จะสุกแล้วจ้า อีกไม่นานคงกินได้ ร่างกายนี่แหละไม่ใช่หมูใช่ไก่แต่อย่างใด ความร้อนตอนนี้ ใกล้จะ 100 องศาแล้วมั้ง? ร้อนสุดๆ ร้อนโตคตรๆ ร้อน ... ร้อนกายพอว่า ร้อนใจคิดถึงแต่หน้าหนาวนี่สิ สุดจะทน
ในใจก็คิดหาที่เที่ยวใกล้ๆ กรุงเทพ ที่มีความเย็นให้สัมผัส มีหมอกยิ่งดี มีน้ำให้เล่นด้วยจะดีมาก555 (โจทย์เริ่มยาก) ในมือก็เลื่อนเฟสบุ๊คไปเรื่อยๆ "ร้อนๆ แบบนี้ มาเที่ยวเพชรบุรีกับเพ่มั้ยน้อง" หนึ่งโพสของเพื่อนในเฟสบุ๊ค ต้องกราบโพสนี้ที่ทำให้นึกขึ้นได้ ว่าเพชรบุรี มีดีที่พะเนินทุ่ง จุดชมทะเลหมอกหน้าร้อน รู้แบบนี้แล้ว ไม่รอแล้วจ้า เตรียมรถ เตรียมคน เตรียมลุยเลย อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี มีดีจริงอย่างที่ใครเค้าบอกมั้ย ตามมาดูกัน ^^
#Nissan #Navarablackedition #แก่งกระจาน #โป่งลึก #เพชรบุรี #วิถีตากล้อง #พากล้องเที่ยว
ช่วงนี้มีผีเสื้อสวยๆ ออกมาบินให้นักท่องเที่ยวได้ชมกันอีกด้วย ทะเลหมอกก็มี น้ำก็เย็น มีให้เล่นได้ทั้งวัน ครบตามโจทย์เป๊ะ ไปลุยกัน
เพชรบุรี เป็นจังหวัดที่ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก ใช้เวลาการเดินทาง 2 ชั่วโมงก็ถึง และทริปนี้รวบรวมสมาชิกได้ทั้งหมด 2 คนถ้วน 55 เราขับรถมาเองเหมือนเดิมตามสไตส์ เพิ่มเติมคือเป็นกระบะคันใหม่ไฉไลกว่าเดิม ขับง่าย นั่งสบาย แถมเจ้าคันนี้ยังมีฟังก์ชั่น Cruise Control ทำให้การขับรถในทริปสบายขึ้นไปอีก
Cruise Control คือระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ เพียงแค่เอามือกดปุ่มที่พวงมาลัย และเรายังสามรถเร่งได้ในขณะที่เราล็อคไว้ คือถ้าเราล็อคไว้ที่ 60 กม/ชม. เราสามารถเหยียบคันเร่งให้ความเร็วขึ้นไปที่ 90ได้ ถ้าเราปล่อยคันเร่ง ความเร็วก็จะค่อยๆลดระดับมาที่ 60 เท่าเดิม ก็คือระบบจะไม่ยกเลิกจนกว่าเราจะเหยียบเบรกนั่นเอง ไม่แค่นั้น ในขณะที่เราล็อคความเริ่มไว้ เราสามารถเพิ่มหรือรถความเร็วได้ที่พวงมาลัยเลย ซึ่งสะดวกสบายมากๆ เหมาะสำหรับขับรถระยะทางไกลๆ จะได้ไม่เมื่อย
เมื่อเดินทางมาถึงก็เสียค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานกันก่อนเลย สบายตัว 2 คน 1 คัน ค่าเสียหาย 290 บาท จ่ายเรียบร้อยก็เดินทางต่อได้เลย อีกประมาณ 30 โลจากจุดแรก ใช้เวลาไม่กี่นาทีเราก็มาถึง แค้มป์บ้านกร่าง จุดชมผีเสื้อหลากหลายชนิด บินกันวุ่นวายหลายร้อยตัว
สำหรับการขึ้นเขาพะเนินทุ่ง จะแบ่งให้รถขึ้นลงวันละ 2 รอบเพื่อความปลอดภัย เนื่องจากเป็นทางขึ้นเขาค่อนข้างแคบสูงชันเป็นบางช่วง สำหรับรถที่จะขึ้นได้ต้องเป็นรถกระบะสูงเท่านั้น ใครเอาเก๋งไปขึ้นไม่ได้นะครับ ไปได้ถึงจุดแค้มป์บ้านกร่างเท่านั้น แต่ถ้าใครต้องการขึ้นจะมีรถเช่าอยู่ สามารถติดต่อที่ทำการอุทยานได้เลย
ระหว่างทางเป็นถนนลูกรัง วิบากพอสมควร ดีที่พาเจ้าตัวแกร่ง "Nissan Navara Black Edition" มาลุย ถ้าเอาเก๋งมาคงได้จอดอยู่ด้านล่างเป็นแน่ ไหนๆ ลองถ่ายตัวแดงกับผีเสื้อบ้างซิ บอกเลยตัวแดงของเราหล่อมาก ดูเท่ห์ ด้วยชุดแต่งรอบคัน ยิ่งมาพร้อมสติกเกอร์แท้จากโรงงาน หล่อมากขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย
วิวข้างทางสวยมาก เห็นผีเสื้อตัวเล็กนั่นมั้ย มันบินตามมา ขับขึ้นเขาลงเขา ใครไม่ชอบออโต้ ปรับเป็นแมนนวล ดึงขึ้นดึงลงสลับเกียร์เอง มันส์ไปอีก ใครที่ชอบเส้นทางลุยๆ แต่ไม่ถึงกับหนักมาก แนะนำที่นี่เลย มีทั้งป่าเขา โค้งทางลาดทางชัน ธารน้ำ ให้ได้ลุยกันมันส์แน่นอน
ขับลุยป่า ข้ามเขามาราวๆ 1 ชั่วโมง เราก็มาถึงจุดกางเต็นท์ที่เขาพะเนินทุ่ง พอไปถึงเราก็รีบไปกางเต็นท์ที่ศาลาหลบภัย เพราะดูเหตุการณ์ไม่ค่อยดี เหมือนฝนจะลงเม็ด
และแล้วฝนก็ตก อย่างคาดการณ์ไว้ไม่มีผิด ฝนตกมาพร้อมหมอกขาวนวลลอยเข้ามาถึงในเต็นท์
หลังฝนหยุดตกเราก็เดินไปชมหมอกที่จุดชมวิว ดีงามไปอีก มีหมอกมาให้เราได้สดชื่น ฟ้าหลังฝนมักสวยงามเสมอ เป็นดั่งที่เค้าบอกไว้จริงๆ ตะวันค่อยๆ ลับดับไปกับแนวเขาที่สลับซับซ้อน ถึงเวลาที่เราจะเดินกลับที่พักของเราในค่ำคืนนี้
ก่อนเข้านอนคืนนี้เราฝากท้องไว้กับอาหารง่ายๆ ของร้านค้าของอุทยาน เพื่อที่จะได้หลับสบาย ไม่ต้องไปนอนท้องร้องตอนดึก
สำหรับคืนนี้ หมอกยังคงพัดผ่าน ให้ความเย็นกับนักท่องเที่ยวที่มากางเต็นท์นอนกันที่นี่คืนนี้ สำหรับวันแรก หมดไปฝันดีราตรีสวัสดิ์
เมื่อคืนฝนลงเม็ดปรอยๆ เราตื่นมาตอนเช้าไม่มีฝนแล้ว ในใจคิดแค่ว่า อลังการแน่ๆ ทะเลหมอกเช้านี้ หลังจากตื่นกันแต่เช้า ล้างหน้าแปลงฟัน เราก็รีบขับรถไปชมทะเลหมอกอีกหนึ่งจุด ซึ่งอยู่ห่างจากที่เรากางเต็นท์ไปประมาณ 6 กิโล เมื่อไปถึง
ยังไม่ทันลงจากรถ เสียงข้างๆก็ดังขึ้นมา เห้ยมึงงง ขอรูปนึง โคตรสวยเลยว่ะ จัดไป 1 รูป สำหรับค่าขับรถในเช้านี้
ลงมาเสยบั้นท้ายงามๆ ของนิสสัน นาวาร่า กับแสงเช้างามๆ กันก่อนเลย
มองออกไปจากจุดชมวิว จะเห็นเทือกเขาสลับซับซ้อน ถูกโอบอุ้มไปด้วยปุยหมอกขาวๆ แลดูโคตรสบายตา
ได้เวลาใช้ขาตั้งกล้องสักที อยากจะบอกว่ากระบะกว้างขวาง แต่ข้างในก็กว้างเพียงพอกับสัมภาระของพวกเราสองคน ใส่กันมาได้สบาย แทบไม่ได้พึ่งกระบะหลังเลย
หลังจากขาตั้งกล้องได้ทำงาน พวกเราก็มีภาพคู่ เที่ยวกันมา1 วัน แทบจะไม่มีภาพคู่ ภาพกรูก็เช่นกัน
กลับมาที่จุดชมวิวพะเนินทุ่ง บริเวณจุดกางเต็นท์ของเรา ก็ยังมีหมอกให้ชมกันอยู่นะครับ แต่หมอกเริ่มฟุ้งกระจาย ค่อยๆจางหายไปกับแสงแดดแล้ว
ระหว่างเดินไปเก็บเต็นท์ เหลือบไปเห็นเจ้านกเงือกตัวนี้ ซึ่งอยู่ใกล้และตัวของมันใหญ่มาก มันบินขยับไปเรื่อยๆ ตอนแรกไอ้เราก็นึกว่ามันจะหนีคนที่ตามถ่ายรูป สุดท้ายมันไปคาบลูกนกไปแดกจ้าาา
ไม่แค่นั้น เดินๆไป ได้ยินเสียงจากบนต้นไม้ ก็มองไปเห็นค่างกำลังมาหาอาหารกิน วันนี้จะเดินไปถึงที่กินข้าวมั้ย มัวแต่แวะถ่ายรูป
พอมาถึงมันมันสั่งอาหาร แล้วกินไม่เรียกเลย สงสัยหิวจนหน้ามืด หลังจากกินอาหารเสร็จก็ถึงเวลาที่เราจะเตรียมตัวเดินทางกลับกันแล้ว
ระหว่างทางเป็นถนนไม่ค่อยดี ขับกันระมัดระวังนะครับ เพราะเป็นทางขึ้นเขาลงเขาตลอด ตัดสินใจไม่ผิดจริงๆที่เอากระบะมา
มีผ่านธารน้ำไม่เล็กไม่ใหญ่ บริเวณนี้จะมีผีเสื้อจำนวนมาก ไอ้เราเห็นพี่เค้าลุยได้ หันไปบอกเพื่อนว่าเราก็ลุยได้เว้ย มึงลุยเดี๋ยวกูลงไปถ่ายรูป หลังจากนั้ยมันก็ลุยเต็มที่แบบที่คันหน้าเค้าลุยกันไป ไม่รู้ผีเสื้อตายไปกี่ตัว
เมื่อลงมาจากเขาพะเนินทุ่ง เราก็แวะร้านกาแฟซึ่งตั้งอยู่ตรงแยกที่จะมุ่งหน้าไปที่ทำการอุทยาน นั่งกินกาแฟหมดไปคนละแก้ว แล้วยังไม่อยากลุกไปไหน ร้านร่มเย็น ต้นไม้เยอะ อยากนั่งนานๆ เลยต้องสั่งข้าวมากินต่อ 555 จริงๆคือหิว เลยอยากจะจัดการร่างกายให้พร้อม เพื่อเดินทางไปเป้าหมายต่อไปของพวกเรา ที่นั่นก็คือ "โป่งลึก"
กินข้าวกันเรียบร้อยเราต้องกลับไปเสียค่าธรรมเนียมเพื่อเข้าโป่งลึก ซึ่งไปเสียที่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน บอกเจ้าหน้าที่ว่าจะไปค้างแรมโป่งลึก
ด้วยความที่รถสมรรถนะดี เข้าโค้งราบรื่น ให้ความรู้สึกปลอดภัย พลขับของเราเลยจัดเต็มที่ มือพันกันเป็นเถาวัลเลย สงสัยกลัวจะไปเล่นน้ำไม่ทัน เส้นทางไม่ต่างจากทางขึ้นพะเนินทุ่งเท่าไร มีลุยป่า ลุยน้ำ ลุยโคลนบ้าง แต่รถเก๋งไปไม่ได้แน่นอน ต้องเป็นรถกระบะนะครับ
วิวข้างทางก็สวยไม่แพ้ที่อื่นเลย ทำให้ใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง มัวแต่จอดถ่ายรูป
ถึงแล้ว ป้ายยินดีต้อนรับสู่ โป่งลึก
เฮ้ย ... ที่เพชรบุรีมีที่แบบนี้จริงๆเหรอ ทำไมเราไม่เคยรู้มาก่อนเลย น้ำโคตรใส มีเด็กๆมาเล่นน้ำกันสนุกสนาน เห็นแล้วอยากเล่น แต่ขอไปให้ถึงที่พักของเราก่อน
ขับรถตรงมาจนสุดทาง เป็นอันว่าถึงแล้ว เพราะสุดทางที่นี่ พอเรามาถึงจะมีเจ้าหน้าที่มาจดชื่อ ลงทะเบียนว่าเราผ่านจากป้อมด้านล่างแล้วมาถึงข้างบนแล้วไม่ได้หายไประหว่างทาง 5555 บริเวณที่กางเต็นท์มีพื้นที่ไม่มากนัก แต่ด้วยความที่ไม่มีนักท่องเที่ยว มันเลยกว้าง งงมั้ย ^^
เวลาที่รอคอยมาถึง กางเต็นท์เสร็จเรียบร้อย วิ่งลงน้ำชำระล้างร่างกายกันสักหน่อย คือบรรยากาศดีมาก ดีจนไม่เคยคิดว่าจะมีแบบนี้อยู่ใกล้กรุงเทพแค่นี้ มันฟินแค่ไหน ที่มีน้ำเย็นๆ ให้แช่ มีผีเสื้อโบยบินอยู่รอบๆ ตัวเรา
แช่น้ำกันเพลินมาก น้ำใส เย็นสบาย รู้ตัวอีกทีฟ้าก็เริ่มมืดลง แถมเย็นนี้ยังไม่มีอะไรกินด้วย 555 สำหรับใครจะมาที่นี่ควรเตรียมเสบียงมาให้พร้อมนะครับ
หลังจากรู้ตัวว่าไม่มีอะไรกิน ก็พากันขับรถออกมาในหมู่บ้าน โชคดีมีร้านป้ายังเปิดขายของอยู่
ป้าครับมีอะไรให้ผมกินบ้าง ป้าบอกมีอันนี้ๆๆๆ ตอบสั้นๆ ว่า เอาครับป้า จัดมาให้ผม 2 ที่เอาแบบเต็มที่เลยครับป้า เต็มที่แค่ไหนดูจากภาพเอานะครับ 555 ลูกชิ้นเนื้อๆ เน้นๆ คืนนี้เราก็กินอิ่มแล้วก็กลับไปนอนได้
ตื่นเช้ามาเราพบแล้ว เจ้าตัวการที่มานอนข้างเต็นท์แล้วเห่าทั้งคืน ทำให้แทบจะไม่ได้นอน ตื่นมาแล้วได้ยินเสียงน้ำไหล ห้ามใจไม่ไหว ลงไปเล่นน้ำก่อนกลับกันอีกรอบ ตอนเช้าที่นี่ผีเสื้อเยอะมากๆ แช่กันอย่างสบายกายสบายใจ ก็เห็นจะถึงเวลาของเราขึ้นไปเก็บข้าวของออกเดินทางกันแล้ว
เก็บข้าวเก็บของนั่งรถรัดเข็มขัดให้เรียบร้อยเพื่อความปลอดภัย พร้อมเดินหน้าเต็มกำลัง เดี๋ยวๆๆๆ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เจ้าหน้าที่ชวนกินข้าว ไอ้เราก็เกรงใจ กลัวพี่เค้าเสียน้ำใจ ก็ต้องกินไปตามระเบียบ จริงๆ เกรงใจพี่เค้ามาก จริงจริ๊งงงง
ก่อนกลับแวะถ่ายรูปเท่ๆ ที่สะพานแขวนกันอีกสักหน่อย
สุดยอดลูกผู้ชาย เห็นเด็กๆตีกันเพราะใส่โซ่ไม่ได้ "มาๆๆๆ เดี๋ยวพี่ใส่ให้ " หล่อไปอี๊กกกก
ต้องยอมรับจริงๆ ว่าที่นี่แม่งสวยงามมาก ที่สำคัญคนยังไม่ค่อยรู้จัก เราเองก็เพิ่งได้รู้จักเหมือนกัน ซึ่งได้คำแนะนำมาจากพี่ที่ไปเที่ยวพะเนินทุ่งแล้วได้พูดคุยกัน
หมดเวลาสนุกของพวกเราแล้ว ถึงเวลาต้องขับ Nissan Navara Black Edition ลุยป่าฝ่าเขา ออกมาสู่เมือง ต้องบอกเลยว่ารถคันนี้ขึ้นเขาลงห้วยได้สบาย แรงไม่มีตกด้วยกำลังเครื่องยนต์ที่เพียงพอและช่วงล่างที่แข็งแรง และยังนุ่มนวลอีกด้วย ให้อารมณ์เหมือนขับเก๋งมาขึ้นเขาจริงๆ
ก่อนกลับแวะดื่มกาแฟแก้ง่วงกันสักแก้ว ก่อนเดินทางกลับสู่โลก กทม
ร้านทนายเป็นร้านกาแฟเล็กๆ ตั้งอยู่ระหว่างทางกลับกรุงเทพ ออกมาจากแก่งกระจานนิดเดียวจะเห็นเด่นชัดอยู่ซ้ายมือ ร้านน่ารัก บรรยากาศดีเลยทีเดียว
Cruise Control ยาวๆ ไป มีความติดใจฟังชั่นนี้มาก
บ๊ายบายเพชรบุรี ปีนี้เจอกันอีกแน่นอน