อินช์เคป ฉีกแนวตลาดเตรียมนำเข้า “เรนจ์โรเวอร์ อีโวค” รุ่น “เปิดประทุน” รถสปอร์ต เอสยูวีแบบไม่มีหลังคา คาดเคาะราคาราว 5 ล้านกว่าบาท พร้อมเผยโฉม “แลนด์โรเวอร์ ดิสคัฟเวอร์รี” ตัวใหม่ ราคา 6 ล้านกว่าบาท จากนั้นปลายปีเตรียมตัวต้อนรับ “เรนจ์โรเวอร์ เวลาร์” เคาะราคา 5 ล้านกว่าบาทเช่นกัน ส่วน “จากัวร์ ไอ-เพช” จ่อเปิดตัวปีหน้า เข้าทำตลาดในไทยหรือไม่ต้องรอลุ้นอีกระลอก
หลังจากที่กลุ่ม “อินช์เคป” เปิดตัวเข้ามาเทคโอเวอร์การเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ “จากัวร์และแลนด์ โรเวอร์”(ชื่อย่อ JLR) ในประเทศไทย เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว จากนั้นได้เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่เข้าสู่ตลาด “จากัวร์ เอฟ-เพช” เป็นรุ่นแรก ซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดีทั้งด้านยอดขายและการรับรู้
“เอฟ-เพช เป็นรุ่นหลักในไลน์การขายของเรา มียอดขายคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 30% ของยอดขายรวมทั้งหมดของกลุ่ม JLR ที่จำหน่ายในประเทศไทย โดยอีก 20% เป็นรุ่น อีโวค, 15% เป็นเรนจ์ โรเวอร์, 10% เรนจ์ สปอร์ต และส่วนที่เหลือเป็นกลุ่มรถเก๋งเช่น จากัวร์ เอ็กซ์เจ และเอ็กซ์อี เป็นต้น” นี่คือคำกล่าวถึงตัวเลขยอดขายของ นายชาญชัย มหันตคุณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินช์เคป จำกัด (ประเทศไทย) หลังเปิดตัวทำตลาดอย่างเป็นทางการ
ซึ่งยอดขายรวมทุกรุ่นดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ คิดเป็น 33%ของเป้าหมาย ดังนั้นทางอินช์เคปจึงคาดว่าน่าจะทำยอดขายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน แม้จะไม่สามารถเปิดเผยตัวเลขแบบเป็นจำนวนคันได้ แต่ก็เพียงพอต่อการพิจารณานำรถยนต์รุ่นใหม่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง แล้วรถยนต์รุ่นใหม่ที่ว่ามีรุ่นอะไรบ้าง MGR มอเตอริ่ง ขอนำเสนอ
กลางปีพบ2รุ่นใหม่ “อีโวค-ดิสคัฟเวอรี่”
เรนจ์โรเวอร์ อีโวค เปิดประทุน (Range Rover Evoque Convertible) รถสปอร์ตเอสยูวี ซึ่งมีตัวถังแบบพิเศษโดยอาศัยโครงสร้างของรุ่น 3 ประตู นำมาทำเป็นแบบหลังคาเปิดได้ เหมือนรถสปอร์ตเปิดประทุน แต่อยู่ในร่างของรถยนต์แบบเอสยูวี ยกสูง ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเรนจ์โรเวอร์
ซึ่งหลังคาผ้าใบจะเป็นแบบปรับระดับได้ด้วยไฟฟ้าใช้เวลาเพียง 18 วินาที และเพิ่มขึ้นเป็น21 วินาทีเมื่อต้องเปิดประทุนในระหว่างที่ขับด้วยความเร็วไม่เกิน 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยทางแลนด์โรเวอร์ระบุว่าแม้หลังคาอ่อนที่ถูกพับลงมาจะถูกเก็บเอาไว้ในฝากระโปรงหลัง แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบกับพื้นที่ เพราะว่ายังมีที่เก็บของอยู่ในระดับ 251 ลิตร (รุ่นปกติ 420 ลิตร)
สำหรับเครื่องยนต์จะทำตลาดในรุ่นขนาด 2.0 ลิตรเบนซิน 4 สูบ เทอร์โบ กำลังสูงสุด 240แรงม้า แรงบิดสูงสุด 340 นิวตันเมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ในเวลา 8.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 209 กม./ชม. อัตราบริโภคน้ำมันเฉลี่ย 11.6 กม./ลิตร อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 201 กรัม/กม. สนนราคาคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 5 ล้านกว่าบาท กำหนดเปิดตัวในเมืองไทยราวเดือน ปลายเดือนพฤษภาคมนี้
ขณะที่อีกหนึ่งรุ่นซึ่งจะเปิดตัวในเวลาไล่เลี่ยกันคือ “แลนด์ โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี” (Land Rover Discovery) โฉมใหม่ล่าสุด เจเนอเรชันที่ 5 ซึ่งเปิดตัวในต่างประเทศไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการปรับโฉมและรูปลักษณ์ใหม่ทั้งหมดของ ดิสคัฟเวอร์รี่ ทิ้งคราบสไตล์เดิมไปหมดสิ้น เน้นความโค้งมน ปราดเปรียว แต่ยังคงดูบึกบึนตามสไตล์เอสยูวีขับเคลื่อน 4 ล้อ
สำหรับเครื่องยนต์จะทำตลาดด้วยดีเซล V6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร กำลังสูงสุด 258 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ในเวลา 8.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 209 กม./ชม. อัตราบริโภคน้ำมันเฉลี่ย 13.9 กม./ลิตร อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 189 กรัม/กม. ราคาคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 6 ล้านกว่าบาท
ปลายปีพบ “เวลาร์” ปีหน้าลุ้น “ไอ-เพช”
นอกจาก 2 รุ่นที่กล่าวไปแล้ว ปลายปีนี้เตรียมพบกับ “เรนจ์โรเวอร์ เวลาร์” (Range Rover Velar) รุ่นเอสยูวีรุ่นใหม่ล่าสุด ที่เพิ่งจะเปิดตัวสดๆ ร้อนๆ อย่างเป็นทางการในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2017 ที่ผ่านมา นับเป็นเรนจ์ โรเวอร์ รุ่นแรกที่ทำตลาดในตัวถังขนาดกลาง ซึ่งใกล้เคียงกับพี่น้องร่วมค่ายอย่าง จากัวร์ เอฟ-เพช
ความโดดเด่นของ เวลาร์ อยู่ที่การออกแบบให้มีความเรียบหรู ดูแพง ในขนาดตัวถังที่พอเหมาะไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป เติมเต็มช่องว่างในการทำตลาดของเรนจ์โรเวอร์ได้อย่างครบถ้วนทุกไซส์
สำหรับรุ่นเครื่องยนต์ที่จะนำเข้ามาจำหน่ายในเมืองไทยจะเป็นเครื่องยนต์ ดีเซล ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบกำลังสูงสุด 180 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ในเวลา 8.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 209 กม./ชม. อัตราบริโภคน้ำมันเฉลี่ย 18.5 กม./ลิตร อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 142 กรัม/กม. ราคาคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 5 ล้านกว่าบาท
ขณะที่ปีหน้า ทางอินช์เคป มีแนวคิดว่าจะนำรถยนต์ไฟฟ้า จากัวร์ “ไอ-เพช” (Jaguar i-pace) เข้ามาทดลองตลาด โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทฯแม่ และศึกษารวบรวมข้อมูล ทั้งในส่วนของเงื่อนไขภาครัฐและการตอบรับของผู้บริโภคชาวไทยที่มีต่อรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อกำหนดแนวทางในการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยได้
อย่างไรก็ตาม สำหรับ จากัวร์ ไอ-เพช มีกำหนดเปิดตัวตลาดโลกประมาณกลางปี 2018 และถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผนสาวกของเสือดำไฟฟ้า จะได้เห็นตัวจริงราวปลายปี2018 หรือต้นปี 2019 อดใจรออีกนิด...
ขณะที่ปีหน้า ทางอินช์เคป มีแนวคิดว่าจะนำรถยนต์ไฟฟ้า จากัวร์ “ไอ-เพช” (Jaguar i-pace) เข้ามาทดลองตลาด โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทฯแม่ และศึกษารวบรวมข้อมูล ทั้งในส่วนของเงื่อนไขภาครัฐ
