ในโอกาสที่เฟียต 500 รุ่นออริจินัลฉลองครบรอบ 60 ปี อาจเป็นฤกษ์งามยามดีที่จะย้อนดูรถหลากรุ่นที่ทำให้ยานยนต์แปรสภาพจากของมีค่าที่มหาชนได้แต่เยี่ยมๆ มองๆ กลายมาเป็นยานพาหนะกระแสหลักที่คนส่วนใหญ่จับจองเป็นเจ้าของได้
รถบางรุ่นโดดเด่นที่นวัตกรรม บางรุ่นได้รับความนิยมกว้างขวาง และหลายรุ่นดูดี แต่เมื่อเป็นเรื่องของการมอบความสามารถในการเดินทางให้แก่มนุษย์เรา และการสถาปนาสถานะของรถยนต์ในประวัติศาสตร์วัฒนธรรม รถรุ่นต่อไปนี้ล้วนมีดีในแบบของตัวเอง
ฟอร์ด โมเดล ที - 1908
ฟอร์ด โมเดล ทีถือเป็นรถรุ่นปฏิวัติวงการอย่างแท้จริง เนื่องจากเป็นรถรุ่นแรกที่ทำการประกอบอัตโนมัติซึ่งช่วยลดต้นทุนลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคารถลดลงเรื่อยๆ ฟอร์ดขึ้นสายการผลิตโมเดล ทีทั่วโลกและทำการผลิตนาน 19 ปี กลายเป็นรถที่คนอเมริกันครึ่งค่อนประเทศเลือกใช้ รวมยอดการผลิตทั้งหมด 14.68 ล้านคันก่อนที่ฟอร์ดจะผลิตโมเดล เอขึ้นมาแทน

ออสติน 7 1922
คาดิลแลค ไทป์ 53 (1916) อาจเป็นรถคันแรกที่สร้างขึ้นจากแพทเทิร์นแป้นคลัตช์-เบรก-คันเร่ง และคันเกียร์ แต่ออสติน 7 คือรถที่วางตำแหน่งแป้นคลัตช์-เบรก-คันเร่ง และเบรกมือที่ถือเป็นมาตรฐานโลก และแม้ไม่ได้ทำยอดขายถล่มทลาย แต่มีการออกใบอนุญาตเพื่อนำดีไซน์นี้ไปผลิตซ้ำทั่วโลก ออสติน 7 ยังกลายเป็นแม่แบบสำหรับรถเล็ก (ยาวเพียง 1.9 เมตรและกว้าง 1.06 เมตร) ที่แพร่หลายจนกระทั่งมินิถือกำเนิดขึ้นมาในปี 1959 (จากค่ายออสตินเช่นเดียวกัน)

โฟล์คสวาเกน บีทเทิล 1938
บีทเทิลสำหรับยุโรปครอบครองสถานะเดียวกับฟอร์ด โมเดล ทีในอเมริกาคือ รถที่ใช้ได้จริงและราคาจับต้องได้สำหรับมหาชน ความดีงามของบีทเทิลมีมากมายจนกระทั่งผู้คนยอมมองข้ามว่า รถรุ่นนี้เกิดขึ้นจากบัญชาของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ต้นคิดในการก่อตั้งบริษัทรถโฟล์คสวาเกน และสั่งให้บริษัทแห่งนี้ออกแบบรถที่มีสมรรถนะเข้มแข็ง ประโยชน์ใช้สอยเหลือเฟือ ที่สำคัญราคาถูก ซึ่งก็คือบีทเทิลนี่เอง
แนวคิดในการวางเครื่องยนต์พร้อมระบบระบายความร้อนไว้ด้านหลังอาจเป็นแรงบันดาลใจสำหรับเฟียต 500 และเป็นรากฐานในการออกแบบปอร์เช่ 911 ที่เป็นรถระดับตำนานเช่นเดียวกัน บีทเทิลถูกผลิตขึ้นทั่วโลกและยังคงอยู่ในสายการผลิตจนถึงปี 2003 เมื่อรถคันที่ 21,529,464 เคลื่อนออกจากสายการผลิตในเม็กซิโก

ซีตรอง 2ซีวี 1948
เรื่องราวเบื้องหลังรถรุ่นนี้เกือบจะโด่งดังเป็นที่รู้จักพอๆ กับตัวรถเอง ซีตรอง 2ซีวีออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อตอบสนองความต้องการของชาวชนบทในฝรั่งเศส ภายใต้คุณสมบัติบังคับคือ ต้องมีที่ว่างเหนือศีรษะมากพอเพื่อให้คนขับไม่ต้องถอดหมวกขณะขับรถ นอกจากนี้ด้านหลังยังต้องกว้างขวางพอสำหรับการขนสัตว์ขนาดกลางในฟาร์ม รวมทั้งยังต้องขับนิ่มเพื่อไม่ทำให้ไข่แตกแม้วิ่งบนทุ่งที่เพิ่งไถกลบ และใช้ระบบที่ไม่ซับซ้อนเพื่อให้ผู้ใช้สามารถซ่อมบำรุงด้วยตัวเองโดยใช้เครื่องไม้เครื่องมือที่มีอยู่ในไร่ได้ ผลลัพธ์ที่ออกมาคือ รถยนต์ที่เป็นสัญลักษณ์ของฝรั่งเศสที่ยังคงผลิตอยู่จนถึงปี 1990 โดยมีการปรับเปลี่ยนเล็กๆ น้อยๆ และส่งให้ซีตรองกลายเป็นบริษัทรถยนต์ที่ดีที่สุดของโลกในด้านนวัตกรรมระบบกันสะเทือน

เฟียต 500 1957
เฟียต 500 รุ่นดั้งเดิมคือซิตี้คาร์คันแรกของโลกอย่างแท้จริง โดยสร้างขึ้นมาเพื่อแข่งกับมอเตอร์ไซค์และสกูตเตอร์ ดังนั้น ราคาจึงต้องไม่หนีจากพาหนะทั้งสองประเภทนี้มากนัก เฟียต 500 มีทั้งความคิดสร้างสรรค์และราคาที่จ่ายไหว การวางเครื่องยนต์พร้อมระบบระบายความร้อนที่ด้านท้ายทำให้ห้องโดยสารกว้างขวางพอสำหรับ 4 ที่นั่ง แม้รถมีความยาวจากหัวจรดท้ายเพียง 2.97 เมตร เครื่องยนต์ 2 สูบ 479 ซีซี แต่สามารถวางใจได้อย่างเต็มที่เนื่องจากเป็นระบบเรียบง่ายที่เจ้าของรถจำนวนมากที่อัพเกรดจากมอเตอร์ไซค์มาใช้รถยนต์คุ้นเคยดี

มินิ 1959
แม้พลาดตำแหน่งซิตี้คาร์หรือรถขับเคลื่อนล้อหน้าคันแรกของโลก แต่มินิคือรถคันแรกที่วางเครื่องยนต์ตามขวางเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอย นอกจากนั้นยังมาพร้อมกระปุกเกียร์ที่ติดตั้งใต้เครื่องยนต์ ผลลัพธ์ที่ได้คือรถคันจิ๋วที่นั่งได้ 4 คนพร้อมกระเป๋าเดินทางและขับสนุกเหลือเชื่อ มินิถือเป็นตะปูตอกฝาโลงสำหรับอุตสาหกรรมมอเตอร์ไซค์อังกฤษอย่างแท้จริง และยังได้ตำแหน่งรถที่ดีที่สุดของช่วงเวลานั้น รวมทั้งยังเป็นหนึ่งในรถคลาสสิกรุ่นแรกๆ และรถสำหรับทุกชนชั้นตั้งแต่ดารา นักร้อง ไปจนถึงพนักงานโรงงาน

ฟอร์ด มัสแตง 1964
ไม่มีรถรุ่นไหนที่มอบความสามารถในการเดินทางให้แก่มวลชนและเพียบพร้อมสมบูรณ์เท่ากับฟอร์ด มัสแตงรุ่นออริจินัลอีกแล้ว นี่คือรถรุ่นแรกที่ถูกวางตำแหน่งให้เป็นรถที่สามารถสะกดตั้งแต่หนุ่มสาวไปจนถึงคนรุ่นพ่อแม่ ฟอร์ด มัสแตงมีเสน่ห์เร่าร้อนกระทั่งสามารถทำยอดขายได้เกิน 1 ล้านคันภายในเวลาเพียง 18 เดือนหลังจากเปิดตัว ซึ่งเป็นสถิติที่ไม่มีรถรุ่นไหนเฉียดใกล้อีกเลย แม้แต่รถที่ส่งขายในมากกว่า 1 ประเทศก็ตาม

รถบางรุ่นโดดเด่นที่นวัตกรรม บางรุ่นได้รับความนิยมกว้างขวาง และหลายรุ่นดูดี แต่เมื่อเป็นเรื่องของการมอบความสามารถในการเดินทางให้แก่มนุษย์เรา และการสถาปนาสถานะของรถยนต์ในประวัติศาสตร์วัฒนธรรม รถรุ่นต่อไปนี้ล้วนมีดีในแบบของตัวเอง
ฟอร์ด โมเดล ที - 1908
ฟอร์ด โมเดล ทีถือเป็นรถรุ่นปฏิวัติวงการอย่างแท้จริง เนื่องจากเป็นรถรุ่นแรกที่ทำการประกอบอัตโนมัติซึ่งช่วยลดต้นทุนลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคารถลดลงเรื่อยๆ ฟอร์ดขึ้นสายการผลิตโมเดล ทีทั่วโลกและทำการผลิตนาน 19 ปี กลายเป็นรถที่คนอเมริกันครึ่งค่อนประเทศเลือกใช้ รวมยอดการผลิตทั้งหมด 14.68 ล้านคันก่อนที่ฟอร์ดจะผลิตโมเดล เอขึ้นมาแทน
ออสติน 7 1922
คาดิลแลค ไทป์ 53 (1916) อาจเป็นรถคันแรกที่สร้างขึ้นจากแพทเทิร์นแป้นคลัตช์-เบรก-คันเร่ง และคันเกียร์ แต่ออสติน 7 คือรถที่วางตำแหน่งแป้นคลัตช์-เบรก-คันเร่ง และเบรกมือที่ถือเป็นมาตรฐานโลก และแม้ไม่ได้ทำยอดขายถล่มทลาย แต่มีการออกใบอนุญาตเพื่อนำดีไซน์นี้ไปผลิตซ้ำทั่วโลก ออสติน 7 ยังกลายเป็นแม่แบบสำหรับรถเล็ก (ยาวเพียง 1.9 เมตรและกว้าง 1.06 เมตร) ที่แพร่หลายจนกระทั่งมินิถือกำเนิดขึ้นมาในปี 1959 (จากค่ายออสตินเช่นเดียวกัน)
โฟล์คสวาเกน บีทเทิล 1938
บีทเทิลสำหรับยุโรปครอบครองสถานะเดียวกับฟอร์ด โมเดล ทีในอเมริกาคือ รถที่ใช้ได้จริงและราคาจับต้องได้สำหรับมหาชน ความดีงามของบีทเทิลมีมากมายจนกระทั่งผู้คนยอมมองข้ามว่า รถรุ่นนี้เกิดขึ้นจากบัญชาของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ต้นคิดในการก่อตั้งบริษัทรถโฟล์คสวาเกน และสั่งให้บริษัทแห่งนี้ออกแบบรถที่มีสมรรถนะเข้มแข็ง ประโยชน์ใช้สอยเหลือเฟือ ที่สำคัญราคาถูก ซึ่งก็คือบีทเทิลนี่เอง
แนวคิดในการวางเครื่องยนต์พร้อมระบบระบายความร้อนไว้ด้านหลังอาจเป็นแรงบันดาลใจสำหรับเฟียต 500 และเป็นรากฐานในการออกแบบปอร์เช่ 911 ที่เป็นรถระดับตำนานเช่นเดียวกัน บีทเทิลถูกผลิตขึ้นทั่วโลกและยังคงอยู่ในสายการผลิตจนถึงปี 2003 เมื่อรถคันที่ 21,529,464 เคลื่อนออกจากสายการผลิตในเม็กซิโก
ซีตรอง 2ซีวี 1948
เรื่องราวเบื้องหลังรถรุ่นนี้เกือบจะโด่งดังเป็นที่รู้จักพอๆ กับตัวรถเอง ซีตรอง 2ซีวีออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อตอบสนองความต้องการของชาวชนบทในฝรั่งเศส ภายใต้คุณสมบัติบังคับคือ ต้องมีที่ว่างเหนือศีรษะมากพอเพื่อให้คนขับไม่ต้องถอดหมวกขณะขับรถ นอกจากนี้ด้านหลังยังต้องกว้างขวางพอสำหรับการขนสัตว์ขนาดกลางในฟาร์ม รวมทั้งยังต้องขับนิ่มเพื่อไม่ทำให้ไข่แตกแม้วิ่งบนทุ่งที่เพิ่งไถกลบ และใช้ระบบที่ไม่ซับซ้อนเพื่อให้ผู้ใช้สามารถซ่อมบำรุงด้วยตัวเองโดยใช้เครื่องไม้เครื่องมือที่มีอยู่ในไร่ได้ ผลลัพธ์ที่ออกมาคือ รถยนต์ที่เป็นสัญลักษณ์ของฝรั่งเศสที่ยังคงผลิตอยู่จนถึงปี 1990 โดยมีการปรับเปลี่ยนเล็กๆ น้อยๆ และส่งให้ซีตรองกลายเป็นบริษัทรถยนต์ที่ดีที่สุดของโลกในด้านนวัตกรรมระบบกันสะเทือน
เฟียต 500 1957
เฟียต 500 รุ่นดั้งเดิมคือซิตี้คาร์คันแรกของโลกอย่างแท้จริง โดยสร้างขึ้นมาเพื่อแข่งกับมอเตอร์ไซค์และสกูตเตอร์ ดังนั้น ราคาจึงต้องไม่หนีจากพาหนะทั้งสองประเภทนี้มากนัก เฟียต 500 มีทั้งความคิดสร้างสรรค์และราคาที่จ่ายไหว การวางเครื่องยนต์พร้อมระบบระบายความร้อนที่ด้านท้ายทำให้ห้องโดยสารกว้างขวางพอสำหรับ 4 ที่นั่ง แม้รถมีความยาวจากหัวจรดท้ายเพียง 2.97 เมตร เครื่องยนต์ 2 สูบ 479 ซีซี แต่สามารถวางใจได้อย่างเต็มที่เนื่องจากเป็นระบบเรียบง่ายที่เจ้าของรถจำนวนมากที่อัพเกรดจากมอเตอร์ไซค์มาใช้รถยนต์คุ้นเคยดี
มินิ 1959
แม้พลาดตำแหน่งซิตี้คาร์หรือรถขับเคลื่อนล้อหน้าคันแรกของโลก แต่มินิคือรถคันแรกที่วางเครื่องยนต์ตามขวางเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอย นอกจากนั้นยังมาพร้อมกระปุกเกียร์ที่ติดตั้งใต้เครื่องยนต์ ผลลัพธ์ที่ได้คือรถคันจิ๋วที่นั่งได้ 4 คนพร้อมกระเป๋าเดินทางและขับสนุกเหลือเชื่อ มินิถือเป็นตะปูตอกฝาโลงสำหรับอุตสาหกรรมมอเตอร์ไซค์อังกฤษอย่างแท้จริง และยังได้ตำแหน่งรถที่ดีที่สุดของช่วงเวลานั้น รวมทั้งยังเป็นหนึ่งในรถคลาสสิกรุ่นแรกๆ และรถสำหรับทุกชนชั้นตั้งแต่ดารา นักร้อง ไปจนถึงพนักงานโรงงาน
ฟอร์ด มัสแตง 1964
ไม่มีรถรุ่นไหนที่มอบความสามารถในการเดินทางให้แก่มวลชนและเพียบพร้อมสมบูรณ์เท่ากับฟอร์ด มัสแตงรุ่นออริจินัลอีกแล้ว นี่คือรถรุ่นแรกที่ถูกวางตำแหน่งให้เป็นรถที่สามารถสะกดตั้งแต่หนุ่มสาวไปจนถึงคนรุ่นพ่อแม่ ฟอร์ด มัสแตงมีเสน่ห์เร่าร้อนกระทั่งสามารถทำยอดขายได้เกิน 1 ล้านคันภายในเวลาเพียง 18 เดือนหลังจากเปิดตัว ซึ่งเป็นสถิติที่ไม่มีรถรุ่นไหนเฉียดใกล้อีกเลย แม้แต่รถที่ส่งขายในมากกว่า 1 ประเทศก็ตาม