มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ เป็นรถที่ขึ้นชื่อว่าล้นไปด้วยเทคโนโลยี ทั้งเพื่อสมรรถนะ ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย ปีนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์สฯ ได้อัพออปชั่นเพิ่มให้กับ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต รุ่นปี 2017 ใหม่ ให้สวยขึ้น สบายขึ้น ด้วยชุดตกแต่งใต้กันชนหน้า สปอยเลอร์หลัง ระบบน้ำฉีดล้างไฟหน้า และระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control System; ACC)
เราได้มีโอกาสลองขับ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ปี 2017 รุ่น 4WD GT-PREMIUM ซึ่งเป็นตัวท็อปสุด จากกรุงเทพฯ ไป อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ระยะทางประมาณ 240 กิโลเมตร ผ่านเส้นทางที่มีทั้งถนนเรียบ ถนนเสียที่มีสภาพเป็นหลุมบ่อและเป็นคลื่น รวมถึงถนนเปียกและลื่นเนื่องจากฝนตก ซึ่งเปิดโอกาสให้เราได้ทดสอบระบบขับเคลื่อนแบบ 4H ด้วย
ระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ หรือ อะแด็ปทีฟครูซคอนโทรล หรือเรียกสั้นๆว่า เอซีซี คือสิ่งที่เราประทับใจที่สุดในทริปนี้ มีประโยชน์มาก และให้ความสบายแก่คนขับได้มากจริงๆ การทำงานของระบบนี้คือ เมื่อเราล็อกความเร็วไว้ในระดับที่ต้องการแล้ว พอเจอรถคันหน้าที่ขับช้ากว่า ถ้าเป็นระบบครูซคอนโทรลทั่วๆไป เราต้องเหยียบเบรก ถ้าไม่เบรกก็ชน แต่ระบบเอซีซีจะลดความเร็วให้เราอัตโนมัติ และยังสามารถชะลอความเร็วลงไปจนถึงระดับหยุดนิ่งด้วย และเมื่อทางข้างหน้าโล่งแล้ว ระบบเอซีซีจะเร่งความเร็วไปจนถึงระดับที่ตั้งไว้โดยอัตโนมัติ เราแค่บังคับพวงมาลัยให้ตรงทางไว้เท่านั้น นอกนั้นก็ไม่ต้องทำอะไรเลย ขอบอกว่า ใช้แล้วติดใจ สบายสุดๆ
สิ่งที่น่าประทับใจอีกอย่างคือ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะ Super Select 4WD II ที่มีให้เลือกใช้อยู่ 4 โหมด ได้แก่ 2H สำหรับถนนแห้ง, 4H สำหรับถนนเปียกลื่น และ 4HLc กับ 4LLc สำหรับเส้นทางออฟโรด โดยเฉพาะโหมด 4H ระบบจะทำงานเสมือนระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Full-Time All Wheel Drive ช่วยเพิ่มการยึดเกาะถนนและความปลอดภัย เราได้มีโอกาสทดสอบระบบนี้ตอนฝนตกบนถนนลาดยางที่ลื่นเพราะมีฝุ่นโคลนเคลือบผิวถนนอยู่ ปรากฏว่าเมื่อเปลี่ยนจากระบบ 2H เป็น 4H แล้วบุคลิกของรถเปลี่ยนไปทันที บาลานซ์ขึ้น นิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อาการแกว่งๆของตัวถังและอาการหวิวๆที่พวงมาลัยหายไป บังคับควบคุมง่าย ให้ความมั่นใจขึ้นเยอะ ชอบมากครับ และสำหรับคอออฟโรด มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ มีระบบล็อกเฟืองท้าย (Rear Differential Lock) มาให้ด้วย ซึ่งทั้งหมดปรับได้ด้วยปุ่มปรับไฟฟ้าที่คอนโซลกลาง
ช่วงล่างของ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ เซ็ตออกมาทาง “นุ่มนิ่ม” ทางตรงถนนเรียบไม่มีปัญหา นั่งสบาย แต่ถ้าเจอถนนที่เป็นลอนๆ จะรู้สึกหวิวๆ หน่อย ทางโค้งมีอาการโยนบ้าง แต่ไม่ถึงกับเสียว อย่างไรก็ตามแนะนำว่าควรชะลอความเร็วก่อนเข้าโค้งจะดีกว่า ทั้งนี้ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบปีกนกสองชั้น พร้อมคอยส์ปริงและเหล็กกันโคลง หลังแบบทรีลิงค์ ทอล์คอาร์ม พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง และเหล็กกันสะบัดเพลาหลัง
หัวใจของ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ เป็น เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.4 ลิตร วาล์วไอดีแปรผัน (MIVEC) เทอร์โบแปรผัน (VG Turbo) พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ให้แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตรที่ 2,500 รอบต่อนาที และกำลังสูงสุด 181 แรงม้าที่ 3,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมโหมดสปอร์ต ที่ให้เราเล่นเกียร์เองได้ โดยโยกที่คันเกียร์หรือใช้แพดเดิลชิฟต์ที่พวงมาลัย ส่งกำลังต่อให้ล้อและยางขนาด 265/60/18 ก่อนลงสู่พื้นถนน
จากการเดินทาง 240 กิโลเมตร ต้องบอกว่า มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ มีบุคลิกออกไปทางสุภาพนุ่มนวล แม้สเปคเครื่องยนต์และเกียร์จะดูสปอร์ต แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วไม่ เครื่องยนต์ทำงานประสานกันดีกับเกียร์ มีความต่อเนื่องไม่กระตุก แต่อัตราเร่งไม่ได้ดุดัน ขึ้นแบบนิ่มๆ ชิวๆ สบายๆ
ภายในสปอร์ตด้วยโทนสีดำ ตัดด้วยวัสดุสีเงินเพิ่มความหรูหรา เบาะหนังแท้สีดำปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง โอบกระชับนั่งนุ่มสบาย พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน คุมทุกอย่างด้วยปลายนิ้ว การเก็บเสียง เงียบ อยู่ในขั้นดีมาก
เครื่องเสียงขนาด 2DIN รองรับดีวีดี ซีดี และเอ็มพี3 พร้อมจอทัชสกรีนขนาด 7 นิ้ว และระบบนำทาง เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่านบลูทูธและพอร์ตยูเอสบี ตรงนี้มีข้อตินิดนึงว่า การเอาพอร์ตยูเอสบีไปติดตั้งไว้ในกล่องเก็บของคอนโซลกลางนั้น ทำให้การใช้งานยากมากๆ ต้องเอี้ยวตัว เอื้อมมือ ชะโงกหน้า กว่าจะเสียบหัวยูเอสบีเข้าไปได้ เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน
นอกจากนี้ยังมีจอไวด์สกรีน พร้อมเครื่องเล่นดีวีดี หูฟังไร้สาย พร้อมรีโมท สำหรับความบันเทิงของผู้โดยสารตอนหลัง คุณภาพเสียงอยู่ในระดับกลางๆ ไม่ถึงกับดี แต่ก็ไม่ได้แย่เป็นทรานซิสเตอร์
ส่วนภายนอก คงไม่ต้องบรรยายกันมาก เพราะคงคุ้นหน้าคุ้นตากันดีอยู่แล้ว ดีไซน์ล้ำยุค ไฟหน้าแบบ Bi-LED โปรเจกเตอร์ พร้อมไฟเดย์ไลต์แบบสเปกตรัม LED และไฟท้ายแบบสเปกตรัม LED
ตารางแสดงเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยใน มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่
ระบบเบรก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) ระบบช่วยเสริมแรงเบรก (BA) รวมไปถึงระบบลดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยเบรก (Brake Override System)
ระบบไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS : Emergency Stop Signal System) จะทำงานเมื่อผู้ขับขี่เหยียบเบรกอย่างกะทันหัน หรือเมื่อระบบ ABS ทำงาน โดยไฟฉุกเฉินจะกะพริบต่อเนื่องจนกว่าจะปล่อยเบรกหรือรถหยุดสนิทเพื่อแจ้งให้รถคันหลังทราบ
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA : Hill Start Assist) ป้องกันการลื่นไหลในกรณีที่ต้องเบรกรถบนทางชันและต้องออกตัวอีกครั้ง
ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC : Hill Descent Control) ช่วยรักษาระดับความเร็วของรถด้วยการควบคุมการเบรกให้สอดคล้องกับสภาพการขับขี่เมื่อต้องขับขี่ผ่านเส้นทางแบบออฟโรด และลงทางลาดชัน หรือทางลาดลืน โดยระบบจะทำงานเมื่ออยู่นช่วงความเร็ว 2-20 กม./ชม. (เฉพาะรุ่น GT-Premium)
เบรกมือควบคุมด้วยไฟฟ้า ติดตั้งบริเวณคอนโซลกลาง สะดวกและง่ายต่อการใช้งาน
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว พร้อมระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล (ASTC : Active Stability and Traction Control)
ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (FCM : Forward Collision Mitigation System) จะทำงานโดยใช้เรดาร์ประเมินระยะห่างจากรถคันหน้า หากพบว่ามีความเสี่ยงที่จะชนรถคันหน้าในช่องทางเดียวกัน ระบบจะทำการเตือนเพื่อให้เบรกรถ พร้อมเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรก เพื่อให้ประสิทธิภาพในการเบรกที่ดียิ่งขึ้น และเมื่อความเร็วต่ำกว่า 30 กม./ชม. ระบบช่วยเบรกจะทำงานอัตโนมัติ เมื่อพบว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะชนรถคันหน้าในช่องทางเดียวกัน เพื่อบรรเทาควมเสียหายจากการชน (เฉพาะรุ่น GT และ GT-Premium)
กล้องมองภาพรอบคัน พร้อมเส้นแสดงทิศทางการเคลื่อนที่ของรถ (Multi-around Monitor) ทำงานผ่านกล้อง 4 ตำแหน่งรอบตัวรถ เพื่อประมวลผลและแสดงภาพแบบ Bird Eye View ผ่านหน้าจอมอนิเตอร์ ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นภาพได้รอบตัวรถ เพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการจอดรถได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น
ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว (UMS : Ultrasonic Misacceleration Mitigation System) ทำงานโดยใช้คลื่นอัลตร้าโซนิคตรวจจับวัตถุด้านหน้าหรือด้านหลังในระยะไม่เกิน 4 เมตร ในขณะที่เกียร์อยู่ตำแหน่ง "D" หรือ "R" หากมีการเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ระบบจะทำการตัดกำลังเครื่องยนต์ไว้ประมาณ 5 วินาที ทั้งนี้ระบบจะทำงานที่ความเร็วต่ำกว่า 10 กม./ชม. เพื่อบรรเทาความเสียหายที่กิดขึ้นจากการชน
ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา (BSW : Blind Spot Warning) ทำงานโดยการใช้คลื่นอัตร้าโซนิค ซึ่งติดตั้งอยู่บริเวณมุมกันชนทั้ง 4 ด้าน โดยระบบจะส่งสัญญาณไฟเตือนบนกระจกมองข้างให้ผู้ขับขี่ทราบว่ามีรถอยู่ในจุดอับสายตาซึ่งไม่สามารถมองเห็นจากกระจบมองข้าง ในขณะเดียวกันเมื่อเปิดสัญญาณไฟเลี้ยว ระบบจะส่งสัญญาณเสียงเตือนพร้อมสัญญาณเตือนไฟกระพริบบนกระจกมองข้าง ทั้งนี้ระบบบจะทำงานที่ความเร็ว 20-140 กม./ชม. ในระยะไม่เกิน 3 เมตร เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุจากการเปลี่ยนช่องจราจร (เฉพาะรุ่น GT-Premium)
ถุงลมนิรภัยคุ่หน้าแบบ SRS สำหรับทุกรุ่น เฉพาะในรุ่น GT-Premium มาพร้อมถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมนิรภัยคุ่หน้าแบบ SRS ทำงานร่วมกับระบบเข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับอัตโนมัติ 2 ทิศทาง พร้อมระบบผ่อนแรงอัตโนมัติ ถุงลมนิรภัยด้านข้าง ถุงลมนิรภัยหัวเข่าด้านคนขับ และม่านถุงลมนิรภัย
สรุปได้ว่า
มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ รุ่นปี 2017 เป็นรถที่ให้ความนุ่มนวลมากกว่าความสปอร์ต อัตราเร่งเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ช่วงล่างนุ่มนิ่ม เบาะนั่งนุ่มสบาย มีอะแด็ปทีฟครูซคอนโทรลที่เปลี่ยนการขับขี่ทางไกลเป็นความสบายสุดๆ มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่สามารถพาเราไปได้ทุกที่ ห้องโดยสารเงียบ แอร์อัตโนมัติแยกอิสระซ้ายขวาและแยกควบคุมตอนหน้าตอนหลังได้ เย็นฉ่ำทั่วทั้งคันตลอดการเดินทาง มีเครื่องเล่นดีวีดี พร้อมจอขนาดใหญ่ สำหรับผู้โดยสารตอนหลังด้วย แถมยังอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยี ทั้งหมดทำให้ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ รุ่นปี 2017 เป็นรถที่เหมาะสำหรับครอบครัวใหญ่ ที่มีเด็กและผู้สูงอายุเดินทางไปพร้อมกัน หลับสบาย ไม่เมื่อย และปลอดภัย กับค่าตัว 1,529,000 บาท ถือว่าคุ้มค่ามากทีเดียว