“เห็นครั้งแรกผมประทับใจมาก เพราะมันเหมือนรถแข่งของผมทุกอย่าง ทั้งท่านั่งการขับขี่และการตอบสนองของตัวรถ มันคล้ายคลึงหรือแทบจะเรียกว่าใกล้เคียงรถแข่งโมโตจีพีมากๆ ยิ่งในจังหวะพับรถเข้าโค้ง ความรู้สึกเหมือนกันเลย”
ประโยคบอกเล่าของยอดนักบิดแห่งยุค “มาร์ก มาร์เกวซ” นักแข่งรถจักรยานยนต์ทางเรียบ สังกัดเรปโซล ฮอนด้า เจ้าของแชมป์เวิล์ดกรังด์ปรีซ์ 5 สมัย หลังได้ลองสัมผัส RC213V-S ที่สุดของซูเปอร์ไบค์ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีมาจากตัวแข่งโมโตจีพี
สำหรับรถของแชมป์โลกในเวอร์ชันที่ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อวางจำหน่ายและโลดแล่นอยู่บนท้องถนน เคยมาปรากฏโฉมครั้งแรกในบ้านเราเมื่อสองปีก่อน ที่งานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2015 โดยครั้งนั้นเป็นการจัดแสดงในเมืองไทยเป็นประเทศที่ 3 ต่อจากอิตาลีและญี่ปุ่น
หลังจากนั้นทิ้งช่วงไปประมาณหนึ่งปี สองล้อค่ายปีกนกได้ยึดเวทีใหญ่งานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2016 เพื่อประกาศข่าวการส่งมอบ ฮอนด้า RC213V-S มูลค่าคันละ 8.7 ล้านบาท ให้กับลูกค้าคนพิเศษเป็นจำนวนทั้งสิ้น 8 คัน
ทั้งนี้ สุดยอดตัวแรงในสายพานการผลิตที่ว่ากันว่ามีสมรรถนะและค่าตัวแพงที่สุดในโลก ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 213 คันทั่วโลก นำเข้ามาในบ้านเราเพียง 10 คัน และมีเจ้าของไปแล้ว 8 คัน ส่วนอีก 2 คัน ที่เหลือแบรนด์ดังจากแดนปลาดิบตั้งใจเก็บไว้เองเพื่อให้ทีมช่างได้ศึกษาข้อมูลสำหรับรองรับการเซอร์วิสให้กับผู้ครอบครองในเมืองไทย
...สรุปง่ายๆ ถึงแม้ตอนนี้หากใครอยากได้ ถึงมีเงินก็ซื้อไม่ได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดที่เล่ามาเพื่อปูทางถึงกิจกรรมพิเศษล่าสุด ซึ่งทางเอ.พี.ฮอนด้า ได้จัดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ภายใต้ชื่องานว่า “Honda BigBike VIP track day, The Ultimate Riding Xperience” เป็นการชวนลูกค้าระดับวีไอพี เซเล็บบริตี้ชื่อดัง พร้อมสื่อมวลชนสายยานยนต์ร่วมสัมผัส RC213V-S ซูเปอร์ไบค์แฮนด์เมดหนึ่งเดียวของโลกกันที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์
โดยที่ “MGR มอเตอร์ริ่ง” มีโอกาสได้รับเชิญให้เป็นหนึ่งในผู้ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย
“กิจกรรมวีไอพีสุดเอ็กซ์คลูซีฟในครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อให้ผู้เป็นเจ้าของ RC213V-S มีโอกาสนำรถคู่ใจมาโลดแล่นอยู่ในสนาม ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต สนามแข่งระดับโลกหนึ่งเดียวของไทย ซึ่งจะเป็นสนามที่จัดรายการแข่งขันโมโตจีพีในอนาคตอันใกล้ และเพื่อความสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น เจ้าของ RC213V-S ทุกท่านจะได้รับการดูแลโดยนักแข่งและทีมช่างมืออาชีพจากทีม เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” โยอิจิ มิซึทานิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด กล่าวและว่า
“ผมเชื่อว่าการจัดงานครั้งนี้ จะส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ในรูปแบบมอเตอร์สปอร์ตได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งถ่ายทอดผ่านรถ RC213V-S สุดยอดซูเปอร์ไบค์สายพันธุ์รถแข่งขนานแท้ นอกจากนี้ยังมีรถในตระกูล CBR ซีรีส์ ที่จำหน่ายในฮอนด้า บิ๊กวิง มาให้ทดสอบขับขี่ เพื่อให้ทุกท่านสัมผัสถึงความสุดยอดในสมรรถนะรถสายพันธุ์สปอร์ตของฮอนด้า ที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากรถโมโตจีพีด้วยเช่นกัน”
ก่อนที่จะลงสนาม ทางทีมแข่งขวัญใจคนไทย นำทัพโดย “ฟิล์ม-รัฐภาคย์ วิไลโรจน์” อดีตนักบิดเวิล์ดกรังด์ปรีซ์ รุ่นโมโต2 ในฐานะผู้ช่วยโค้ชรายการแข่งขันเอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมป์เปี้ยนชิพ และเฮดโค้ชรายการ ซูซูก้า 4 ชั่วโมง ในปีนี้ ได้เข้ามาร่วมให้คำแนะนำวิธีการขับขี่ พร้อมย้ำถึงรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับกฏ กติกา และมารยาทของการใช้สนามแข่งขัน
เมื่อทุกอย่างพร้อมจึงได้เวลาเปิดประสบการณ์สุดพิเศษกับตัวแข่งของแชมป์โลก 5 สมัย ในคราบรถถนนที่ผลิตและวางจำหน่ายจริงเพียง 213 คัน
เริ่มกันที่ตำแหน่งท่านั่งให้ความรู้สึกผ่อนคลาย และมีความสบายมากๆ ผิดกับที่คิดไว้อย่างสิ้นเชิง ส่วนระบบเบรกและช่วงล่างก็สามารถตอบสนองการลดความเร็ว รองรับแรงเหวี่ยงและแรงบิดในโค้งได้อย่างน่าทึ่ง
หากอธิบายให้ชัด ขณะอยู่ในโค้งเหมือนเห็นรถวิ่งเป็นภาพสโลโมชัน ตัวรถไม่มีอาการใดๆ ให้ผู้ขับขี่ต้องกังวลเลย เพราะในใจมัวแต่พะวงกับตัวเลข 8.7 ล้านบาท กันหมดแล้ว (อันหลังนี้ล้อเล่น แต่ทุกคนที่ลงสนามบอกคิดเหมือนกัน)
ขณะที่ขุมพลังเครื่องยนต์ คันที่เราสัมผัสเป็นโฉมที่ติดตั้งชุดเรซคิทเรียบร้อยแล้ว และมีน้ำหนักรวมเพียง 160 กิโลกรัม แต่มีพละกำลังมากถึง 250 แรงม้า แน่นอนว่าอัตราเร่งจัดจ้านถึงใจ ในช่วงทางตรงยาวสุดของสนามช้างฯ ก่อนถึงโค้งสาม ใช้แค่เกียร์ 5 ก็สามารถทะยานทำความเร็วได้ทะลุ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาแห่งความสุขมักไม่ยืนยาว เช่นกันสำหรับการสัมผัส RC213V-S หลังวิ่งครบจำนวน 3 รอบสนามถ้วน แม้จะสั้นไปหน่อย แต่ทุกคนที่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า นับเป็นอีกประสบการณ์การขับขี่ที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งของชีวิต
ที่สำคัญแม้มีเงินก็ซื้อไม่ได้.
***ขอขอบคุณ Alpinestars Thailand สำหรับอุปกรณ์ Riding Gear (www.1goal1visionth.com โทร. 02-000-7885-6)***
ฟิล์ม-รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ อดีตนักบิดเวิล์ดกรังด์ปรีซ์ รุ่นโมโต2
“เทียบกับรถสปอร์ตที่มีวางจำหน่ายทั่วไป จากที่ผมเคยผ่านประสบการณ์ทั้งในพิกัดขนาด 600 ซีซี. และ 1,000 ซีซี. ผมว่า RC213V-S ให้ความรู้สึกที่ต่างออกไปอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการสั่งงานที่รวดเร็วฉับไว ในสนามแค่คิดอยากจะเลี้ยวก็เลี้ยวได้เลย ส่วนอัตราเร่งหรือกำลังเครื่องยนต์ให้การตอบสนองที่ใกล้เคียงกับรถแข่งระดับโมโตจีพีเลยทีเดียว โดยรวมแล้วคันนี้เป็นรถที่ควบคุมได้ดังใจ และสามารถพาเราไปในทิศทางที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ”