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงหลักปรัชญาในการออกแบบเพื่อวันพรุ่งนี้อย่างแท้จริง” คำแถลงของ Oliver Blume ประธานกรรมการบริหารของ Porsche AG
ปอร์เช่ คาเยนน์ มากับทางเลือก 2 รุ่นย่อย คาเยนน์ (Cayenne) รุ่นมาตรฐาน บรรจุเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ 3.0 ลิตร เทอร์โบ พละกำลังสูงสุด 340 แรงม้า เพิ่มขึ้นถึง 40 แรงม้า เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ด้านระบบส่งกำลังจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะ 8 จังหวะ Tiptronic S
ขณะที่อีกหนึ่งทางเลือกใน คาเยนน์ เอส (Cayenne S) เครื่องยนต์ V6 ไบเทอร์โบ ขนาดความจุ 2.9 ลิตร พละกำลังสูงสุด 440 แรงม้า (เพิ่มขึ้น 20 แรงม้า) ความเร็วสูงสุด 265 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีอัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลาต่ำกว่า 5 วินาที
ระบบตัวถังใหม่ของคาเยนน์ ติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานเพิ่มเติมมากมาย โดดเด่นด้วยนวัตกรรมการควบคุมพร้อมแสดงผลบนหน้าจอสัมผัสความละเอียดสูง Porsche Advanced Cockpit ให้ประสิทธิภาพในการบังคับควบคุมสไตล์สปอร์ต โดยคงไว้ซึ่งความนุ่มนวลสะดวกสบายขณะเดินทาง
คาเยนน์ ใหม่ ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยอาศัยบรรทัดฐานจากอัตลักษณ์ของรถสปอร์ตในตำนาน ปอร์เช่ 911นับเป็นครั้งแรก สำหรับการติดตั้งยางต่างขนาดและระบบช่วยเลี้ยวล้อหลังหรือ rear-axle steering ลงในรถยนต์ SUV ที่มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ active all-wheel drive
นอกจากนี้ยังพร้อมรองรับทุกรูปแบบการขับขี่ด้วยระบบ Porsche 4D Chassis Control ระบบช่วงล่างถุงลมเทคโนโลยี three-chamber air suspension ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว Porsche Dynamic Chassis Control (PDCC) ระบบ electronic roll stabilisation และนวัตกรรมระบบเบรกที่ได้รับการพัฒนาขึ้นล่าสุด Porsche Surface Coated Brake (PSCB)
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ คาเยนน์ ใหม่ จะได้รับการเพิ่มเติมอุปกรณ์มาตรฐานมากขึ้น แต่กลับสามารถลดน้ำหนักลงได้ถึง 65 กิโลกรัม เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้า และเหนืออื่นใด คาเยนน์ ยังคงรักษาสมรรถนะในการบุกตะลุยเส้นทาง off-road เอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบเช่นเดิม