เอ.พี.ฮอนด้า เจ้าพ่อรถจักรยานยนต์เมืองไทย ประกาศปรับเป้าการขายเพิ่ม รับตลาดรวม 7 เดือน โต 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว คาดถึงสิ้นปีปิดยอด 1.85 ล้านคัน ขณะที่กลุ่มบิ๊กไบค์ยังแรงไม่ตก บวกอีก 20% คุยเร่งแก้ปัญหาส่งมอบรถเร็วขึ้น สุดมั่นยึดส่วนแบ่ง 43% ครองเบอร์หนึ่งเช่นเดิม
นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดรถจักรยานยนต์ปีนี้กลับมาฟื้นตัวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากปัจจัยบวกทางการเมืองในประเทศมั่นคง ราคาพืชผลปรับตัวสูงขึ้น ภาคการท่องเที่ยวมีการเติบโตต่อเนื่อง รวมถึงตัวเลขจีดีพีมีแนวโน้มทั้งปีอยู่ที่ 3.5% เป็นเหตุให้ยอดขาย 7 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.ค.2560) จึงทำได้ 1,084,995คัน เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยในจำนวนนี้เป็นของฮอนด้า 850,955 คัน คิดเป็นส่วนแบ่ง 78% ครองตำแหน่งผู้นำตลาดเป็นปีที่ 29 ติดต่อกัน
อย่างไรก็ตาม บริษัทเคยคาดการณ์ตั้งแต่ต้นปีว่าตลาดรวมปีนี้น่าจะปิดที่ 1.75 ล้านคัน แต่ล่าสุดได้ปรับเพิ่มเป็น 1.85 ล้านคัน เช่นเดียวกับเป้าหมายการขาย เดิมตั้งไว้ 1.38 ล้านคัน เพิ่มใหม่เป็น 1.46 ล้านคัน
“นอกจากปัจจัยทางเศรษฐกิจที่กลับมาฟื้นตัว ทางฮอนด้าก็ได้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา รวมทั้งสิ้น 8 รุ่น แบ่งเป็นผลิตภัณฑ์รถรุ่นใหม่ 3 รุ่น ได้แก่ Rebel 300 ที่ถือเป็นนิวโมเดลของฮอนด้า และผลิตภัณฑ์ใหม่อีกสองรุ่นที่ได้มีการปรับปรุงเพิ่มเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามา นั่นคือ New MSX 125SF ABS และ All New Scoopy i นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ใหม่อีก 5 รุ่นก็ได้มีการปรับโฉมเพื่อให้เข้ากับความต้องการของผู้บริโภค ได้แก่ New Wave 110i, New MOOVE, New MSX125SF, CBR150R และล่าสุด New Zoomer-X”
ในส่วนของรถบิ๊กไบค์ ที่บริษัทนิยามว่าต้องเป็นรถที่มีขนาดเครื่องยนต์ 400 ซีซีขึ้นไป 7 เดือนแรก มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 17,098 คัน เพิ่มขึ้น 20% แบ่งเป็นฮอนด้าบิ๊กไบค์อยู่ที่ 7,234 คัน มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 42%
“ต้นปีที่ผ่านมาฮอนด้าได้มีการประกาศตัวเลขคาดการณ์ของกลุ่มบิ๊กไบค์จะอยู่ที่ประมาณ 27,000 คัน เป็นฮอนด้าอยู่ที่ 10,500 คัน แต่ด้วยสภาพเศรษฐกิจที่กลับมาฟื้นตัวและกระแสความนิยมของรถบิ๊กไบค์ที่มีอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับฮอนด้าเองได้มีการแก้ไขปัญหาการส่งมอบรถให้ได้ทันตามความต้องการของผู้บริโภค บริษัทฯ จึงได้มีการปรับตัวเลขคาดการณ์อยู่ที่ 11,600 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 43% และเป็นเบอร์หนึ่งในกลุ่มนี้เช่นเดิม”
ขณะเดียวกันภายในปีนี้ ฮอนด้าจะส่งรถใหม่ทำตลาดอีก 3 รุ่น ได้แก่ กลุ่มรถครอบครัว รถพรีเมียมเอ.ที. และกลุ่มสปอร์ตตระกูล 150 ซีซี ซึ่งรุ่นหลังสุดมีกำหนดเปิดตัวในวันที่ 4 กันยายน นี้ พร้อมเปิดรับจองล่วงหน้า ราคาจำหน่ายโดยประมาณ 99,800 บาท
ทั้งนี้ กลุ่มของรถจักรยานยนต์เมืองไทย ปัจจุบันแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.รถครอบครัวที่ครองสัดส่วนในตลาดรวมประมาณ 48% 2.รถแบบเอ.ที. ประมาณ 35% โดยในกลุ่มนี้มีสัดส่วนลดลง เพราะส่วนหนึ่งลูกค้าหันไปเล่นรถในกลุ่มที่สามมากขึ้น นั่นคือ 3.รถสปอร์ตและรถบิ๊กไบค์ ที่ได้รับความนิยมต่อเนื่องตลอดช่วง 5-6 ปีหลัง จนเพิ่มสัดส่วนในตลาดได้ถึง 17% (ปี 2011 รถสปอร์ตมีส่วนแบ่งอยู่ที่ 2%)
นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดรถจักรยานยนต์ปีนี้กลับมาฟื้นตัวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากปัจจัยบวกทางการเมืองในประเทศมั่นคง ราคาพืชผลปรับตัวสูงขึ้น ภาคการท่องเที่ยวมีการเติบโตต่อเนื่อง รวมถึงตัวเลขจีดีพีมีแนวโน้มทั้งปีอยู่ที่ 3.5% เป็นเหตุให้ยอดขาย 7 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.ค.2560) จึงทำได้ 1,084,995คัน เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยในจำนวนนี้เป็นของฮอนด้า 850,955 คัน คิดเป็นส่วนแบ่ง 78% ครองตำแหน่งผู้นำตลาดเป็นปีที่ 29 ติดต่อกัน
อย่างไรก็ตาม บริษัทเคยคาดการณ์ตั้งแต่ต้นปีว่าตลาดรวมปีนี้น่าจะปิดที่ 1.75 ล้านคัน แต่ล่าสุดได้ปรับเพิ่มเป็น 1.85 ล้านคัน เช่นเดียวกับเป้าหมายการขาย เดิมตั้งไว้ 1.38 ล้านคัน เพิ่มใหม่เป็น 1.46 ล้านคัน
“นอกจากปัจจัยทางเศรษฐกิจที่กลับมาฟื้นตัว ทางฮอนด้าก็ได้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา รวมทั้งสิ้น 8 รุ่น แบ่งเป็นผลิตภัณฑ์รถรุ่นใหม่ 3 รุ่น ได้แก่ Rebel 300 ที่ถือเป็นนิวโมเดลของฮอนด้า และผลิตภัณฑ์ใหม่อีกสองรุ่นที่ได้มีการปรับปรุงเพิ่มเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามา นั่นคือ New MSX 125SF ABS และ All New Scoopy i นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ใหม่อีก 5 รุ่นก็ได้มีการปรับโฉมเพื่อให้เข้ากับความต้องการของผู้บริโภค ได้แก่ New Wave 110i, New MOOVE, New MSX125SF, CBR150R และล่าสุด New Zoomer-X”
ในส่วนของรถบิ๊กไบค์ ที่บริษัทนิยามว่าต้องเป็นรถที่มีขนาดเครื่องยนต์ 400 ซีซีขึ้นไป 7 เดือนแรก มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 17,098 คัน เพิ่มขึ้น 20% แบ่งเป็นฮอนด้าบิ๊กไบค์อยู่ที่ 7,234 คัน มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 42%
“ต้นปีที่ผ่านมาฮอนด้าได้มีการประกาศตัวเลขคาดการณ์ของกลุ่มบิ๊กไบค์จะอยู่ที่ประมาณ 27,000 คัน เป็นฮอนด้าอยู่ที่ 10,500 คัน แต่ด้วยสภาพเศรษฐกิจที่กลับมาฟื้นตัวและกระแสความนิยมของรถบิ๊กไบค์ที่มีอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับฮอนด้าเองได้มีการแก้ไขปัญหาการส่งมอบรถให้ได้ทันตามความต้องการของผู้บริโภค บริษัทฯ จึงได้มีการปรับตัวเลขคาดการณ์อยู่ที่ 11,600 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 43% และเป็นเบอร์หนึ่งในกลุ่มนี้เช่นเดิม”
ขณะเดียวกันภายในปีนี้ ฮอนด้าจะส่งรถใหม่ทำตลาดอีก 3 รุ่น ได้แก่ กลุ่มรถครอบครัว รถพรีเมียมเอ.ที. และกลุ่มสปอร์ตตระกูล 150 ซีซี ซึ่งรุ่นหลังสุดมีกำหนดเปิดตัวในวันที่ 4 กันยายน นี้ พร้อมเปิดรับจองล่วงหน้า ราคาจำหน่ายโดยประมาณ 99,800 บาท
ทั้งนี้ กลุ่มของรถจักรยานยนต์เมืองไทย ปัจจุบันแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.รถครอบครัวที่ครองสัดส่วนในตลาดรวมประมาณ 48% 2.รถแบบเอ.ที. ประมาณ 35% โดยในกลุ่มนี้มีสัดส่วนลดลง เพราะส่วนหนึ่งลูกค้าหันไปเล่นรถในกลุ่มที่สามมากขึ้น นั่นคือ 3.รถสปอร์ตและรถบิ๊กไบค์ ที่ได้รับความนิยมต่อเนื่องตลอดช่วง 5-6 ปีหลัง จนเพิ่มสัดส่วนในตลาดได้ถึง 17% (ปี 2011 รถสปอร์ตมีส่วนแบ่งอยู่ที่ 2%)