“นิปปอนเพนต์” กลุ่มธุรกิจสีพ่นซ่อมรถยนต์ เผยแนวโน้มตลาดปี 60 โตต่อเนื่อง ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา คาดมูลค่ารวมประมาณ 3,800-4,000 ล้านบาท เตรียมทุ่มงบ 80 ล้าน จัดกิจกรรมเข้าถึงผู้ใช้-ช่างสี พร้อมส่งกรีนโปรดักส์ จับมือพันธมิตร และขยายตลาดในประเทศเพื่อนบ้าน มั่นใจครองส่วนแบ่งการตลาด 28-30% รักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดสีพ่นซ่อมรถยนต์
นายทวีชัย ตังธนาวิรุตม์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท นิปปอนเพนต์ (ประเทศไทย) จำกัด กลุ่มธุรกิจสีพ่นซ่อมรถยนต์ กล่าวถึงภาพรวมตลาดสีพ่นซ่อมรถยนต์ของประเทศไทยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2560 ว่า ตลาดเริ่มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น สังเกตได้จากยอดขายรถใหม่ในไตรมาสแรกเติบโตถึง 15% ทำให้มีปริมาณรถสะสมอยู่ในตลาดเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย ปีนี้คาดว่าตลาดสีพ่นซ่อมรถยนต์จะเติบโตขึ้นประมาณ 5% ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ตั้งเป้าจะมีส่วนแบ่งตลาดที่ 28-30%
นายทวีชัย กล่าวอีกว่า นิปปอนเพนต์ให้ความสำคัญกับคุณภาพสินค้าและบริการ สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาดสีพ่นซ่อมรถยนต์ สำหรับกลยุทธ์ทางการตลาดที่นำมาใช้จะเน้นใน 3 ด้าน ได้แก่ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ การร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจพันธมิตร และการขยายตลาดเพื่อให้ครอบคลุมทั้งในและต่างประเทศ ในส่วนของผลิตภัณฑ์ใหม่นั้น นิปปอนเพนต์ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ “แนกซ์ อีคิวบ์ (Nax E3)” ที่สุดแห่งนวัตกรรมสีพ่นรถยนต์สูตรน้ำ เป็นผลิตภัณฑ์หลักที่จะใช้ขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมาย ภายใต้แนวคิด “E3” คือ Easy-ใช้งานง่าย Exciting-ทำงานได้เร็วเต็มประสิทธิภาพ และ Ecology-ปลอดภัย ไม่ทำลายสภาพแวดล้อม
“ทุกวันนี้สีสูตรน้ำ (Waterborne) กำลังเป็นที่ต้องการของผู้ประกอบอุตสาหกรรม OEM และศูนย์ซ่อมสีทั่วโลก เนื่องจากเป็นมิตรต่อผู้ใช้ สามารถกำจัดของเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงช่วยลดปริมาณการปล่อยสารอินทรีย์ไอระเหยสู่บรรยากาศ (VOCs) จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยลดปัญหาโลกร้อน โดยผลิตภัณฑ์แนกซ์ อีคิวบ์ ที่นิปปอนเพนต์ได้คิดค้นขึ้นนี้ เป็นสีพ่นสูตรน้ำที่พ่นเสร็จเร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา ช่วยลดเวลาการทำงาน ทั้งยังประหยัดค่าไฟ เพราะไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องผสมสี นอกจากนี้ยังได้รับการรับรองมาตรฐาน VOCs ของยุโรปด้วย”
สำหรับแนวทางขยายตลาดสีพ่นซ่อมรถยนต์ นายทวีชัย กล่าวว่า ตลาดในประเทศยังคงใช้การผลักดันผ่านการร่วมมือกับตัวแทนจำหน่าย โดยเน้นในช่องทางที่นิปปอนเพนต์ยังมีส่วนแบ่งตลาดน้อยอยู่ ทั้งนี้ ได้ตั้งงบประมาณการตลาดไว้ที่ประมาณ 80 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับกิจกรรมต่างๆ ให้เข้าถึงผู้ใช้หรือช่างสีโดยตรง
นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการยกระดับฝีมือช่างพ่นซ่อมสีรถยนต์ไทยสู่สากล ด้วยการริเริ่มโครงการ “Protégé Project” ซึ่งได้ร่วมกับ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน จัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมช่าง สีรถยนต์ในสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน (สพร.) 12 แห่งทั่วประเทศ
ส่วนตลาดต่างประเทศ ที่ผ่านมาเน้นไปที่ภูมิภาคเอเชียเป็นหลัก ปีนี้จะเข้าไปทำตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม) อย่างจริงจังมากยิ่งขึ้น เนื่องจากตลาดกลุ่มนี้ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ขณะเดียวกันก็เริ่มขยายตลาดไปยังทวีปแอฟริกา และออสเตรเลียแล้วด้วย
นายทวีชัย ตังธนาวิรุตม์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท นิปปอนเพนต์ (ประเทศไทย) จำกัด กลุ่มธุรกิจสีพ่นซ่อมรถยนต์ กล่าวถึงภาพรวมตลาดสีพ่นซ่อมรถยนต์ของประเทศไทยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2560 ว่า ตลาดเริ่มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น สังเกตได้จากยอดขายรถใหม่ในไตรมาสแรกเติบโตถึง 15% ทำให้มีปริมาณรถสะสมอยู่ในตลาดเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย ปีนี้คาดว่าตลาดสีพ่นซ่อมรถยนต์จะเติบโตขึ้นประมาณ 5% ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ตั้งเป้าจะมีส่วนแบ่งตลาดที่ 28-30%
นายทวีชัย กล่าวอีกว่า นิปปอนเพนต์ให้ความสำคัญกับคุณภาพสินค้าและบริการ สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาดสีพ่นซ่อมรถยนต์ สำหรับกลยุทธ์ทางการตลาดที่นำมาใช้จะเน้นใน 3 ด้าน ได้แก่ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ การร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจพันธมิตร และการขยายตลาดเพื่อให้ครอบคลุมทั้งในและต่างประเทศ ในส่วนของผลิตภัณฑ์ใหม่นั้น นิปปอนเพนต์ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ “แนกซ์ อีคิวบ์ (Nax E3)” ที่สุดแห่งนวัตกรรมสีพ่นรถยนต์สูตรน้ำ เป็นผลิตภัณฑ์หลักที่จะใช้ขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมาย ภายใต้แนวคิด “E3” คือ Easy-ใช้งานง่าย Exciting-ทำงานได้เร็วเต็มประสิทธิภาพ และ Ecology-ปลอดภัย ไม่ทำลายสภาพแวดล้อม
“ทุกวันนี้สีสูตรน้ำ (Waterborne) กำลังเป็นที่ต้องการของผู้ประกอบอุตสาหกรรม OEM และศูนย์ซ่อมสีทั่วโลก เนื่องจากเป็นมิตรต่อผู้ใช้ สามารถกำจัดของเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงช่วยลดปริมาณการปล่อยสารอินทรีย์ไอระเหยสู่บรรยากาศ (VOCs) จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยลดปัญหาโลกร้อน โดยผลิตภัณฑ์แนกซ์ อีคิวบ์ ที่นิปปอนเพนต์ได้คิดค้นขึ้นนี้ เป็นสีพ่นสูตรน้ำที่พ่นเสร็จเร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา ช่วยลดเวลาการทำงาน ทั้งยังประหยัดค่าไฟ เพราะไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องผสมสี นอกจากนี้ยังได้รับการรับรองมาตรฐาน VOCs ของยุโรปด้วย”
สำหรับแนวทางขยายตลาดสีพ่นซ่อมรถยนต์ นายทวีชัย กล่าวว่า ตลาดในประเทศยังคงใช้การผลักดันผ่านการร่วมมือกับตัวแทนจำหน่าย โดยเน้นในช่องทางที่นิปปอนเพนต์ยังมีส่วนแบ่งตลาดน้อยอยู่ ทั้งนี้ ได้ตั้งงบประมาณการตลาดไว้ที่ประมาณ 80 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับกิจกรรมต่างๆ ให้เข้าถึงผู้ใช้หรือช่างสีโดยตรง
นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการยกระดับฝีมือช่างพ่นซ่อมสีรถยนต์ไทยสู่สากล ด้วยการริเริ่มโครงการ “Protégé Project” ซึ่งได้ร่วมกับ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน จัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมช่าง สีรถยนต์ในสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน (สพร.) 12 แห่งทั่วประเทศ
ส่วนตลาดต่างประเทศ ที่ผ่านมาเน้นไปที่ภูมิภาคเอเชียเป็นหลัก ปีนี้จะเข้าไปทำตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม) อย่างจริงจังมากยิ่งขึ้น เนื่องจากตลาดกลุ่มนี้ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ขณะเดียวกันก็เริ่มขยายตลาดไปยังทวีปแอฟริกา และออสเตรเลียแล้วด้วย