xs
xsm
sm
md
lg

ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็กสปอร์ตครบจบในคันเดียว(ชมคลิป)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ขอย้อนเวลากลับไปในยุค 90 กระแสของสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น กลับมาฮิตอีกครั้งในเวลานี้ ไม่เว้นแม้แต่รถยนต์ แน่นอนหนึ่งในรถยนต์ที่สร้างกระแสยอดขายถล่มทลายเหนือความคาดหมายของตลาดเมืองไทยยุคนั้นจารึกชื่อของ “ฮอนด้า ซีวิค” เอาไว้ในลำดับต้นๆ ด้วยรูปทรงแบบ “แฮทช์แบ็ก” ที่สามารถปลุกกระแสแจ้งเกิดรถประตูท้ายเปิดได้สำเร็จอย่างงดงามเป็นค่ายแรก

กลับมาค.ศ.2017 นี้ ฮอนด้า นำ “ซีวิค แฮทช์แบ็ก” มาทำตลาดอีกครั้งในเจเนอเรชั่นที่ 10 ซึ่งเพิ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อต้นเดือนมีนาคมและขายอย่างเป็นทางการช่วงปลายเดือนเดียวกัน แล้วจึงมาจัดให้สื่อมวลชนได้ทดลองขับ และMGR มอเตอริ่ง ไม่พลาดงานนี้

ปรับช่วงล่าง-ตัดเนวิเกเตอร์

ซีวิค แฮทช์แบ็ก แตกต่างจากรุ่น ซีดาน 4 ประตูอย่างไร คงเป็นคำถามยอดนิยมอันดับ 1 ส่วนคำตอบจากทีมวิศวกรผู้พัฒนาฮอนด้า ซีวิค บอกกับเราว่า “ช่วงล่าง” คือสิ่งที่แตกต่าง ด้วยลักษณะของตัวถังใหญ่กว่าและมีบั้นท้ายสูง ดังนั้นการเซตช่วงล่างจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด โดยทีมงานพยายามเซตและปรับค่าของโช้คให้ความรู้สึกของการขับขี่ใกล้เคียงรุ่นซีดาน

ด้วยเหตุผลที่ยุโรปไม่มีการจำกัดความเร็วดังนั้น การพัฒนาเพื่อให้ได้รถดีที่สุดจึงต้องไปทำที่ยุโรป ทีมวิศวกรปักหลักพัฒนาซีวิค แฮทช์แบ็กที่ประเทศอังกฤษ และได้พบว่า การจะใส่เตาบาบีคิวที่ท้ายรถได้นั้น ต้องไม่มีถาด ดังนั้นเราจึงเห็นผ้าแบบเลื่อนซ้าย-ขวาปิดบังสิ่งของภายในแทน ถาดแบบเดิมๆที่เคยเห็นในรถแฮทช์แบ็กทั่วไป

อีกหนึ่งสิ่งสำคัญคือ บริเวณด้านหน้าฝากระโปรง ออกแบบให้มีชิ้นส่วนด้านหน้ายื่นออกมา ก่อนจะเป็นฝากระโปรง เพื่อช่วยซับแรงกระแทกกรณีรถชนคน ฝากระโปรงจะได้ไม่กระแทกคนซึ่งจะทำให้บาดเจ็บหนักได้เพราะเป็นเหล็กชิ้นใหญ่ ขณะที่ความแตกต่างด้านอุปกรณ์ของรุ่นแฮทช์แบ็กกับ รุ่นท้อปของตัวซีดาน ก็คือเรื่องของการตัดระบบนำทางหรือเนวิเกเตอร์ออกไปและส่วนปลีกย่อยอื่นๆ รวมแล้วทำให้ราคาต่ำกว่า 3 หมื่นบาท

นิ่ง เงียบ ปลายแตะ200กม./ชม.

จั่วหัวแบบนี้ อ่านแล้วไม่น่าเชื่อ(บนพื้นฐานเครื่องยนต์แค่ 1.5 ลิตร) แต่ความจริงตามการเคลมของฮอนด้า บอกว่า ซีวิค แฮทช์แบ็ก สามารถวิ่งได้เร็วสุดถึง 200 กม./ชม. ซึ่งผู้เขียนลองขับที่ความเร็วสูงสุด 160 กม./ชม. และสื่อมวลชนอีกท่านที่สลับกันขับ ยืนยันทำความเร็วแตะที่ 200 กม./ชม. และหากขับด้วยความเร็วต่ำกว่า 150 กม./ชม. ตัวรถนิ่งมาก มั่นใจ ขับเพลินๆ ไม่รู้สึกว่าเร็วแต่ประการใด ทั้งนี้ท่านต้องได้ลองเอง (ถ้าโดนใบสั่งก็ต้องจ่ายเองด้วยนะ)

ทั้งนี้ทั้งนั้น การทรงตัวที่ยอดเยี่ยมเราต้องยกเครดิตให้ทีมวิศวกรที่ตั้งใจเซตช่วงล่างของรุ่นแฮทช์แบ็กให้มีความนิ่งที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ด้วยการปรับองศาและเพิ่มความแข็งของสปริงให้มากกว่ารุ่น 4 ประตู (ไหนบอกตอนแรกว่าจะทำให้ใกล้เคียงรุ่นซีดาน พอลองขับจริงนิ่งกว่าเห็นๆ) รวมถึงการมีความยาวด้านท้ายที่สั้นลงกว่า 145 มม.

อีกหนึ่งความประทับใจของผู้เขียนคือเรื่องของการเก็บเสียงภายในห้องโดยสาร แม้จะวิ่งด้วยความเร็วสูงระดับ 120-140 กม./ชม. เป็นส่วนใหญ่ เสียงลมปะทะหรือเสียงยางบดถนนดังเข้ามารบกวนน้อยมาก ส่วนหนึ่งนอกจากการประกอบที่ดีแล้วเหตุผลสำคัญคือ การเลือกใช้ยาง โยโกฮามา ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องของความนุ่มนวลและเงียบ เก็บเสียงดี

สำหรับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร หลายคนอาจจะมองว่า เล็ก แต่ความจริงของโลกรถยนต์ทุกวันนี้ ทุกค่ายผู้ผลิตต่างลดขนาดความจุของกระบอกสูงลง สวนทางกับสมรรถนะที่เพิ่มขึ้นด้วยเทคโนโลยีที่แสนง่าย “เทอร์โบ” พร้อมระบบหัวฉีดแบบไดเรค อินเจคชัน ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง ทำให้ได้กำลังมากขึ้นและกินน้ำมันน้อยลง
เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร พัฒนาขึ้นภายใต้เทคโนโลยี เอิร์ท ตรีม ของฮอนด้า
สำหรับ ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็กมีพิกัดกำลัง 173 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 220 นิวตันเมตร เทียบเท่ากับรถเครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตรในยุคก่อน แต่สิ่งที่ตรงข้ามคือ ซีวิค แฮทช์แบ็ก มีอัตราการบริโภคน้ำมัน เคลมไว้ที่ 17.2 กม./ลิตร ขณะที่การขับจริงของเรา แบบเหยียบคันเร่งเต็มสปีด ผ่อนบ้างตามจังหวะ ตัวเลขแสดงผลเฉลี่ยที่ 9.5 กม./ลิตร

ระบบเกียร์แบบซีวีที พร้อมแพดเดิลชิฟ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สร้างความประทับใจให้ผู้เขียน เพราะสามารถเลือกความสนุกจากการขับขี่ได้อย่างง่ายดายทุกย่านความเร็ว พร้อมโหมด s ที่ปรับเปลี่ยนจังหวะเกียร์ให้กลายเป็นเสมือนเกียร์ธรรมดาที่เราต้องกดปุ่มแพดเดิลชิฟบวกและลบทุกครั้งเพื่อเปลี่ยนเกียร์
แผ่นปิดด้านท้าย ที่สามารถดึงเปิดปิดได้ง่ายดาย
การบังคับควบคุมพวงมาลัย ผู้เขียนรู้สึกว่าเบาเกินไปสักหน่อย แต่น่าจะเหมาะกับสุภาพสตรีและการใช้งานในเมืองที่ต้องเลี้ยวไปมาบ่อยๆ แน่นอนว่า เมื่อขับด้วยความเร็วสูงพวงมาลัยจะหนักขึ้นตามความเร็วที่เพิ่มขึ้นจึงมั่นใจได้แม้ขับด้วยความเร็วเกินระดับ 140 กม./ชม.

ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก มาพร้อมกับระบบความปลอดภัยที่ครบถ้วนทั้ง ถุงลม 6 จุด (ขออนุญาตไม่ทดลองการใช้งานนะครับ), ระบบเบรกเอบีเอส,ระบบกระจายแรงเบรก,ระบบช่วยควบคุมการทรงตัว และที่ขาดไม่ได้ ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน ซึ่งเสียงตอบรับจากทีมงานฮอนด้าบอกว่า สาวๆชอบระบบนี้มาก
ยางโยโกฮามา รุ่น ดีบี ซึ่งทางวิศวกรฮอนด้า ยืนยันว่า ทุกคันที่ขายจะใช้ยางสเปคนี้
ส่วนข้อติงของผู้เขียนที่มีต่อซีวิค แฮทช์แบ็ก และได้บอกกล่าวไปยังทีมวิศวกรผู้สร้างก็คือเรื่องของ ท่อไอเสีย ซึ่ง ซีวิค แฮทช์แบ็ก มีท่อไอเสียแบบคู่แท้ๆ แต่กลับไม่ทำปลายท่อไอเสียคู่ โดยเลือกงอปลายท่อไอเสียกดลงด้านล่าง เพื่อซ่อนอย่างมิดชิด แต่ผู้เขียนมองว่า หากปล่อยปลายท่อให้ยาวตรงมาโผล่บนสปอยเลอร์หลังจะดูสปอร์ตและสวยงามกว่า อย่างไรก็ตามเข้าใจว่า สิ่งนี้เป็นความชอบส่วนบุคคลของแต่ละท่าน คงมิอาจวิพากษ์วิจารณ์ได้
สังเกตที่รอยต่อตรงฝากระโปรงหน้า แยกชิ้นเพื่อช่วยลดแรงกระแทกเมื่อเกิดการชน
เหมาะกับใคร

สำหรับคนปกติทั่วไป โดยเฉพาะคุณผู้หญิงเน้นการใช้งานในเมืองสลับเดินทางต่างจังหวัดที่ต้องการความคล่องตัว พร้อมความเอนกประสงค์ในรูปทรงไม่ใหญ่โตแบบเอสยูวี ซีวิค แฮทช์แบ็ก เป็นคำตอบที่โดนใจแบบไม่ต้องสงสัย ส่วนสาวกสายสปอร์ตของฮอนด้า นี่คือ โมเดลที่สามารถแปลงร่างเป็น “Type R” ได้อย่างลงตัว จะมัวรออะไรอีก
ปลายท่อไอเสีย ซ่อนอยู่ด้านล่างสปอยเลอร์

ปุ่มควบคุมบนพวงมาลัยและแพดเดิลชิป
เรือนไมล์ดูลำสมัย
ช่องเสียบUSB และพื้นที่ด้านหลัง
เบาะหลังพับได้เพิ่มพื้นที่ใช้สอยในการเดินทาง
สปอยเลอร์หลังช่วยเพิ่มแรงกดเมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูง
ไฟหน้าและไฟท้าย







กำลังโหลดความคิดเห็น