หลายคนคงเคยเล่นมือถือจนขับรถเกือบชน และอีกหลายคนก็คงเคยก้มหน้าจิ้มสมาร์ทโฟนจนเกือบโดนรถเฉี่ยว ข้อเท็จจริงน่าเป็นห่วงนี้กระตุ้นให้นักพัฒนาจำนวนมากคิดค้นแอปพลิเคชันและระบบต่างๆ เพื่อช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนนอันเป็นผลจากการหมกมุ่นกับโทรศัพท์
ทิวดอร์ โคบาลาส เคยผ่านเสี้ยววินาทีอันตรายมาแล้ว และประสบการณ์เฉียดตายครั้งนั้นเป็นแรงบันดาลใจให้เขาคิดหาวิธีเปลี่ยนสมาร์ทโฟนจากอาวุธทำลายล้างสูงเป็นเครื่องมือส่งเสริมการขับขี่ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น
โคบาลาส หนุ่มโรมาเนียวัย 30 ปี พัฒนาแอปพลิเคชัน เซฟไดรฟ์ จูงใจคนขับให้เลิกสนใจโทรศัพท์ชั่วคราวระหว่างขับรถ
กลไกการทำงานของแอปนี้คือ เมื่อความเร็วของรถเกิน 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ปุ่ม “ปล่อย” จะปรากฏบนหน้าจอและล็อกโทรศัพท์อัตโนมัติ ถ้าไม่กดปุ่มนี้เพื่อปลดล็อกโทรศัพท์เลยตลอดเส้นทาง คนขับจะได้คะแนนที่สามารถนำไปแลกส่วนลดที่เซฟไดรฟ์ มาร์เก็ตเพลซ
ในทางกลับกัน ถ้ากดปุ่มปล่อย คนขับจะถูกหักคะแนน
ไม่น่าเชื่อว่า แนวคิดง่ายๆ แบบนี้ดึงดูดผู้ใช้เกือบ 100,000 คนทั่วโลก และคู่ค้าจากภาคธุรกิจ 30 แห่งตั้งแต่บริษัทประกันภัยจนถึงห้างสรรพสินค้า
โคบาลาสยังพัฒนาแอปสำหรับหนุ่มสาวชื่อว่า ไมเลซ ซึ่งเป็นที่ถูกอกถูกใจพ่อแม่ในอเมริกาที่ต้องการสอนลูกเรื่องการขับรถ
แอปนี้อิงกับแนวคิดเรียบง่ายเหมือนเดิมคือ คนขับจะได้รางวัลตอบแทนเป็นเงินจากครอบครัวและเพื่อน ถ้าขับรถดีมีวินัย
ทั้งนี้ ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (ฮู) ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตราว 1.25 ล้านคนทั่วโลกจากอุบัติเหตุบนท้องถนน และสมาร์ทโฟนเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้สถิตินี้พุ่งสูงขึ้น โดยคนขับที่ใช้มือถือขณะขับรถมีแนวโน้มประสบอุบัติเหตุเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า
ข้อเท็จจริงจากฮูชักนำให้บริษัทเทคโนโลยีจำนวนมากตื่นตัวและคิดอ่านหาทางแก้ปัญหานี้
หนึ่งในนั้นคือเคมบริดจ์ โมบาย เทเลเมติกส์ บริษัทในอเมริกาที่พัฒนาแอปพลิเคชัน ไดรฟ์เวลล์ โดยแฮรี บาลากริชนัน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีบอกว่า แม้สมาร์ทโฟนถูกกล่าวหาว่า เป็นต้นเหตุให้คนขับเสียสมาธิมากขึ้น แต่บริษัทต้องการแสดงให้เห็นว่า อุปกรณ์อัจฉริยะนี้ช่วยปรับปรุงพฤติกรรมการขับรถได้เช่นเดียวกัน
ไดรฟ์เวลล์จะตรวจวัดทุกแง่มุมการขับขี่ เช่น การเหยียบเบรกอย่างแรง การเร่งเครื่องกะทันหัน การเลี้ยวหักศอก และความเร็ว รวมทั้งตรวจสอบว่า คนขับเสียสมาธิไปกับโทรศัพท์บ่อยแค่ไหน และนำข้อมูลทั้งหมดไปประมวลเป็น “คะแนนความปลอดภัย” เมื่อถึงที่หมาย
แอปฟรีนี้ยังจัดแข่งขันตารางผู้นำที่คนขับจะทำคะแนนแข่งกับเพื่อน ครอบครัว และเพื่อนร่วมงาน นอกจากนั้นยังมีเคล็ดลับการขับขี่อย่างปลอดภัยเฉพาะบุคคลมาแนะนำ
คะแนนความปลอดภัยที่ได้สามารถใช้เป็นส่วนลดประกันภัยรถยนต์จากบริษัทประกันภัยที่เข้าร่วมโครงการ
ทั้งนี้ เคมบริดจ์ โมบาย เทเลเมติกส์เป็นบริษัทที่ถือกำเนิดจากโครงการของสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเสตส์ และบริหารโดยบาลากริชนัน และแซม แมดเดน ผู้ร่วมก่อตั้ง
ปีที่ผ่านมา บริษัทแห่งนี้เปิดการแข่งขันเพื่อค้นหาผู้ที่ขับรถปลอดภัยที่สุดในบอสตัน ปรากฏว่า มีผู้สมัครเกือบ 5,000 คน และ 98 คนได้รางวัลมูลค่ากว่า 3,400 ดอลลาร์
แมดเดนเสริมว่า ข้อมูลจากผู้ใช้ไดรฟ์เวลล์ 40,000 คนทั่วโลกบ่งชี้ว่า เมื่อใช้งานครบ 1 เดือน มีการใช้มือถือระหว่างขับรถลดลง 35% และการใช้เบรกอย่างหนักหน่วงลดลง 20%
นิก ลอยด์ ผู้จัดการฝ่ายความปลอดภัยบนท้องถนนของรอยัล โซไซตี้ ฟอร์ เดอะ พรีเวนชัน ออฟ แอกซิเดนต์ (รอสปา) ในสหราชอาณาจักร เห็นด้วยว่า แอปที่พัฒนามาเพื่อช่วยลดการเสียสมาธิของคนขับมีลู่ทางสดใส
อย่างไรก็ตาม เขาตั้งข้อสังเกตว่า เนื่องจากการใช้แอปเหล่านี้ขึ้นอยู่กับความสมัครใจ จึงไม่สามารถรู้ได้ว่า คนขับประเภทไหนที่มีแนวโน้มเลือกใช้แอปเหล่านี้ ขณะที่คนขับรถน่าเสียวไส้มักไม่รู้ตัวเองและไม่เห็นความจำเป็นในการหาตัวช่วย
กระนั้น หลายคนยังคงเดินหน้าหาวิธีแก้ปัญหาสมาร์ทโฟนพาเสี่ยง ซึ่งรวมถึงการตัดไฟแต่ต้นลมอย่างที่ร็อบ โจเซฟ นักพัฒนาแอปวัย 27 ปีในลอนดอนทำ
โจเซฟมองว่า ปัญหาของเรื่องนี้คือ การที่สมาร์ทโฟนส่งเสียงหรือสัญญาณเตือนตลอดเวลา ซึ่งทำให้ผู้ใช้เสียสมาธิ ดังนั้น เขาจึงคิดค้นแอป “รีดอิตทูมี” ซึ่งขณะนี้ยังใช้ได้กับระบบแอนดรอยด์เท่านั้น
หน้าที่ของแอปนี้คือ อ่านออกเสียงการแจ้งเตือนทั้งหมดบนมือถือ ซึ่งรวมถึงอีเมล และแอปรับส่งข้อความในโลกโซเชียลอย่างวอตส์แอป และในทางกลับกัน เปลี่ยนข้อความเสียงเป็นข้อความตัวอักษร โดยในระยะแรกนั้น รีดอิตทูมีจะอ่านได้หลายภาษา แต่ตอบกลับได้เพียงไม่กี่ภาษา
โจเซฟเล่าว่า ได้ไอเดียนี้ตอนที่ได้รับข้อความในมือถือขณะอยู่บนรถไฟในลอนดอน แต่คนเบียดกันแน่นมากจนไม่สามารถดึงโทรศัพท์จากกระเป๋ามาเปิดอ่านได้ ซึ่งเขาคิดว่า การหมกมุ่นกับความอยากรู้ว่า ข้อความนั้นคืออะไร ใครส่งมา ก็ทำให้เสียสมาธิได้เช่นเดียวกัน
เขายังบอกว่า แม้รถใหม่บางรุ่นมีฟังก์ชันอ่านข้อความ SMS แต่ยังไม่มีรุ่นไหนที่มีฟังก์ชันตอบกลับแบบรีดอิตทูมี
แอปนี้ที่ปัจจุบันมีคนใช้งานจริง 22,000 คน มีทั้งแบบเปิดให้ใช้ฟรีสำหรับการอ่าน SMS หรือคิดค่าบริการ 1.49 ปอนด์ (64 บาท) หากต้องการใช้ฟังก์ชันตอบกลับด้วยเสียงหรือแอปอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม ลอยด์จากรอสปาชี้ว่า ยังมีบางคนกังวลว่า แอปส่งเสริมการขับขี่อย่างปลอดภัย เช่น แอปอ่านข้อความโทรศัพท์ก็อาจทำให้เสียสมาธิได้เช่นเดียวกัน
สอดคล้องกับข้อมูลของเนชันแนล เซฟตี้ เคาน์ซิล ซึ่งเป็นองค์กรไม่หวังผลกำไรที่รณรงค์ส่งเสริมสุขภาพและความปลอดภัยในอเมริกา ที่ชี้ว่า อุปกรณ์แฮนด์ฟรีอาจอำนวยความสะดวกจริง แต่ก็ทำให้ผู้ใช้ต้องใช้ความคิดหลายอย่างพร้อมกัน จึงมีผลต่อความสามารถในการตอบสนองอย่างทันท่วงทีของคนขับ
สรุปง่ายๆ วิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือ ปิดเสียงโทรศัพท์ก่อนออกเดินทางทุกครั้ง
ขณะเดียวกัน สมาร์ทโฟนไม่ได้ทำให้คนขับเสียสมาธิเท่านั้น แต่ยังทำให้คนเดินเท้าขาดความระมัดระวัง ซึ่งเป็นที่มาของอุบัติเหตุบนท้องถนนเช่นเดียวกัน
ข้อเท็จจริงนี้คือที่มาของโครงการทดลองในเขตเทศบาล Bodegraven-Reeuwijk ของเนเธอร์แลนด์ โดยการติดตั้งไฟสัญญาณบนฟุตบาธเพื่อเตือนคนที่ก้มหน้าอยู่กับสมาร์ทโฟนตลอดเวลาไม่ให้เดินลงไปให้รถบนถนนชน
ไฟสัญญาณที่ว่าคือระบบ “+ไลท์ไลน์” จากเอชไอจี ทราฟฟิก ซิสเต็มส์ บริษัทในแดนกังหันลม ซึ่งเป็นแถบไฟ LED สีแดงและเขียวบริเวณก่อนถึงขอบทางเท้า เพื่อเตือนคนที่ก้มหน้าก้มตาอยู่กับมือถือให้รู้ว่า ต้องหยุดรอหรือเดินข้ามถนนไปได้เลย โดยแถบไฟ LED จะกะพริบเตือนก่อนไฟเปลี่ยนสี