ค่ายรถยนต์เอ็มจีเตรียมส่งรถใหม่ 2 รุ่น “เอ็มจี แซดเอส” รถเอนกประสงค์ขนาดย่อมเสริมทัพรุ่นพี่จีเอส ลงชิงชัยในตลาดเอสยูวี อีกทั้งมีแผนนำเข้า “เอ็มจี จีวี”ประกบคู่แข่งในตลาดเอ็มพีวีขนาดใหญ่ 7-11 ที่นั่ง หวังกวาดส่วนแบ่งยอดขายตลาดรถยนต์เมืองไทยสู่เป้าหมาย 20,000 คันในปีนี้
“เอ็มจี” (MG) แบรนด์รถยนต์เก่าแก่แบรนด์หนึ่งของโลกที่ปัจจุบันอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของ SAIC Motor Corporation Limited (ชื่อเดิม Shanghai Automotive Industry Corp) ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ของจีนตั้งแต่ปี 2551 โดยยุคใหม่ของเอ็มจีเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการในปี 2554 เมื่อเอ็มจีแนะนำตัว “เอ็มจี6” (MG6) ออกสู่ตลาดอังกฤษ
สำหรับการเข้ามาทำตลาดในเมืองไทยของเอ็มจี เกิดขึ้นเมื่อปี 2556 เป็นการร่วมทุนกันระหว่าง SAIC และเครือเจริญโภคภัณฑ์หรือซีพี ยักษ์ใหญ่ในแวดวงธุรกิจอาหารของไทย ในอัตราส่วน 51% และ 49% ตามลำดับ โดยก่อตั้งเป็นบริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด และบริษัท เอ็มจี เซลส์ ประเทศไทย
พร้อมทั้งลงทุนก่อสร้างโรงงานในประเทศไทยเพื่อประกอบรถยนต์ เอ็มจี แบบพวงมาลัยขวา ที่นิคมอุตสาหกรรมเหมราช จังหวัดชลบุรี ด้วยมูลค่าเงินลงทุนก้อนแรกกว่า 9,000 ล้านบาท มีกำลังการผลิต 50,000 คันต่อปี (อ้างอิงข้อมูลจาก ซี.พี.กรุ๊ป) พร้อมกับการขยายโรงงานเฟสสองที่คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในปีนี้ ดังนั้น จึงมั่นใจได้ทั้งในแง่ของเงินทุนและความตั้งใจจริงในการทำตลาดอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่การทำตลาด เอ็มจี เปิดตัวทำตลาดรุ่นแรกในเมืองไทยเมื่อปี 2557 ด้วยรุ่น “เอ็มจี6” รถยนต์แบบซีดานขนาดกลาง ที่มาพร้อมกับทางเลือกแฮทช์แบ็ก เช่นเดียวกับการประเดิมทำตลาดในบ้านเกิดที่ประเทศอังกฤษ
หลังจากนั้นปี 2558 เปิดตัวรุ่น “เอ็มจี3” (MG3) รถยนต์ขนาดเล็ก ต่อเนื่องด้วยการปรับโฉมแบบไมเนอร์เชนจ์ให้กับเอ็มจี6 ในช่วงกลางปี และปลายปีก็เปิดตัวรุ่น “เอ็มจี5”(MG5) ซีดานขนาดคอมแพกต์ออกสู่ตลาดอีกหนึ่งรุ่น และล่าสุดในปี 2559 เอ็มจีทำตลาดรุ่น “จีเอส” (GS) รถยนต์เอนกประสงค์แบบเอสยูวี
อย่างไรก็ตาม การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่แบบต่อเนื่องเช่นนี้ ทำให้ยอดขายของเอ็มจีเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างน่าประทับใจ ด้วยยอดขายปี 2558 ทำได้ 3,779 คัน และปี 2559 อยู่ที่ 8,319 คัน (ไม่นับรวมปี 2557 เพราะมีระยะเวลาขายเพียงครึ่งปี) ดังนั้น ในปี 2560 นี้ นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศขอตั้งเป้ายอดขายด้วยตัวเลขสุดท้าทายที่ 20,000 คันต่อปี
แต่อะไรคือปัจจัยหลักที่ทำให้เอ็มจีกล้าตั้งเป้าหมายการขายแบบมังกรทะยานฟ้าเช่นนี้ คำตอบที่เป็นไปได้คือ “โปรดักซ์ใหม่ที่กำลังจะออกมาสู่ตลาด” ซึ่งเอ็มจีวางแผนเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ 2 รุ่นในปีนี้ โดยจะทำให้มีรถยนต์ในไลน์การขายถึง 6 รุ่นด้วยกัน ว่าแต่รถยนต์ 2 รุ่นใหม่ที่จะเปิดหน้าตาเป็นอย่างไร “MGR มอเตอริ่ง” หาคำตอบมาเฉลยให้เรียบร้อย
โมเดลแรกหลายคนอาจจะเคยได้เห็นมาบ้างแล้ว สำหรับ “เอ็มจี แซดเอส”(MG ZS) ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อปลายปี 2559 ที่ประเทศจีน และกำลังเตรียมตัวทำตลาดในเมืองไทย โดยแซดเอสเป็นรถแบบเอนกประสงค์เอสยูวีขนาดเล็กกว่ารุ่นจีเอส มิติขนาดตัวถังยาว 4,314 มม. กว้าว 1,809 มม. สูง 1,648 มม. ฐานล้อ 2,585 มม. ซึ่งมากับเทคโนโลยีล้ำหน้ากว่ารถยนต์รุ่นอื่นๆ ด้วยระบบเชื่อมต่ออินเตอร์เนตแบบอัจฉริยะ
แซดเอส ทำตลาดในประเทศจีน ด้วย 2 เครื่องยนต์หลัก ได้แก่ เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 120 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 150 นิวตัน-เมตร มากับทางเลือกเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด อีกเครื่องยนต์เป็นเบนซิน 3 สูบ เทอร์โบ ไดเรคอินเจคชัน ขนาด 1.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 125 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 170 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6สปีด (DCT)
ขณะที่อีกรุ่นซึ่งจะเปิดตัวปีนี้เป็นโมเดลที่ทางเอ็มจีหยิบยกมาจากแบรนด์ร่วมเครือของ SAIC อย่าง “Maxus G10” ซึ่งเป็นรถยนต์แบบเอนกประสงค์ (MPV) 7-11 ที่นั่ง โดยจะเป็นการนำเข้าจากจีนมาทำตลาดในเมืองไทย ภายใต้ชื่อ “เอ็มจี จีวี”(MG GV)
สำหรับข้อมูลของเอ็มจี จีวี เป็นอย่างไร เช็คจากสเปกของ Maxus G10 พบว่า มิติตัวถังมีขนาดความยาว 5,168 มม. กว้าง 1,980 มม. สูง 1,928 มม. และความยาวฐานล้อ 3,198 มม. นั่นหมายความว่า ฮุนได เอช1 คือ คู่แข่งโดยตรงของเอ็มจี จีวี อย่างไม่ต้องสงสัย
ส่วนเครื่องยนต์ตามสเปกที่จำหน่ายในประเทศจีนมี 2 ทางเลือกหลัก คือ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ เทอร์โบ ไดเรคอินเจคชัน ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 225 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 345 นิวตัน-เมตร และเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ ขนาด 1.9 ลิตร ให้กำลังสูงสูด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ระบบส่งกำลังมีให้เลือกทั้งแบบเกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
อย่างไรก็ตาม สเปกที่ทำตลาดในเมืองไทยและราคาของทั้งเอ็มจี แซดเอสและจีวี จะเป็นอย่างไร คงต้องรอการเปิดตัวอย่างเป็นทางการจากทางเอ็มจี ประเทศไทย ก่อนจึงจะมีความชัดเจนอีกครั้ง ส่วนเป้าหมาย 20,000 คันของปีนี้ กับทางเลือกรถยนต์ที่ทำตลาด 6 รุ่น จะไปถึงหรือไม่ สิ้นปีนี้รู้กัน.