TPARK จับมือ พรอสเพค รุกธุรกิจโรงงานและคลังสินค้าในทำเลยุทธศาสตร์บางพลี หวังปั้นเป็นโซนอุตสาหกรรมเพื่อรองรับความต้องการของหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ ยานยนต์สินค้าอุปโภคบริโภค ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ เป็นต้น พร้อมคว้าสแกนเนีย ผู้จัดจำหน่ายรถโดยสารและรถบรรทุกสัญชาติสวีเดน พัฒนาโรงงานแบบ Built to Suit เป็นรายแรก
นายวีรพันธ์ พูลเกษ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมในประเทศไทย เปิดเผยว่า กลุ่มไทคอน โดยบริษัท ไทคอน โลจิสติคส์ พาร์ค จำกัด หรือ TPARK จับมือกับบริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด หรือ พรอสเพคในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อรองรับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมในทำเลยุทธศาสตร์บางพลี โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 60 และ 40 ตามลำดับ
“ความร่วมมือของ TPARK และ พรอสเพค ในธุรกิจดังกล่าว นับเป็นจุดเปลี่ยนใหม่ในวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม โดยเกิดจากสองบริษัทที่มีโมเดลธุรกิจเดียวกันได้ดึงจุดเด่นของแต่ละบริษัทมาผสมผสานให้มีความลงตัวและพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์พาร์คให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น โดย TPARK เองมีจุดแข็งด้านความเชี่ยวชาญ องค์ความรู้ และทีมงานมืออาชีพในการพัฒนาอาคารเพื่อการอุตสาหกรรมแบบสร้างตามความต้องการของลูกค้าหรือ Built to Suit ที่มีมาตรฐานในระดับสากล ในขณะที่ พรอสเพค มีที่ดินพร้อมพัฒนาจำนวนมากในทำเลบางพลี ซึ่งถือเป็นโซนยุทธศาสตร์ในการกระจายสินค้าของประเทศที่หลายอุตสาหกรรมให้ความสำคัญ อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมอิเลคทรอนิคส์ สินค้าอุปโภคบริโภค ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ธุรกิจขายปลีกและขายส่ง ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจยาและเครื่องสำอางค์ เป็นต้น”
ในขณะที่ นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธาน บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด กล่าวเสริมว่า “พรอสเพค เล็งเห็นความมีศักยภาพของทำเลบางพลี ซึ่งเป็นทำเลยอดนิยมสำหรับการประกอบการอุตสาหกรรมและศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ของภาคกลาง เนื่องจากทำเลที่ตั้งของโครงการตั้งอยู่บนถนนบางนา-ตราด กม.23ซึ่งเป็นเขตประกอบการอุตสาหกรรม หรือ พื้นที่สีม่วงที่ใกล้กรุงเทพฯ และมีความโดดเด่นในศักยภาพด้านการขนส่ง และการกระจายสินค้าสูง เพราะอยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ท่าเรือคลองเตย และท่าเรือแหลมฉบัง ทั้งนี้ โครงการยังได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษจากหลายหน่วยงานของรัฐ ซึ่งจะเอื้อประโยชน์ต่อการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบการในโครงการ อาทิ สิทธิประโยชน์ทางภาษี และการจัดการด้านแรงงาน อีกทั้งยังแวดล้อมไปด้วยหลายกลุ่มอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรม รวมถึงใกล้กลุ่มแหล่งแรงงานฝีมือ ที่พักอาศัย และสิ่งอำนวยความสะดวก ที่พร้อมใช้ชีวิตทั้งการทำงาน และชีวิตส่วนตัว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้ประกอบการทั้งชาวไทย และบริษัทชั้นนำข้ามชาติ พิจารณาเลือกเป็นทำเลทองในการลงทุนด้านการผลิตและการจัดการด้านโลจิสติกส์เป็นลำดับแรก ทั้ง พรอสเพค และ TPARK เชื่อมั่นว่า การร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกันในครั้งนี้จะส่งผลให้ธุรกิจพัฒนาโรงงานและคลังสินค้าครั้งนี้ได้รับการตอบรับจากลูกค้าและประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยเราได้รับเกียรติจากบริษัท สแกนเนีย กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด เป็นลูกค้าในโครงการนี้เป็นรายแรก”
ทั้งนี้ สแกนเนีย ประเทศไทย เลือก พรอสเพค และ TPARK เป็นพันธมิตรในการสร้างโรงงานเพื่อผลิตชิ้นส่วนรถยนต์แห่งใหม่ของบริษัทฯ โดยได้เซ็นสัญญาเช่าโรงงานเป็นระยะเวลา 10 ปี เป็นพื้นที่โรงงานรวมประมาณ 14,000 ตารางเมตร บนพื้นที่รวมประมาณ 23 ไร่ ซึ่งโรงงานแห่งนี้จะเป็นแบบ Built to Suit หรือสร้างตามความเหมาะสมในการใช้งานด้านการผลิต และตามมาตรฐานของสแกนเนีย ซึ่งคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในต้นปี 2561
นายเท็ด โกรานสัน รักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท สแกนเนีย กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทในเครือของสแกนเนีย ซีวี ผู้ผลิตรถโดยสารและรถบรรทุกสัญชาติสวีเดน ได้กล่าวว่า “สแกนเนียเล็งเห็นว่าประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญในแถบประเทศเอเซีย จึงได้ตัดสินใจที่จะขยายการเติบโตทางด้านอุตสาหกรรมในประเทศนี้ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว บริษัทฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ TPARKและพรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ ซึ่งได้จัดสร้างโรงงานแบบ Built to Suit 2 หลังในแถบบางพลี ด้วยสแกนเนียมีมาตรฐานสูงในด้านข้อกำหนดของการสร้างโรงงาน อาทิเช่น คุณภาพของพื้น การเลือกใช้วัสดุที่ปลอดสารซิลิโคนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น แต่เราก็มั่นใจได้ว่า TPARK จะสามารถตอบสนองความต้องการของเราได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้น ทำเลในแถบบางพลีก็เป็นทำเลที่ตอบโจทย์ของสแกนเนียเป็นอย่างมาก เพราะอยู่ใกล้กับแหล่งการดำเนินธุรกิจของสแกนเนียในประเทศไทย ที่ทั้งสะดวกในด้านการคมนาคมและมีความพร้อมในด้านสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เป็นอย่างดี บริษัทฯ จึงมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าทำเลในแถบบางพลีนี้จะเหมาะสมต่อการดำเนินธุรกิจของสแกนเนียในประเทศไทย”
นายวีรพันธ์ พูลเกษ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมในประเทศไทย เปิดเผยว่า กลุ่มไทคอน โดยบริษัท ไทคอน โลจิสติคส์ พาร์ค จำกัด หรือ TPARK จับมือกับบริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด หรือ พรอสเพคในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อรองรับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมในทำเลยุทธศาสตร์บางพลี โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 60 และ 40 ตามลำดับ
“ความร่วมมือของ TPARK และ พรอสเพค ในธุรกิจดังกล่าว นับเป็นจุดเปลี่ยนใหม่ในวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม โดยเกิดจากสองบริษัทที่มีโมเดลธุรกิจเดียวกันได้ดึงจุดเด่นของแต่ละบริษัทมาผสมผสานให้มีความลงตัวและพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์พาร์คให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น โดย TPARK เองมีจุดแข็งด้านความเชี่ยวชาญ องค์ความรู้ และทีมงานมืออาชีพในการพัฒนาอาคารเพื่อการอุตสาหกรรมแบบสร้างตามความต้องการของลูกค้าหรือ Built to Suit ที่มีมาตรฐานในระดับสากล ในขณะที่ พรอสเพค มีที่ดินพร้อมพัฒนาจำนวนมากในทำเลบางพลี ซึ่งถือเป็นโซนยุทธศาสตร์ในการกระจายสินค้าของประเทศที่หลายอุตสาหกรรมให้ความสำคัญ อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมอิเลคทรอนิคส์ สินค้าอุปโภคบริโภค ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ธุรกิจขายปลีกและขายส่ง ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจยาและเครื่องสำอางค์ เป็นต้น”
ในขณะที่ นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธาน บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด กล่าวเสริมว่า “พรอสเพค เล็งเห็นความมีศักยภาพของทำเลบางพลี ซึ่งเป็นทำเลยอดนิยมสำหรับการประกอบการอุตสาหกรรมและศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ของภาคกลาง เนื่องจากทำเลที่ตั้งของโครงการตั้งอยู่บนถนนบางนา-ตราด กม.23ซึ่งเป็นเขตประกอบการอุตสาหกรรม หรือ พื้นที่สีม่วงที่ใกล้กรุงเทพฯ และมีความโดดเด่นในศักยภาพด้านการขนส่ง และการกระจายสินค้าสูง เพราะอยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ท่าเรือคลองเตย และท่าเรือแหลมฉบัง ทั้งนี้ โครงการยังได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษจากหลายหน่วยงานของรัฐ ซึ่งจะเอื้อประโยชน์ต่อการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบการในโครงการ อาทิ สิทธิประโยชน์ทางภาษี และการจัดการด้านแรงงาน อีกทั้งยังแวดล้อมไปด้วยหลายกลุ่มอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรม รวมถึงใกล้กลุ่มแหล่งแรงงานฝีมือ ที่พักอาศัย และสิ่งอำนวยความสะดวก ที่พร้อมใช้ชีวิตทั้งการทำงาน และชีวิตส่วนตัว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้ประกอบการทั้งชาวไทย และบริษัทชั้นนำข้ามชาติ พิจารณาเลือกเป็นทำเลทองในการลงทุนด้านการผลิตและการจัดการด้านโลจิสติกส์เป็นลำดับแรก ทั้ง พรอสเพค และ TPARK เชื่อมั่นว่า การร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกันในครั้งนี้จะส่งผลให้ธุรกิจพัฒนาโรงงานและคลังสินค้าครั้งนี้ได้รับการตอบรับจากลูกค้าและประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยเราได้รับเกียรติจากบริษัท สแกนเนีย กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด เป็นลูกค้าในโครงการนี้เป็นรายแรก”
ทั้งนี้ สแกนเนีย ประเทศไทย เลือก พรอสเพค และ TPARK เป็นพันธมิตรในการสร้างโรงงานเพื่อผลิตชิ้นส่วนรถยนต์แห่งใหม่ของบริษัทฯ โดยได้เซ็นสัญญาเช่าโรงงานเป็นระยะเวลา 10 ปี เป็นพื้นที่โรงงานรวมประมาณ 14,000 ตารางเมตร บนพื้นที่รวมประมาณ 23 ไร่ ซึ่งโรงงานแห่งนี้จะเป็นแบบ Built to Suit หรือสร้างตามความเหมาะสมในการใช้งานด้านการผลิต และตามมาตรฐานของสแกนเนีย ซึ่งคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในต้นปี 2561
นายเท็ด โกรานสัน รักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท สแกนเนีย กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทในเครือของสแกนเนีย ซีวี ผู้ผลิตรถโดยสารและรถบรรทุกสัญชาติสวีเดน ได้กล่าวว่า “สแกนเนียเล็งเห็นว่าประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญในแถบประเทศเอเซีย จึงได้ตัดสินใจที่จะขยายการเติบโตทางด้านอุตสาหกรรมในประเทศนี้ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว บริษัทฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ TPARKและพรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ ซึ่งได้จัดสร้างโรงงานแบบ Built to Suit 2 หลังในแถบบางพลี ด้วยสแกนเนียมีมาตรฐานสูงในด้านข้อกำหนดของการสร้างโรงงาน อาทิเช่น คุณภาพของพื้น การเลือกใช้วัสดุที่ปลอดสารซิลิโคนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น แต่เราก็มั่นใจได้ว่า TPARK จะสามารถตอบสนองความต้องการของเราได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้น ทำเลในแถบบางพลีก็เป็นทำเลที่ตอบโจทย์ของสแกนเนียเป็นอย่างมาก เพราะอยู่ใกล้กับแหล่งการดำเนินธุรกิจของสแกนเนียในประเทศไทย ที่ทั้งสะดวกในด้านการคมนาคมและมีความพร้อมในด้านสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เป็นอย่างดี บริษัทฯ จึงมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าทำเลในแถบบางพลีนี้จะเหมาะสมต่อการดำเนินธุรกิจของสแกนเนียในประเทศไทย”