ข่าวต่างประเทศ - ตัวถังที่ 2 ของ Jaguar XF เจนเนอเรชั่นใหม่ เปิดตัวออกมาแล้ว และก็เป็นไปตามคาดไม่มีอะไรพลิก โดยทาง Jaguar เลือกส่งรุ่นแวกอนมาดสปอร์ต หรือ Sportbrake บนตัวถังแวกอนของ XF ใหม่ออกสู่ตลาดเพื่อรองรับกับลูกค้าที่ชื่นชอบทั้งความสปอร์ต ความหรู และความอเนกประสงค์
สำหรับผลผลิตใหม่นี้เป็นการเพิ่มตัวถังนับจาก Jaguar เปิดตัวรุ่น XF ใหม่ในรหัส X260 ออกสู่ตลาดเมื่อปี 2016 เพื่อแข่งขันกับ BMW 5-Series, Audi A6 แลฃะ Mercedes-Benz E-Class และก็แน่นอนว่าในรุ่นแวกอน หรือ Sportbrake มาพร้อมกับการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงรายละเอียดส่วนท้ายของตัวถัง โดยที่ยังใช้พื้นฐานทางวิศวกรรมและรายละเอียดของตัวถังช่วงด้านหน้าร่วมกับรุ่นซีดาน
ในแง่ของสมรรถนะในการขับเคลื่อน งานนี้ได้สัมผัสกับความเร้าใจที่ได้สมดุล เพราะทางทีมวิศวกรของ Jaguar มีการออกแบบตัวรถให้มีอัตราส่วนในการกระจายน้ำหนักด้านหน้าและหลังที่สมดุลในระดับ 50-50 พร้อมกับมีระบบขับเคลื่อนให้เลือกทั้งแบบล้อหลัง และ 4 ล้อ เช่นเดียวกับระบบควบคุมการขับเคลื่อนหรือ IDD-Intelligent Driveline Dynamics ซึ่งจะช่วยลดอาการหน้าดื้อโค้ง และทำให้การบังคับควบคุมรถมีประสิทธิภาพและฉับไวมากขึ้น
สำหรับตัวถังด้านท้ายมีการออกแบบใหม่ซึ่ง Ian Cullum หัวหน้าทีมออกแบบของ Jaguar บอกว่า มีการสร้างสรรค์เพื่อเพิ่มความสวยและความสปอร์ตเข้าด้วยกัน โดยมีการนำแนวทางของไฟท้ายแบบ LED ทรงสวยที่ใช้อยู่กับ F-Type มาเป็นตัวตั้งต้นในการออกแบบ เช่นเดียวกับแนวของกระจกบังลมหลังที่ดูสวยนและลงตัว รับกับสปอยเลอร์หลัง
เครื่องยนต์ที่วางขายในช่วงแรกไม่แตกต่างจากตัวถัง 4 ประตู โดยมีทั้งดีเซลซึ่งมีให้เลือก 4 ระดับความเร้าใจจากเครื่องยนต์ 4 สูบ และวี6 ซึ่งแบบแรกเป็นบล็อก 2,000 ซีซีมีกำลัง 163 ตามด้วย 180 แรงม้า และ 240 แรงม้า ส่วนแบบหลังมีความจุ 3,000 ซีซี 300 แรงม้า ขณะที่รุ่นเบนซินมีแบบเดียว คือ 2,000 ซีซีที่มีกำลัง 250 แรงม้าจากขุมพลังแบบ 4 สูบเทอร์โบ รวมถึงในตลาดสหรัฐอเมริกาจะมีเครื่องยนต์วี6 3,000 ซีซีที่มีกำลัง 380 แรงม้าเป็นทางเลือกหลักในรุ่นเบนซิน โดยที่ตัวแรงที่ใช้เครื่องยนต์แบบมีระบบอัดอากาศและรีดกำลังออกมาได้ 550 แรงม้ายังไม่มีการเปิดเผยว่าจะมาเมื่อไร
ในตอนนี้ที่ยุโรปเริ่มรับออร์เดอร์แล้ว โดยราคาเริ่มต้นในอังกฤษอยู่ที่ 34,910 ปอนด์ หรือ 1.7 ล้านบาท ใครที่สนใจก็ลองเลียบๆ เคียงๆ ถามตัวแทนจำหน่ายดูว่าบ้านเราจะเข้ามาเมือไร
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ MGR Motoring
สำหรับผลผลิตใหม่นี้เป็นการเพิ่มตัวถังนับจาก Jaguar เปิดตัวรุ่น XF ใหม่ในรหัส X260 ออกสู่ตลาดเมื่อปี 2016 เพื่อแข่งขันกับ BMW 5-Series, Audi A6 แลฃะ Mercedes-Benz E-Class และก็แน่นอนว่าในรุ่นแวกอน หรือ Sportbrake มาพร้อมกับการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงรายละเอียดส่วนท้ายของตัวถัง โดยที่ยังใช้พื้นฐานทางวิศวกรรมและรายละเอียดของตัวถังช่วงด้านหน้าร่วมกับรุ่นซีดาน
ในแง่ของสมรรถนะในการขับเคลื่อน งานนี้ได้สัมผัสกับความเร้าใจที่ได้สมดุล เพราะทางทีมวิศวกรของ Jaguar มีการออกแบบตัวรถให้มีอัตราส่วนในการกระจายน้ำหนักด้านหน้าและหลังที่สมดุลในระดับ 50-50 พร้อมกับมีระบบขับเคลื่อนให้เลือกทั้งแบบล้อหลัง และ 4 ล้อ เช่นเดียวกับระบบควบคุมการขับเคลื่อนหรือ IDD-Intelligent Driveline Dynamics ซึ่งจะช่วยลดอาการหน้าดื้อโค้ง และทำให้การบังคับควบคุมรถมีประสิทธิภาพและฉับไวมากขึ้น
สำหรับตัวถังด้านท้ายมีการออกแบบใหม่ซึ่ง Ian Cullum หัวหน้าทีมออกแบบของ Jaguar บอกว่า มีการสร้างสรรค์เพื่อเพิ่มความสวยและความสปอร์ตเข้าด้วยกัน โดยมีการนำแนวทางของไฟท้ายแบบ LED ทรงสวยที่ใช้อยู่กับ F-Type มาเป็นตัวตั้งต้นในการออกแบบ เช่นเดียวกับแนวของกระจกบังลมหลังที่ดูสวยนและลงตัว รับกับสปอยเลอร์หลัง
เครื่องยนต์ที่วางขายในช่วงแรกไม่แตกต่างจากตัวถัง 4 ประตู โดยมีทั้งดีเซลซึ่งมีให้เลือก 4 ระดับความเร้าใจจากเครื่องยนต์ 4 สูบ และวี6 ซึ่งแบบแรกเป็นบล็อก 2,000 ซีซีมีกำลัง 163 ตามด้วย 180 แรงม้า และ 240 แรงม้า ส่วนแบบหลังมีความจุ 3,000 ซีซี 300 แรงม้า ขณะที่รุ่นเบนซินมีแบบเดียว คือ 2,000 ซีซีที่มีกำลัง 250 แรงม้าจากขุมพลังแบบ 4 สูบเทอร์โบ รวมถึงในตลาดสหรัฐอเมริกาจะมีเครื่องยนต์วี6 3,000 ซีซีที่มีกำลัง 380 แรงม้าเป็นทางเลือกหลักในรุ่นเบนซิน โดยที่ตัวแรงที่ใช้เครื่องยนต์แบบมีระบบอัดอากาศและรีดกำลังออกมาได้ 550 แรงม้ายังไม่มีการเปิดเผยว่าจะมาเมื่อไร
ในตอนนี้ที่ยุโรปเริ่มรับออร์เดอร์แล้ว โดยราคาเริ่มต้นในอังกฤษอยู่ที่ 34,910 ปอนด์ หรือ 1.7 ล้านบาท ใครที่สนใจก็ลองเลียบๆ เคียงๆ ถามตัวแทนจำหน่ายดูว่าบ้านเราจะเข้ามาเมือไร
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ MGR Motoring
