xs
xsm
sm
md
lg

ปิดดอยไล่ควบม้า Esperienza Ferrari

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กิจกรรมพิเศษภายใต้ชื่อ Esperienza Ferrari คืองานที่จัดขึ้นเพื่อให้ลูกค้าที่สนใจจะเป็นเจ้าของเจ้าม้าลำพองได้ทดลองขับ โดยจะจัดขึ้นเป็นประจำทุกครั้งหลังมีรถรุ่นใหม่เปิดตัวออกมา ซึ่งครั้งนี้เป็นคิวของการลอง เฟอร์รารี่ 488 MGR มอเตอริ่ง ได้รับเชิญให้เข้าร่วมทดลองขับด้วยจึงไม่พลาดนำมาเล่าสู่กันฟังเหมือนเช่นเคย
Ferrari 488Spider (ซ้าย) Ferrari 488GTB (ขวา)
เมื่อเฟอร์รารี่เปลี่ยนไป

สิ่งแรกคือจงลืมภาพเก่าของรถเฟอร์รารี่ที่เน้นแต่ความแรงโดยไม่สนใจอุปกรณ์อำนวยความสะดวก เพราะเจ้า 488 นั้นถูกสร้างมาบนแนวคิดใหม่ แต่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์เฉพาะตัวของสายพันธ์ม้าลำพอง โดย 488 นั้นออกมาทำตลาดแทนรุ่น 458 ที่หยุดการผลิตไป โดยรถสปอร์ตตัวขายมาตรฐานของค่ายเฟอร์รารี่ มีตัวถัง 2 แบบหลักคือรุ่น GTB หลังคาแข็ง และรุ่น Spider แบบเปิดประทุนหลังขาแข็ง โดยในงานนี้มีรถให้เราลองทั้ง 2 แบบตัวถัง

สำหรับรุ่นหลังคาแข็งเปิดประทุนนี้สามารถก้าวข้ามข้อจำกัดของรถเครื่องยนต์วางกลาง ซึ่งมีพื้นที่จำกัดในการเก็บหลังคาแข็ง แต่เฟอร์รารี่ทำได้ อีกทั้งยังสามารถลดเสียงดังจากเครื่องยนต์ลงไปได้อีกด้วย การเปิด-ปิดหลังคาใช้เวลาประมาณ 14 วินาที เท่านั้น
จอดเรียงครบทั้ง 3 คัน
หลักอากาศพลศาสตร์คือสิ่งสำคัญของแนวคิดในการออกแบบเจ้า 488 ไม่ว่าจะเป็นกันชนหน้า ขอบเส้นสันต่างๆ ของตัวถังรถ ออกแบบตามแนวคิดของรถ F1 อย่างพิถีพิถัน อาศัยแรงกดจากลมขณะวิ่งมาช่วยในการทำให้รถเกาะถนนมากขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 50% rear diffuser ถูกนำมาใช้และควบคุมด้วย CPU ที่จะประมวลผลและปรับทุกอย่างตามการขับขี่
มาจอดจบทริปที่งานบอลลูน ณ สิงห์ปาร์ค เชียงราย
ห้องโดยสาร มากับแนวคิดของรถ F1 เช่นกัน ทุกสิ่งอย่างสามารถควบคุมจากพวงมาลัยทรงสปอร์ต ทั้งการติด/ดับเครื่องยนต์ ปรับโหมดการขับขี่ และการเปลี่ยนเกียร์ พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกหลากหลายรายการที่เฟอร์รารี่ไม่เคยมีก่อน อาทิ ระบบกุญแจKeyless เป็นต้น (ห้ามหายนะครับเพราะค่าทำใหม่ดอกละกว่า 3 แสนบาท)
เครื่องยนต์วางกลางในรุ่น 488 Spider เปิดประทุน
สำหรับหัวใจของเจ้า 488 ทั้งโฉม GTB และ Spider วางเครื่องยนต์ วี8 ขนาดความจุ 3,902 ซีซี เทอร์โบ ซึ่งถือเป็นโมเดลแรกที่เฟอร์รารี่เลือกนำเทอร์โบมาติดตั้งในเครื่องยนต์ที่ออกจำหน่ายอย่างเป็นทางการ โดยเฟอร์รารี่บอกว่า เทอร์โบ ที่ติดตั้งเข้าไปนั้นได้รับการปรับแต่งให้ตอบสนองได้ทันทีแบบไม่มีอาการหน่วงหรือขาดตอน แบบที่เราเรียกกันคุ้นปากว่า เทอร์โบ แล็ก (Turbo lag 0%)
เครื่องยนต์ในรุ่น 488 GTB จะเปิดเห็นได้กว้างกว่ารุ่นเปิดประทุน
ในด้านของสมรรถนะตามสเปคของเฟอร์รารี่ระบุว่า 488 มีกำลังสูงสุด 670 แรงม้าที่ 8,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 760 นิวตันเมตรสามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 3 วินาที และ 0-200 กม./ชม. ได้ในเวลา 8.3 วินาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติดูอัลครัทช์ 7 สปีด แล้วการขับจริงเป็นอย่างไรไปลองสัมผัสกัน
ภาพมุมสูง ขณะขับบนดอยแม่สลอง เข้าโค้งมั่นใจทุกย่านความเร็ว
488 ขับง่ายสนุกได้ทุกวัน

เส้นทางที่เราขับนั้นมีระยะทางรวมกว่า 100 กม. ครบถ้วนทั้งถนนธรรมดา ที่มีการก่อสร้าง และทางแบบขึ้นลงดอย คันแรกที่เราได้ขับเป็น 488 spider ความรู้สึกแรกบอกเลยว่า ตื่นเต้น แต่เมื่อได้กดคันเร่งออกตัวไป สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนๆ

488 ขับง่ายมาก มีมุมมองที่กว้าง แม้ตัวถังจะเตี้ยตามสไตล์รถสปอร์ต แต่มองเห็นทุกเหลี่ยมมุม ไม่รู้สึกอึดอัดหรือคับแคบแต่อย่างใด การบังคับควบคุมพวงมาลัยแม่นยำ คันเร่งตอบสนองอย่างทันใจทุกครั้งที่กด เราลองกดคันเร่งแบบคิกดาวน์มิดเท้า รอบเครื่องยนต์พุ่งขึ้นไปถึงเรดไลน์ นอกจากหลังติดเบาะแล้ว ตัวรถมีอาการสะบัดทันที แต่ด้วยระบบความปลอดภัยทั้ง Traction Control และ ESC ทำให้รถไม่เสียการทรงตัว ยังควบคุมได้สบาย
ลองเปิดประทุนขับลมประทะเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
การขับโดยเปิดหลังคามีลมเข้ามาประทะบ้างเล็กน้อย ในแง่ของสมรรถนะการเกาะถนนและการเข้าโค้งคงไม่ต้องบรรยายมากเพราะนี่คือขีดสุดของเทคโนโลยีจากสนามแข่งลงมาสู่ถนนจริง ด้วยตัวถังที่เตี้ยจำต้องระวังลูกระนาดและคอสะพานอยู่ตลอด ดังนั้นเราจึงไม่สามารถลองทำความเร็วสูงสุดได้ ส่วนใหญ่จะวิ่งเฉลี่ยราว 100 กม./ชม.

หลังจากนั้นเราได้เปลี่ยนมาทดลองขับ 488 GTB แบบหลังคาแข็งเปิดไม่ได้ โดยคันนี้เป็นรถที่มาจากมาเลเซีย ซึ่งเป็นคันที่มีออพชั่นเสริมเยอะที่สุดใน 3 คัน ภายในเป็นคาร์บอนเคฟล่าร์ทั้งคอนโซลพร้อมจอพิเศษและลำโพง JBL ความแตกต่างที่สัมผัสคือ ช่วงล่าง เราขับแล้วรู้สึกว่า แข็งกว่า รุ่น spider (แม้ปรับโหมดขับขี่แล้วก็ตาม) ส่วนการตอบสนองอื่นๆ โดยรวมไม่แตกต่างกันอย่างใด
จังหวะเร่งแซงสบายทุกย่านความเร็ว
จุดประสงค์สำคัญของการขับครั้งนี้คือ การได้ลองใช้งานทั้งแบบชนบทขึ้นเขา-ลงเขา และขับในเมือง ซึ่งเส้นทางที่ใช้มีทั้งแบบการจราจรหนาแน่น รถติดไฟแดง มอเตอร์ไซค์ขับเบียด ทางโล่งมีหลุมบ่อ และถนนกำลังก่อสร้าง บอกได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า “นี่คือเฟอร์รารี่ที่คุณขับได้ทุกวัน”
เพื่อความปลอดภัย ขับกันเป็นขบวน
เหมาะกับใคร

เฟอร์รรารี่ 488 มีค่าตัวเริ่มต้น 600,000 ยูโร (ราว22.8ล้านบาท อัตราแลกเปลี่ยนที่ 38 บาท/ยูโร) นอกจากมีกำลังทรัพย์มากพอ สิ่งสำคัญคือ ใครคนนั้นจะต้องมีใจรักในความเป็นม้าลำพองแบบสุดติ่ง ซึ่ง 488 สามารถสืบสาน DNA อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเฟอร์รารี่ที่ไม่มีแบรนด์ใดบนพื้นพิภพนี้เสมอเหมือน หากได้ลองแล้วคุณจะหลงรักม้าตัวนี้อย่างไม่รู้ตัว เช่นเดียวกับลูกค้าทุกคนที่มาลอง จบด้วยการจอง 2 ล้านบาททุกรายไป
บั้นท้ายงดงามตามสไตล์สปอร์ต
ภายใน หรูหราและสปอร์ต
พวงมาลัยแกะแบบมาจาก F1 สามารถควบคุมทุกอย่งได้จากที่นี่
ปุ่มสีแดงคือ ตัวติดและดับเครื่องยนต์
ตัวปรับโหมดการขับขี่ มีให้เลือก 5 แบบ  ด้านบนขวาคือปุ่มควบคุมที่ปัดน้ำฝน
ปุ่มเกียร์ R คือกดเมื่อต้องการถอยหลัง , ปุ่มเกียร์ AUTO สำหรับการเดินหน้า และปุ่ม Launch เมื่อต้องการออกตัวอย่างรวดเร็วในสนามแข่ง
เบาะนั่งเลือกได้ทั้งหนังและการเดินเส้นดายสีต่างๆ ตามความต้องการ
กล้องมองหลังอยู่ล่างสุดของไฟเบรก
ช่องเก็บของบริเวณด้านหน้ารถ มีแผ่นเพลตขนาดใหญ่แสดงรุ่นและออพชันของรถคันนั้น
กุญแจแบบ Keyless Go ครั้งแรกในรถเฟอร์รารี่ที่ทำกุญแจแบบนี้ ราคาดอกละกว่า 3 แสนบาท


กำลังโหลดความคิดเห็น