สัมภาษณ์เปิดใจ “อภิชาติ ลีนุตพงษ์” ทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูล ลีนุตพงษ์ ผู้ซึ่งแยกตัวออกมาจากเครือ “ยนตรกิจ” อันเป็นตำนานแห่งวงการยานยนต์ของเมืองไทย ที่แม้ว่าวันนี้หลายแบรนด์ได้หลุดมือไปจากการบริหารงานของยนตรกิจแล้ว รวมถึงการที่แต่ละคนแยกตัวทำตลาดด้วยตัวเองของทายาทรุ่นที่ 2
ซึ่ง “อภิชาติ” คนนี้คือผู้ปลุกปั้นแบรนด์รถจักรยานยนต์ “ดูคาติ” ให้ดังเปรี้ยงปร้างในเมืองไทยสำเร็จ จนถึงทุกวันนี้ มาดูกันว่า ก้าวต่อไปของเขาจะเป็นอย่างไร MGR Motoring ไปหาคำตอบมาให้
-จุดเริ่มต้นของการทำ ดูคาติ?
ผมเริ่มจากความชอบส่วนตัวก่อน โดยเริ่มในปี 2003 หรือ พ.ศ. 2546 ผมนำเข้า “ดูคาติ” มาทำเองในนามส่วนตัว แต่ในช่วงแรกนั้น ผมก็ยังมีหน้าที่รับผิดชอบในส่วนของการบริหารเครือยนตรกิจด้วย จึงมีภาพที่ทับซ้อนกันอยู่ แต่หลังจากปี 2009 เป็นต้นมา ผมได้แยกตัวออกมาทำ ดูคาติ เองอย่างชัดเจน โดยไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจการขายรถของยนตรกิจอีก
ในช่วงแรก ดูคาติ ทุกคันมีราคาค่อนข้างสูงมาก เนื่องจากเป็นรถที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ จนกระทั่ง ดูคาติ ได้เข้ามาตั้งโรงงานประกอบรถในประเทศไทย ทำให้เราสามารถทำราคาต่ำลงมาได้ ซึ่งการเข้ามาลงทุนตั้งโรงงานของดูคาติเป็นการลงทุนของอิตาลีเอง เราเป็นตัวแทนจำหน่ายเท่านั้น
-กระแสตอบรับเป็นอย่างไรบ้าง?
ปัจจุบันยอดขายของดูคาติ เป็นที่น่าพอใจมาก เรามีรถขายเกือบครบทุกรุ่น ยอดขายรวมทั้งหมดปีละประมาณพันกว่าล้านบาท ซึ่งความสำเร็จดังกล่าว ทำให้ขยายไปทำแบรนด์อื่นด้วย โดยภรรยาผมได้สิทธิ์ในการทำตลาดรถจักรยานยนต์ “รอยัล เอนฟิลด์” นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยอีกด้วย ซึ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้นและยอดขายเป็นไปตามเป้าหมายที่วางเอาไว้
-สนใจทำแบรนด์อื่นเพิ่ม?
เร็วๆ นี้ เราจะเปิดตัวแบรนด์ใหม่อีกหนึ่งยี่ห้อ ใบ้ให้ว่าเป็นรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ภายใต้ชื่อ smart electric บอกได้คร่าวๆ ว่าเป็นรถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในยุโรป และได้รับรางวัล Reddot ซึ่งมีจุดเด่นมากมาย เช่น เสียบซิมการ์ดได้ เป็นต้น และจดทะเบียนในเมืองไทยได้แน่นอน แต่รายละเอียดอื่นๆ ของเก็บไว้เป็นความลับ
-บุกตลาดรถไฟฟ้า?
ต้องเล่าอย่างนี้ก่อน เริ่มจากคุณพ่อ (บรมกช ลีนุตพงษ์) ท่านชอบรถไฟฟ้ามาก โดยมีทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ รวมแล้วกว่า 10 คัน รวมถึงการทำแบรนด์รถมอเตอร์ไซค์ ซีโร่ ด้วยเช่นกัน
ทั้งหมดเกิดจากความชอบล้วนๆ แต่คุณพ่อเองท่านทำในส่วนของเครือยนตรกิจ ซึ่งจะต่างจากผมที่แยกมาทำส่วนตัว ทั้งนี้เป็นเรื่องของธุรกิจของตระกูล ซึ่งทางคุณพ่อมีสายสัมพันธ์กันระหว่างพี่น้องที่ผมไม่เข้าไปเกี่ยวเนื่องด้วย ดังนั้น เพื่อความอิสระ ผมจึงแยกตัวออกมาทำเองตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา แต่ก็เป็นความบังเอิญที่เราหาที่ตั้งโชว์รูมได้ใกล้กันกับโชว์รูมของยนตรกิจ
-แผนในอนาคต?
เดิมผมไม่คิดอยากจะขยายกิจการ อยากจะทำแค่ดูคาติเพียงแบรนด์เดียว แต่ด้วยจังหวะและโอกาสประกอบกับเงื่อนไขทางด้านธุรกิจ รวมถึงการดูแลพนักงานให้เขามีรายได้ที่มั่นคง และเติบโตไปพร้อมกับเราได้ จึงได้ทำแบรนด์อื่นๆ เพิ่ม พร้อมกับการตั้งบริษัทฯ ใหม่เพื่อเข้ามาดูแลทุกแบรนด์ในเครือของเราในชื่อ Sharich Holding ซึ่งในอนาคต เราคงทำอย่างอื่นเพิ่มเติมแน่นอน ส่วนจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า หรือไม่ ขอให้อดใจรอดูต่อไป.
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ MGR Motoring
ซึ่ง “อภิชาติ” คนนี้คือผู้ปลุกปั้นแบรนด์รถจักรยานยนต์ “ดูคาติ” ให้ดังเปรี้ยงปร้างในเมืองไทยสำเร็จ จนถึงทุกวันนี้ มาดูกันว่า ก้าวต่อไปของเขาจะเป็นอย่างไร MGR Motoring ไปหาคำตอบมาให้
-จุดเริ่มต้นของการทำ ดูคาติ?
ผมเริ่มจากความชอบส่วนตัวก่อน โดยเริ่มในปี 2003 หรือ พ.ศ. 2546 ผมนำเข้า “ดูคาติ” มาทำเองในนามส่วนตัว แต่ในช่วงแรกนั้น ผมก็ยังมีหน้าที่รับผิดชอบในส่วนของการบริหารเครือยนตรกิจด้วย จึงมีภาพที่ทับซ้อนกันอยู่ แต่หลังจากปี 2009 เป็นต้นมา ผมได้แยกตัวออกมาทำ ดูคาติ เองอย่างชัดเจน โดยไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจการขายรถของยนตรกิจอีก
ในช่วงแรก ดูคาติ ทุกคันมีราคาค่อนข้างสูงมาก เนื่องจากเป็นรถที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ จนกระทั่ง ดูคาติ ได้เข้ามาตั้งโรงงานประกอบรถในประเทศไทย ทำให้เราสามารถทำราคาต่ำลงมาได้ ซึ่งการเข้ามาลงทุนตั้งโรงงานของดูคาติเป็นการลงทุนของอิตาลีเอง เราเป็นตัวแทนจำหน่ายเท่านั้น
-กระแสตอบรับเป็นอย่างไรบ้าง?
ปัจจุบันยอดขายของดูคาติ เป็นที่น่าพอใจมาก เรามีรถขายเกือบครบทุกรุ่น ยอดขายรวมทั้งหมดปีละประมาณพันกว่าล้านบาท ซึ่งความสำเร็จดังกล่าว ทำให้ขยายไปทำแบรนด์อื่นด้วย โดยภรรยาผมได้สิทธิ์ในการทำตลาดรถจักรยานยนต์ “รอยัล เอนฟิลด์” นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยอีกด้วย ซึ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้นและยอดขายเป็นไปตามเป้าหมายที่วางเอาไว้
-สนใจทำแบรนด์อื่นเพิ่ม?
เร็วๆ นี้ เราจะเปิดตัวแบรนด์ใหม่อีกหนึ่งยี่ห้อ ใบ้ให้ว่าเป็นรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ภายใต้ชื่อ smart electric บอกได้คร่าวๆ ว่าเป็นรถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในยุโรป และได้รับรางวัล Reddot ซึ่งมีจุดเด่นมากมาย เช่น เสียบซิมการ์ดได้ เป็นต้น และจดทะเบียนในเมืองไทยได้แน่นอน แต่รายละเอียดอื่นๆ ของเก็บไว้เป็นความลับ
-บุกตลาดรถไฟฟ้า?
ต้องเล่าอย่างนี้ก่อน เริ่มจากคุณพ่อ (บรมกช ลีนุตพงษ์) ท่านชอบรถไฟฟ้ามาก โดยมีทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ รวมแล้วกว่า 10 คัน รวมถึงการทำแบรนด์รถมอเตอร์ไซค์ ซีโร่ ด้วยเช่นกัน
ทั้งหมดเกิดจากความชอบล้วนๆ แต่คุณพ่อเองท่านทำในส่วนของเครือยนตรกิจ ซึ่งจะต่างจากผมที่แยกมาทำส่วนตัว ทั้งนี้เป็นเรื่องของธุรกิจของตระกูล ซึ่งทางคุณพ่อมีสายสัมพันธ์กันระหว่างพี่น้องที่ผมไม่เข้าไปเกี่ยวเนื่องด้วย ดังนั้น เพื่อความอิสระ ผมจึงแยกตัวออกมาทำเองตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา แต่ก็เป็นความบังเอิญที่เราหาที่ตั้งโชว์รูมได้ใกล้กันกับโชว์รูมของยนตรกิจ
-แผนในอนาคต?
เดิมผมไม่คิดอยากจะขยายกิจการ อยากจะทำแค่ดูคาติเพียงแบรนด์เดียว แต่ด้วยจังหวะและโอกาสประกอบกับเงื่อนไขทางด้านธุรกิจ รวมถึงการดูแลพนักงานให้เขามีรายได้ที่มั่นคง และเติบโตไปพร้อมกับเราได้ จึงได้ทำแบรนด์อื่นๆ เพิ่ม พร้อมกับการตั้งบริษัทฯ ใหม่เพื่อเข้ามาดูแลทุกแบรนด์ในเครือของเราในชื่อ Sharich Holding ซึ่งในอนาคต เราคงทำอย่างอื่นเพิ่มเติมแน่นอน ส่วนจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า หรือไม่ ขอให้อดใจรอดูต่อไป.
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ MGR Motoring