สำหรับสาวกของ “มินิ” เชื่อว่าทุกคนรู้จักชื่อของ “จอห์น คูเปอร์ เวิร์ค” (John Cooper Work) เป็นอย่างดีชนิดที่ไม่ต้องบรรยายให้ซ้ำซาก แต่บุคคลอื่นทั่วไปขื่อนี้อาจจะไม่คุ้นเคยนัก (อ่านรายระเอียดเพิ่มในล้อมกรอบ) แต่ขอให้จำไว้ว่า นี่คือชื่อของการการันตีความแรง และความสวยงาม ที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการจาก มินิ โดยมีการบรรจุรุ่น John Cooper Work หรือ JCW เป็นหนึ่งในไลน์การขายของมินิแต่ละรุ่นด้วยนั่นเอง
เมื่อทาง บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ในฐานะผู้ดูแลแบรนด์ มินิ เชิญ MGR มอเตอริ่ง เข้าร่วมทดลองขับ มินิ ตัวเวอร์ชั่นแรงอย่าง JCW บนสนามแข่ง F1 เซปัง เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย เราจึงตอบรับแบบไม่ลังเล แม้จะยังไม่รู้เลยว่าจะได้ขับรุ่นใดบ้างก็ตาม เพราะแค่ได้ยินคำว่า JCW เราก็ไม่ขอพลาดด้วยประการทั้งปวง
JCW ชื่อนี้ แรง สวยและมีเสน่ห์
เมื่อมาถึงสนามแข่ง เซปัง เซอร์กิต ทางมินิ มาเลเซียได้ทำการเปิดตัว 2 รุ่นพร้อมกันนั่นก็คือ มินิ JCW คลับแมนและคันทรีแมน พร้อมกับการให้ทดลองขับ แต่ก่อนจะไปถึงส่วนของการลองขับมาทำความรู้จักเจ้า พระเอก 2 คันนี้ของเรากันก่อนสักหน่อยดีกว่า
ภายนอกเปลี่ยนกันชนหน้า พร้อมป้าย JCW ที่รังผึ้ง, ไฟเลี้ยวด้านข้างJCW , กันชนท้าย, ที่หุ้มกระจกมองข้าง และล้อแม็ก ส่วนภายในเบาะนั่งหนังแท้และแถบบันไดข้างพร้อมสัญลักษณ์ JCW รวมถึงช่วงล่างและเบรกที่เปลี่ยนใหม่ให้สอดรับกับเครื่องยนต์ที่ได้รับการปรับแต่งให้มีพละกำลังเพิ่มขึ้นเป็น 231 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร (รุ่นปกติ 192 แรงม้า แรงบิด 280 นิวตันเมตร) ซึ่งทั้ง 2 รุ่นมีกำลังเท่ากัน
จะว่าไปแล้วรถ มินิ ที่ขายใน มาเลเซีย สเปคแทบจะไม่แตกต่างกับเมืองไทย แน่นอนว่าอาจจะต่างกันที่รายระเอียดปีกย่อยแต่เรื่องของสเปคเครื่องยนต์นั้นน่าจะเหมือนกันอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งเมืองไทย “มินิ JCW คลับแมน” มีจำหน่ายแล้ว ขณะที่ มินิ JCW คันทรีแมน อยู่ระหว่างการทำโฮโมโลเกชัน คาดว่าจะเปิดตัวได้ในเร็วๆ นี้ ดังนั้นแฟนคลับในเมืองไทย ถือเอาสเปคนี้แล้วเก็บเงินรอได้เลย
การแต่งรถมินิให้เป็นเวอร์ชั่น JCW แบบครบถ้วนนั้น แนะนำว่าซื้อรถแท้จากโรงงานคุ้มค่ากว่าแน่นอน เพราะนอกจากชิ้นส่วนภายนอก การตกแต่งภายในแล้ว ยังมีเรื่องของการปรับแต่งเครื่องยนต์ และช่วงล่างให้มีความสมดุลกับตัวรถและพละกำลังที่เพิ่มมากขึ้นด้วย ซื้งถ้าไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญแล้วอาจจะได้รถที่ไม่สมบูรณ์ แต่ถ้าคุณต้องการแค่ความสวยงามภายนอก ซื้อรุ่นปกติแล้วไปแต่งเองก็ย่อมทำได้ ไม่มีปัญหา
กดสุดแทรค 180 กม./ชม.
แล้วก็มาถึงช่วงเวลาที่เรารอคอย จนท. เรียกให้เราจับคู่แล้วเลือกรถขึ้นนั่งตามใจชอบ โดยจะมีการเปลี่ยนรถและเปลี่ยนคนขับ 3 ครั้ง แปลว่า เราและคู่จะได้ขับสลับนั่ง 4 คัน เวียนตามเลขที่เขาจัดเตรียมไว้ให้ ซึ่งคันแรกเราเลือก มิน JCW คลับแมน โดยผมเป็นผู้ขับก่อน (ชมคลิป)
รอบแรกคือการขับดูไลน์ หลังจากนั้นก็กดกันเต็มที่ ได้ลองอยู่ 3 รอบ นิยามแบบสั้นๆ เข้าใจง่ายว่า “ขับสนุกมาก” เร่งติดเท้าดีโดยแท้ๆ ให้ความรู้สึกเกาะถนน และจิกทุกโค้ง ไม่กังวลว่าจะหลุด ความเร็วสูงสุดที่ทำได้คือ 170 กม./ชม. ในช่วงทางตรงยาว เรียกว่า 3 รอบที่ขับนั้น ยังไม่หายมันส์ก็ต้องเปลี่ยนคันแล้ว
คันต่อมาเป็นคิวเราเป็นผู้นั่ง และคู่ของเราเป็นคนขับ ได้ขับเจ้า มินิ JCW คันทรีแมน อารมณ์ไม่แตกต่างจากการขับเจ้า คลับแมนเลย สนุกพอๆ กัน แถมคู่ของเราเป็นขาโหดประจำซอย กดดันคันหน้าแบบหายใจรดต้นคอเลยทีเดียว ช่วงทางตรงยาวอัดได้เกือบถึง 180 กม./ชม. เช่นกัน การเข้าโค้งการทรงตัวเกาะถนนยอดเยี่ยม
ครบรอบเปลี่ยนมาเป็นเราขับอีกครั้ง คราวนี้แจคพอตแตกได้ มินิ JCW แฮทต์(รุ่น3ประตูนั่นเอง) ความบันเทิงบังเกิดทันที เพราะนี่คือ ต้นตำรับโกคาร์ทฟีลลิ่ง และเมื่อได้ลองจริง ไม่ทำให้เราผิดหวัง คือ รถแบบนี้ ต้องได้มาวิ่งในสนามอย่างนี้ ให้รับรู้ถึงสมรรถภาพของรถที่ เกาะทุกโค้ง ใส่ได้เต็มๆ ประหนึ่งเป็นรถแข่ง เสียงเครื่องคำราม เสียงยางเอี๊ยดอ๊าด อดีนาลีนของผู้ขับหลั่งไหล แบบมั่นใจไม่ต้องกังวล นี่แหละคือสิ่งที่เรายอมจ่ายเพิ่ม ทั้งหมดก็ เพื่อสิ่งนี้มิใช่หรือ
รอบสุดท้ายกับการเป็นผู้นั่งใน มินิ JCW รุ่น 5 ประตู บอกตรงๆ ความรู้สึกของการขับแทบไม่ต่างจากรุ่น แฮทต์ ความเร็วสูงสุดทำได้ถึง 180 กม./ชม. ในช่วงทางตรง และในบางรอบกดเร่งแซงคันหน้าแบบฉีกกระจุย ตามสไตล์ขาโหด มั่นใจได้ทุกโค้ง ด้วยตัวรถที่เซตมาอย่างดี
ปิดท้ายทริปนี้ด้วยการให้เราไปลองขับรุ่นปกติ ที่ไม่ใช่ JCW ในสถานี สลาลมและสถานีจำลอง การเบรกให้รถจอดในที่แคบด้วยเบรกมือ หรือภาษาอังกฤษที่เรียกว่า Brake in the box (ดูคลิปประกอบ) จะเข้าใจได้ง่ายกว่า
เหมาะกับใคร
ลำพังแค่ชื่อของ “มินิ” ก็บ่งบอกความเป็นตัวตนที่ชอบอะไรไม่เหมือนใครอยู่แล้ว ยิ่งถ้าได้เพิ่มอักษร “JCW” ต่อท้ายตามมาด้วยอีก นั่นหมายความว่า คุณคือ ขีดสุด ของนิยามภายใต้คำนามว่า “มินิ”
รู้จักกับ John Cooper
John Newton Cooper เป็นชาวอังกฤษ เกิดเมื่อ 17 กรกฎาคม 1923 เริ่มต้นจากการที่พ่อของเขาเปิดอู่ซ่อมรถและแต่งรถแข่ง ซึ่งจอห์นซึมซับมาตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งต้องออกจากโรงเรียนเมื่ออายุ 15 ปี เพื่อไปเป็นช่างเครื่องในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
หลังจากสงครามโลกสงบลง เขาเดินตามรอยพ่อต่อ ด้วยการเปิดบริษัท คูเปอร์ คาร์ เพื่อทำรถยนต์ขึ้นมา โดยเอาเครื่องยนต์ใส่ไว้ที่ด้านหลังตัวรถและนำไปแข่งขัน (เนื่องจากเป็นเครื่องยนต์ของมอเตอร์ไซค์) และได้กลายเป็นตำนานของการขับรถแข่งในยุคทศวรรษ 50 เมื่อรถของเขาและทีมชนะในการแข่งกรังด์ปรีถึง 16 ครั้ง
จอห์น เสียชีวิตในปี 2000 ซึ่งเป็นปีที่บริษัท John Cooper Works ถูกก่อตั้งขึ้น โดย ไมเคิล คูเปอร์ ลูกชายของเขา ซึ่งได้มีการตกลงให้ มินิ นำชื่อ Cooper ไปใช้สำหรับรถยนต์ตัวแรงของมินิ ก่อนที่ต่อมา มินิ จะซื้อกิจการทั้งหมดของ JCW เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในของแบรนด์ มินิ เพื่อสร้างรถรุ่นพิเศษที่มีทั้งความแรงและสมรรถนะที่เพิ่มขึ้น
