xs
xsm
sm
md
lg

Connected Car รถมหาสะดวก ดาวรุ่งพุ่งไกลตลาดใหญ่หลัก$ล้านล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ในอนาคตอันใกล้ ผู้ใช้รถฟอร์ดในอเมริกาจะสามารถสั่งสตาร์บัคส์ “กลางอากาศ” ด้วยการกดปุ่มเพียงปุ่มเดียวในรถและรับกาแฟหอมกรุ่นทันทีที่ถึงร้าน
Connected Car ยานยนต์ยุคไฮสปีดภายใต้โจทย์ในการทำให้รถยนต์เป็นอุปกรณ์เคลื่อนที่เต็มตัวเช่นเดียวกับสมาร์ทโฟน ถือเป็นตลาดดาวรุ่งอนาคตไกลที่ผู้เชี่ยวชาญคาดหมายว่า จะมีมูลค่าถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ภายใน 10 ปี

ในงานคอนซูเมอร์ อิเล็กทรอนิกส์ โชว์ที่ลาสเวกัสเมื่อต้นปี ฟอร์ด มอเตอร์ประกาศแผนรวมแอปพลิเคชันอเมซอน อเล็กซาในระบบอินโฟเทนเมนต์ “ซิงก์ 3” ช่วงฤดูร้อนนี้ นั่นหมายความว่า ต่อไปผู้ใช้รถฟอร์ดในอเมริกาจะสามารถสั่งกาแฟสตาร์บัคส์ “กลางอากาศ” ด้วยการกดปุ่มเพียงปุ่มเดียวและรับกาแฟทันทีที่ไปถึงร้าน รวมถึงสั่งเปิด-ปิดไฟที่บ้าน เปิดฮีทเตอร์ก่อนถึงบ้าน ฯลฯ

ถอยหลังไปไกลอีกนิด กลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เอสเค เทเลคอมของเกาหลีใต้ ร่วมกับอิริกสัน ทดลอง ‘T5’ หรือ Connected Car 5G คันแรกของโลกที่ศูนย์ทดสอบการขับขี่ขนาด 240,000 ตารางเมตรของบีเอ็มดับเบิลยูในเมืองอินชอน

T5 เชื่อมต่อกับเครือข่ายที่มีสัญญาณครอบคลุมทั่วศูนย์ทดสอบของบีเอ็มดับเบิลยู ผ่านเทคโนโลยี 5G และ vehicle-to-everything โดยมีการหน่วงเวลาในการสื่อสารระหว่างรถกับรถหรือรถกับอุปกรณ์แวดล้อมต่ำมาก

อเล็กซ์ จินซุง ชอย จากเอสเค เทเลคอม บอกว่า เทคโนโลยี 5G ไม่ได้นำเสนอแค่การรับส่งข้อมูลความเร็วสูงเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถมอบบริการทรงพลังและมีคุณค่าอย่างไม่เคยมีมาก่อนให้แก่ลูกค้า รวมทั้งยังเป็นพื้นฐานสำหรับการขับขี่อัตโนมัติที่สมบูรณ์ในอนาคต

ประสบการณ์ราบรื่นของ Connected Car ที่นับวันจะน่าประทับใจขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เคพีเอ็มจี หนึ่งในบริษัทตรวจสอบบัญชียักษ์ใหญ่ของโลก คาดหมายว่า ตลาดนี้จะมีมูลค่าถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ภายใน 10 ปีข้างหน้า

สำหรับปีนี้เรายังจะได้เห็นกระบวนการพัฒนาที่หันมามุ่งเน้นที่ผู้บริโภคมากขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งจะทำให้ประสบการณ์ Connected Car กลายเป็นเรื่องของผู้ใช้กับบริการมากกว่าผลิตภัณฑ์ ดังนั้น บริษัทรถยนต์จึงต้องทุ่มเทพัฒนาระบบที่สามารถเชื่อมโยงระหว่างรถ คนขับ อุปกรณ์ และแอปพลิเคชัน

บรรดาผู้ผลิตรถต่างเดิมพันขนานใหญ่กับเทคโนโลยีนี้ เช่น โตโยต้าที่กำลังร่วมกับไคมีตาติดตั้งเสาอากาศแบบแบนผ่านดาวเทียมบนรถของบริษัท ด้านโฟล์คสวาเก้นเตรียมติดตั้งอเล็กซาในรถรุ่นต่างๆ ในอนาคตอันใกล้ รวมทั้งติดตั้งโมเด็ม 5G ในรถไฟฟ้าตระกูลไอดี

ฮุนไดจัดการรวมอเล็กซาเข้ากับบลูลิงก์ ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันการเชื่อมต่อภายในรถของบริษัท โดยรถทุกรุ่นที่จะออกวางจำหน่ายในปีนี้ รวมถึงรุ่นปี 2015 และ 2016 บางรุ่นจะสามารถใช้เสียงสั่งให้อเล็กซาสตาร์ทรถ ชาร์จแบตเตอรี่ ตั้งอุณหภูมิภายในห้องโดยสารล่วงหน้า ล็อกหรือปลดล็อกรถ เปิดไฟ บีบแตร

บลูลิงก์ยังช่วยเจ้าของตามหารถในที่จอดหรือแม้แต่รถที่ถูกขโมย และขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน แอปพลิเคชันนี้ยังทำงานร่วมกับแอนดรอยด์ แวร์ และแอปเปิล วอตช์ หมายความว่า ผู้ใช้สามารถสั่งให้นาฬิกาอัจฉริยะสตาร์ทรถได้

ความคาดหวังของบริษัทรถยนต์คือ การทำให้รถยนต์เป็นอุปกรณ์เคลื่อนที่เต็มตัวเช่นเดียวกับสมาร์ทโฟนในขณะนี้

ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา เรา “Connected” กับสิ่งต่างๆ ผ่านเทคโนโลยี cloud ที่เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของอุปกรณ์มากมาย ไม่เว้นแม้แต่ตู้เย็น และช่วง 5 ปีมานี้ ความสามารถในการเชื่อมต่อได้สร้างประสบการณ์การขับขี่แปลกใหม่ด้วยเนื้อหาและบริการที่ทำให้การเดินทางปลอดภัย ง่ายดาย และสนุกสนานมากขึ้น

ขณะเดียวกัน ยิ่งใช้เวลาอยู่หลังพวงมาลัยนานขึ้นเท่าไหร่ เรายิ่งต้องการที่จะสามารถเข้าถึงข้อมูลและเนื้อหามากขึ้นเพื่อทำงานและทำให้เวลาสูญเปล่าน้อยที่สุด

เว็บไซต์ข่าว บิสซิเนส อินไซเดอร์ คาดว่า ในปี 2020 รถยนต์ 75% ที่จัดส่งทั่วโลกประมาณ 92 ล้านคัน จะติดตั้งฮาร์ดแวร์สำหรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

ปัจจุบัน รถหลายรุ่นสามารถใช้คลาวด์เพื่อส่งข้อความ ค้นหาสถานที่น่า
สนใจ นำทาง ฟังเพลง จองหรือซื้อตั๋วหนัง ซึ่งเท่ากับเป็นการลดความจำเป็นในการพึ่งพาสมาร์ทโฟนลงถนัดใจ

นอกจากนี้ยังมีการฝังซอฟต์แวร์วิเคราะห์ข้อมูลในโมดูลและเซ็นเซอร์อัจฉริยะของ Connected Car เพื่อให้เจ้าของรถ ผู้ผลิต และผู้ให้บริการ รับรู้ข้อมูลสถานะและสภาวะของรถและระบบต่างๆ ในรถ ซึ่งเท่ากับเป็นการเพิ่มเติมเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) และความสามารถในการรู้คิดเข้ากับระบบอินโฟเทนเมนต์ ส่งผลให้ระบบในรถยนต์สามารถฟังและเข้าใจคำสั่งของผู้ใช้ แนะนำเส้นทาง รวมกระทั่งอัพเดตข่าวสาร และเลือกเพลง ตลอดจนค้นหาที่จอดรถที่ดีที่สุด แนะนำข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับการซ่อมบำรุง อัตราการใช้น้ำมันต่อระยะทาง และข้อมูลการวินิจฉัยที่สำคัญ

ตัวอย่างเช่นบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 7 ที่ออกวางตลาดช่วงปลายปี 2015 ที่มีความสามารถในการรับคำสั่งด้วยเสียงโดยใช้เทคโนโลยีนิวรอลเน็ตที่จะให้ข้อมูลสถานที่น่าสนใจ เพลง รับส่งข้อความ และวินิจฉัยสภาพรถแก่ผู้ขับขี่อย่างรวดเร็วทันใจ

ลอรา ดิดิโอ ผู้อำนวยการแผนกวิจัยด้าน IoT (Internet of Things) ของสเตรทเตอจี อะนาลิติกส์ ตั้งข้อสังเกตว่า ตลาดระบบวิเคราะห์ข้อมูลในรถยนต์ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นแต่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และระบบสั่งงานด้วยเสียงจะเข้ามามีบทบาทอย่างมากเพื่อจัดหาข้อมูลแบบเรียลไทม์ให้แก่ผู้ขับขี่

กุญแจสำคัญของสังคมที่ทุกสิ่งเชื่อมต่อกันผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์คือ อุปกรณ์อัจฉริยะเหล่านั้นต้องฉลาดพอที่จะเชื่อมต่อกันได้ เช่น การใช้แอปพลิเคชันในรถปิดประตูรั้วที่เปิดทิ้งไว้ หรือแจ้งเตือนว่า คุณลืมปิดประตูรั้ว รวมทั้งสั่งเปิดเครื่องปรับอากาศที่บ้านเพื่อให้ได้อุณหภูมิกำลังดีเมื่อกลับถึงบ้านโดยอิงกับตำแหน่งที่ตั้งปัจจุบันของคุณ ความเร็วของรถ และสภาพการจราจร หรือในทางกลับกันคือใช้ฮับอัจฉริยะที่บ้านเตรียมเส้นทางโดยอิงกับข้อมูลการจราจรที่ได้รับและเส้นทางโปรด

ข่าวดีก็คือ ระบบเหล่านี้เป็นรูปเป็นร่างอย่างชัดเจน โดยบีเอ็มดับเบิลยู แล็บส์ได้พัฒนาวิดเจ็ต ทรู คอนเน็กต์ไดรฟ์ ที่ทำให้ผู้ขับขี่สามารถเปิดประตูรั้วเมื่อใกล้ถึงบ้าน เปิดไฟก่อนเข้าบ้าน และรับอีเมลแจ้งตำแหน่งที่จอดรถ

บีเอ็มดับเบิลยูยังเปิดตัวแอปพลิเคชันสมาร์ทวอตช์ที่สามารถสั่งจอดรถจากระยะไกลตั้งแต่ปี 2015 ขณะที่ฟอร์ดเดินหน้าสำรวจความเป็นไปได้ในการรวมระบบบ้านอัจฉริยะเข้ากับซิงก์ ส่วนเมอร์เซเดสร่วมกับเนสต์ทำระบบควบคุมการปรับอุณหภูมิภายในบ้านจากในรถ

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้บ่งชี้ตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตสูงสำหรับบริษัทรถยนต์และผู้เล่นในระบบ IoT จากการคาดการณ์ของดิดิโอ รายได้ทั่วโลกของระบบวิเคราะห์ข้อมูลปริมาณมาก (Big Data) ที่เปิดใช้งาน IoT จะเติบโตแบบชี้กำลังจาก 36,200 ล้านดอลลาร์ในปี 2015 เป็น 73,770 ล้านดอลลาร์ในปี 2021 และเพิ่มเป็น 81,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2022 โดยมีอัตราเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปีกว่า 12% ในช่วง 7 ปีหน้า ขณะที่รายได้จากซอฟต์แวร์วิเคราะห์ข้อมูลในภาคยานยนต์มีแนวโน้มโตระเบิดเถิดเทิงพอกัน

แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้นได้ บริษัทรถต้องทำให้ลูกค้ายอมรับ Connected Car และบริการที่เกี่ยวเนื่อง ด้วยการสร้างสรรค์อุปกรณ์และบริการทั้งหมดให้ใช้งานได้อย่างง่ายดายและเป็นประโยชน์สำหรับลูกค้า ควบคู่ไปกับการสร้างข้อเสนอที่แตกต่างจากคู่แข่งอย่างแท้จริง
กำลังโหลดความคิดเห็น