เรื่องราวของ “รถไฟฟ้า” ยังคงเป็นกระแสที่ผู้คนในสังคมยังให้การติดตามอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าภาครัฐเองจะตีฆ้องร้องป่าวว่าสนับสนุนอย่างเต็มที่ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีนโยบายหรือตัวเลขการสนับสนุนที่เป็นรูปธรรมออกมานอกเหนือจากที่ BOI ได้แถลงเอาไว้ให้ สำหรับผู้ที่จะลงทุน
อย่างไรก็ตามทุกธุรกิจย่อมมีผู้กล้า เมื่อ “H SEM Motor” ประกาศเดินหน้าตั้งโรงงานผลิตรถไฟฟ้าในประเทศไทย เป็นกลุ่มบริษัทของไทย รายแรกๆ ที่ดำเนินการตั้งโรงงานเพื่อดำเนินธุรกิจด้านนี้ MGR มอเตอริ่ง มีโอกาสสัมภาษณ์ “วันชัย ลี้นะวัฒนา” ประธานบริหาร บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด ถึงที่มาที่ไปและทิศทางในอนาคต
-เอช เซม มอเตอร์ เป็นมาอย่างไร
เอช เซม มอเตอร์ เกิดขึ้นมาจากกลุ่ม “ฮั้วเฮงหลี” ซึ่งก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปีพ.ศ. 2521 ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องยนต์ รถยนต์ และรถจักรยานยนต์ ทั้งนี้หลังจากที่ศึกษาตลาดเรื่องรถไฟฟ้ามากว่า 5 ปี เราจึงเข้ามาทำตลาดเกี่ยวกับรถกอล์ฟไฟฟ้าและรถสามล้อบรรทุกขนาดเล็ก ภายใต้แบรนด์ H SEM ซึ่งเป็นแบรนด์ของคนไทยที่เราก่อตั้งขึ้นมา เพื่อรองรับการเกิดขึ้นของรถไฟฟ้าในอนาคต
-ผลิตภัณฑ์ของเอช เซม
บริษัทฯ แบ่งการทำตลาดออกเป็น 2 ส่วนคือ ในส่วนของรถไฟฟ้า จะใช้ชื่อ Siam sev โดยเป็นรถที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เป็นหลัก มีทั้งรถกอล์ฟ รถจักรยานยนต์ รถสามล้อ ที่สามารถบรรทุกสินค้าได้ สนนราคาตั้งแต่ 30,000 บาท ถึง 900,000 กว่าบาท ตามแต่ที่ลูกค้าต้องการ
ขณะที่อีกส่วนคือ รถที่เป็นเครื่องยนต์ใช้น้ำมัน จะทำตลาดในชื่อของ Siam stc ซึ่งจะมีรถสามล้อ รถบรรทุกขนาดเล็ก และรถฟู้ดทรัค สนนราคาตั้งแต่ 50,000 บาท ถึง 150,000 บาท โดยมีจุดเด่นตรงที่ รถฟู้ดทรัคของเรามีต้นทุนเริ่มดำเนินกิจการที่ต่ำกว่า การเลือกใช้รถกระบะนำมาดัดแปลงเป็นรถฟู้ดทรัค
ยอดขายของเราในปี 2559 มีประมาณ 600 คัน แต่ยอดขายในปีนี้ 6 เดือนแรกที่ผ่านมา เรามียอดขายเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1,700 กว่าคันแล้ว ทำให้เราตัดสินใจสร้างโรงงานเพื่อประกอบรถในประเทศไทย โดยลงทุนล็อตแรกที่ 300 ล้านบาท หลังจากที่มียอดขายเพิ่มขึ้นทำให้เราลงทุนเพิ่มอีก 100 ล้านบาทปรับขยายไลน์การผลิตใหม่โดยแยกส่วนของรถกอล์ฟไฟฟ้าออกมาผลิตต่างหาก กำลังการผลิตรวมประมาณ 16,000 คัน
-จุดเด่นของ เอช เซม
รถรุ่นที่ขายดีที่สุดของเราคือ ฟู้ดทรัค สามารถทำยอดขายให้เราได้มากกว่าครึ่งของยอดขายทั้งหมด รถของเราทำให้ต้นทุนในการเริ่มกิจการต่ำกว่าคู่แข่ง ส่วนรถไฟฟ้าของเราสามารถใช้แบตเตอรี่ของ 3K ได้ทำให้ต้นทุนในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ของรถกอล์ฟของเราจะถูกกว่าแบรนด์อื่นๆ และเรามีการบริการหลังการขายที่เข้าถึงลูกค้า โดยเรามีการให้บริการซ่อมแซมและดูแลถึงบ้าน โดยที่ลูกค้าไม่ต้องเดินทางมาหาเรา
-กลยุทธ์ในการทำตลาด
เน้นที่การบริการหลังการขาย โดยดูแลลูกค้าถึงบ้าน ปัจจุบันเรามีรถโมบายเซอร์วิสอยู่ถึง 10 คัน ที่พร้อมให้บริการ และจะเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนการขาย เพื่อรองรับการขยายตัวของการบริการให้คลอบคลุมและสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้ลูกค้า รวมถึงการสต็อกอะไหล่ที่มีมูลค่าถึง 5 ล้านบาท มีอะไหล่ครบทุกชิ้นส่วนของทุกคัน รวมแล้วต้องรองรับอะไหล่ได้นานถึง 10 ปีต่อรุ่น
-เป้าหมายในอนาคต
กลุ่มลูกค้าหลักของเราคือ กลุ่มผู้ประกอบการ ปีนี้ตั้งเป้าการขายไว้ที่ 3,000 คัน แบ่งเป็นรถที่ใช้เครื่องยนต์ 2,000 คัน(STC) สามล้อไฟฟ้า 600 คัน และรถกอล์ฟไฟฟ้า(SEV) 400 คัน เฉพาะที่ตลาดไท ก็มีรถของเรากว่า ร้อยคันแล้ว และมีดีลเลอร์อยู่ในตลาดไทอีกด้วย
สำหรับรถไฟฟ้า อาจจะต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ ให้ความรู้แก่ผู้บริโภคก่อน ซึ่งภาครัฐต้องเป็นผู้นำ และเราก็จะทำควบคู่ไปด้วยการโรดโชว์ตามพื้นที่ต่างๆ เชื่อว่ารัฐบาลมองการณ์ไกลในการออกนโยบายต่างๆ เราจึงมีการเตรียมการสร้างโรงงานเพื่อรองรับ และมีการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศสำหรับการประกอบรถไฟฟ้าของเราแล้ว
ผมมั่นใจว่า ภายใน 3-5 ปี รถไฟฟ้าจะมาแน่ จะเป็นแบบ 2 ล้อ 3 ล้อ หรือ 4 ล้อก็ได้ เพราะ มันดี ประหยัด ราคาถูกและสะอาด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตามคนส่วนใหญ่ต้องเข้าใจเรื่องของแบตเตอรี่และมอเตอร์ก่อนว่าไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ให้มีการทดสอบการใช้งาน ยกตัวอย่าง ลูกค้ากลุ่มรถกอล์ฟ ตามหมู่บ้าน,โรงแรม. รีสอร์ตหรือสนามกอล์ฟ จะมีความเข้าใจที่ดีมากอยู่แล้ว เพราะใช้รถไฟฟ้ามานาน เขาจึงกล้าใช้แบบไม่กังวลใจ
แม้ปัจจุบันรถไฟฟ้า เอช เซม จะยังไม่ใช่รถไฟฟ้าในแบบที่ทุกคนอยากเห็นในทุกวันนี้ แต่อนาคต เมื่อเทคโนโลยีก้าวไปถึง และผู้บริโภคพร้อม เชื่อขนมกินได้ว่า รถไฟฟ้า แจ้งเกิดได้อย่างแน่นอน