ข่าวในประเทศ-สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย เตรียมพร้อมประกาศผล “Thailand Car of The Year 2016” ดีเดย์ 15 มีนาคมนี้ ณ สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีรังสิต หลังเสร็จสิ้นการร่วมลงคะแนนของสมาชิกสมาคมฯ และผู้ทรงคุณวุฒิในสายสื่อยานยนต์ ย้ำชัดรางวัลเดียวในภูมิภาคที่สื่อสายยานยนต์ร่วมจัดทำ
ยุทธพงษ์ ภาษี นายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) เปิดเผยว่า โครงการ “รถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี 2559” (THAILAND CAR OF THE YEAR 2016) ได้จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 และได้ผ่านการคัดเลือกเข้ามาถึงช่วงโค้งสุดท้าย และพร้อมที่จะประกาศผลรางวัลแล้ว โดยทางคณะกรรมการสมาคมฯ ได้จัดให้สมาชิกฯ ได้ลงคะแนนและกิจกรรมทดสอบรถยนต์ที่มีคุณสมบัติ (Qualify) เข้าชิงรางวัล ทั้ง 10 รุ่น ได้แก่ มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 (Mazda CX-3), เอ็มจี5 (MG5), เอ็มจี จีเอส (MG GS), บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์ วัน (BMW X1), บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีย์ 7 (BMW 7 Series), ฮอนด้า บีอาร์-วี (Honda BR-V), ฮอนด้า ซีวิค (Honda Civic), ไทยรุ่ง ทีอาร์ ทรานส์ฟอเมอร์ ทู (Thairung TR Transformer 2), เมอร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลซี (Mercedes-Benz GLC) และ เมอร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลอี (Mercedes-Benz GLE)
โดยรางวัลดังกล่าวของสมาคมฯ ได้รับเกียรติจากคณะกรรมการสักขีพยานผู้ทรงคุณวุฒิด้านยานยนต์ และสื่อมวลชนนักทดสอบรถ คอลัมน์นิส นักข่าว บก.ข่าวสายยานยนต์ ซึ่งเป็นสมาชิกสมาคมฯ กว่า 50 ท่าน
สำหรับหลักเกณฑ์การคัดเลือกของสมาคมฯ คือ ต้องเป็นรถยนต์รุ่นใหม่ (Model Change) ที่เปิดตัวแนะนำผลิตภัณฑ์สู่ตลาดในช่วง 12 เดือน เป็นรถยนต์ที่เปิดตัวแนะนำ (Official Launching) โดยตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมประกาศราคาขายอย่างเป็นทางการ, เป็นรถยนต์ที่ประกอบในประเทศ (CKD) กรณีที่ผู้ผลิตเปลี่ยนการผลิตจากรถ CBU เป็นรถ CKD ให้ถือการ Re-Launch รถยนต์ประกอบในประเทศ (CKD, SKD) เป็นการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ด้วย
สำหรับปีนี้การตัดสินของคณะกรรมการได้แบ่งออกเป็น 2 รอบ ได้แก่ รอบแรก คณะกรรมการเลือกรถยนต์ที่เข้าคุณสมบัติ (Qualify) ครึ่งหนึ่งของจำนวนที่เข้ารอบมาทั้งหมด (ปีนี้มีรถยนต์เข้ารอบสุดท้าย 10 คันให้เลือกเพียง 5 คัน) โดยรถยนต์ที่ถูกเลือกจะได้รับคันละหนึ่งคะแนน ต่อกรรมการหนึ่งท่าน และเมื่อได้ผลการคัดเลือกแล้ว ให้นำรถทั้งหมดที่เข้าคุณสมบัติ (Qualify) ไปลงคะแนนในรอบตัดสิน (Final Round) ต่อไป
ขณะที่รอบตัดสิน (Final Round )คณะกรรมการจะพิจารณาตัดสินรถที่ผ่านการคัดเลือกจากรอบแรกให้ได้รับรางวัลเพียง 1 คันเท่านั้น โดยหลักเกณฑ์ คือ คณะกรรมการแต่ละคนจะมีคะแนนอยู่ 25 คะแนน กรรมการจะต้องให้คะแนนอย่างน้อย 5 คัน คันใดที่กรรมการพิจารณาตามองค์ประกอบแล้วชื่นชอบที่สุดจะต้องให้คันนั้น 10 คะแนน ส่วนที่เหลืออีก 15 คะแนน ให้กระจายไปยังรถคันอื่น ห้ามมิให้คะแนนเต็ม 10 เท่ากับรถที่เลือกไว้เป็นลำดับแรก และสมาคมฯ จะประกาศผล ในวันที่ 15 มีนาคมนี้ ณ สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีรังสิต เวลา 19.00 น. เป็นต้นไป
ทั้งนี้ โครงการ “รถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี” (THAILAND CAR OF THE YEAR) ริเริ่มรางวัลครั้งแรกในปี 2559 โดยต้องการที่จะพัฒนาศักยภาพของอุตสาหกรรมยานยนต์ ให้มีความก้าวหน้า รวมถึงต้องการให้มีส่วนนำเสนอข้อมูลเพื่อผู้บริโภคใช้ในการตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ที่มีคุณภาพ, สมรรถนะดี, มีความสะดวกสบาย,ปลอดภัย, อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และที่สำคัญที่สุด คือ ความคุณค่าของรถและความคุ้มค่าของราคาได้อีกด้วย ซึ่งรถยนต์รุ่นแรกที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ คือ ฟอร์ด เอเวอร์เรส
ยุทธพงษ์ ภาษี นายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) เปิดเผยว่า โครงการ “รถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี 2559” (THAILAND CAR OF THE YEAR 2016) ได้จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 และได้ผ่านการคัดเลือกเข้ามาถึงช่วงโค้งสุดท้าย และพร้อมที่จะประกาศผลรางวัลแล้ว โดยทางคณะกรรมการสมาคมฯ ได้จัดให้สมาชิกฯ ได้ลงคะแนนและกิจกรรมทดสอบรถยนต์ที่มีคุณสมบัติ (Qualify) เข้าชิงรางวัล ทั้ง 10 รุ่น ได้แก่ มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 (Mazda CX-3), เอ็มจี5 (MG5), เอ็มจี จีเอส (MG GS), บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์ วัน (BMW X1), บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีย์ 7 (BMW 7 Series), ฮอนด้า บีอาร์-วี (Honda BR-V), ฮอนด้า ซีวิค (Honda Civic), ไทยรุ่ง ทีอาร์ ทรานส์ฟอเมอร์ ทู (Thairung TR Transformer 2), เมอร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลซี (Mercedes-Benz GLC) และ เมอร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลอี (Mercedes-Benz GLE)
โดยรางวัลดังกล่าวของสมาคมฯ ได้รับเกียรติจากคณะกรรมการสักขีพยานผู้ทรงคุณวุฒิด้านยานยนต์ และสื่อมวลชนนักทดสอบรถ คอลัมน์นิส นักข่าว บก.ข่าวสายยานยนต์ ซึ่งเป็นสมาชิกสมาคมฯ กว่า 50 ท่าน
สำหรับหลักเกณฑ์การคัดเลือกของสมาคมฯ คือ ต้องเป็นรถยนต์รุ่นใหม่ (Model Change) ที่เปิดตัวแนะนำผลิตภัณฑ์สู่ตลาดในช่วง 12 เดือน เป็นรถยนต์ที่เปิดตัวแนะนำ (Official Launching) โดยตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมประกาศราคาขายอย่างเป็นทางการ, เป็นรถยนต์ที่ประกอบในประเทศ (CKD) กรณีที่ผู้ผลิตเปลี่ยนการผลิตจากรถ CBU เป็นรถ CKD ให้ถือการ Re-Launch รถยนต์ประกอบในประเทศ (CKD, SKD) เป็นการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ด้วย
สำหรับปีนี้การตัดสินของคณะกรรมการได้แบ่งออกเป็น 2 รอบ ได้แก่ รอบแรก คณะกรรมการเลือกรถยนต์ที่เข้าคุณสมบัติ (Qualify) ครึ่งหนึ่งของจำนวนที่เข้ารอบมาทั้งหมด (ปีนี้มีรถยนต์เข้ารอบสุดท้าย 10 คันให้เลือกเพียง 5 คัน) โดยรถยนต์ที่ถูกเลือกจะได้รับคันละหนึ่งคะแนน ต่อกรรมการหนึ่งท่าน และเมื่อได้ผลการคัดเลือกแล้ว ให้นำรถทั้งหมดที่เข้าคุณสมบัติ (Qualify) ไปลงคะแนนในรอบตัดสิน (Final Round) ต่อไป
ขณะที่รอบตัดสิน (Final Round )คณะกรรมการจะพิจารณาตัดสินรถที่ผ่านการคัดเลือกจากรอบแรกให้ได้รับรางวัลเพียง 1 คันเท่านั้น โดยหลักเกณฑ์ คือ คณะกรรมการแต่ละคนจะมีคะแนนอยู่ 25 คะแนน กรรมการจะต้องให้คะแนนอย่างน้อย 5 คัน คันใดที่กรรมการพิจารณาตามองค์ประกอบแล้วชื่นชอบที่สุดจะต้องให้คันนั้น 10 คะแนน ส่วนที่เหลืออีก 15 คะแนน ให้กระจายไปยังรถคันอื่น ห้ามมิให้คะแนนเต็ม 10 เท่ากับรถที่เลือกไว้เป็นลำดับแรก และสมาคมฯ จะประกาศผล ในวันที่ 15 มีนาคมนี้ ณ สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีรังสิต เวลา 19.00 น. เป็นต้นไป
ทั้งนี้ โครงการ “รถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี” (THAILAND CAR OF THE YEAR) ริเริ่มรางวัลครั้งแรกในปี 2559 โดยต้องการที่จะพัฒนาศักยภาพของอุตสาหกรรมยานยนต์ ให้มีความก้าวหน้า รวมถึงต้องการให้มีส่วนนำเสนอข้อมูลเพื่อผู้บริโภคใช้ในการตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ที่มีคุณภาพ, สมรรถนะดี, มีความสะดวกสบาย,ปลอดภัย, อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และที่สำคัญที่สุด คือ ความคุณค่าของรถและความคุ้มค่าของราคาได้อีกด้วย ซึ่งรถยนต์รุ่นแรกที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ คือ ฟอร์ด เอเวอร์เรส