ข่าวต่างประเทศ - โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประกาศว่าบริษัทฯมียอดขายรถยนต์ไฮบริดรวมทั่วโลกอยู่ที่ 10.05 ล้านคันตั้งแต่วันที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา เป็นการบรรลุเป้ายอดขาย 10 ล้านคัน โดยยอดขายดังกล่าวไม่ได้เป็นเพียงความสำเร็จเชิงตัวเลขเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงพลังอันยั่งยืนของเทคโนโลยีในการช่วยลดปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมลภาวะอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โตโยต้า ให้ความสำคัญในการลดผลกระทบจากรถยนต์มีต่อสิ่งแวดล้อม ทางโตโยต้าเชื่อว่าหากผู้คนขับขี่ยานพาหนะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแพร่หลาย จะสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดีให้สังคม โตโยต้าจึงพยายามนำเสนอรถยนต์ไฮบริดให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายในวงกว้างทั่วโลก สิงหาคม พ.ศ. 2540 โตโยต้าเปิดตัวรถโคสเตอร์ ไฮบริด อีวี ต่อมาในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน โตโยต้าได้แนะนำโตโยต้า พริอุส รถยนต์นั่งส่วนบุคคลรุ่นแรกของโลกที่ใช้เทคโนโลยีไฮบริดมาผลิตเพื่อจำหน่าย หลังจากนั้น รถยนต์ไฮบริดของ โตโยต้าได้รับความสนใจจากผู้ใช้ทั่วโลก
การลดระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกลายเป็นสิ่งที่สำคัญ พริอุสรุ่นแรกของโตโยต้าจึงถูกผลิตขึ้น ทีมงานที่พัฒนารถ พริอุสเชื่อมั่นว่าไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาอย่างไรก็ตาม พวกเขาจำเป็นต้องพัฒนายานยนต์ไฮบริดเพื่อโลกอนาคต
หลังจากนั้น โตโยต้า เปิดตัว "พรีอุส"รุ่นแรกที่ใช้เทคโนโลยีไฮบริดมาผลิตเพื่อขายเป็นจำนวนมาก ระบบไฮบริดโตโยต้า (Toyota Hybrid System - THS) ที่ติดตั้งในพริอุสรุ่นแรกก็ถูกพัฒนาไปอีกขั้นให้เป็นระบบไฮบริดโตโยต้า THS II ในปี 2546 โดยระบบนี้ถูกติดตั้งเป็นระบบขับเคลื่อนในรถไฮบริดของโตโยต้าอีกหลายรุ่น ต่อมาในพริอุสรุ่นที่สี่ ซึ่งเป็นรถรุ่นแรกที่สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มโตโยต้า นิว โกลบอล อาร์คิเทคเจอร์ (Toyota New Global Architecture - TNGA2 ) ที่ถูกพัฒนาให้เป็นรถที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
โตโยต้าเปิดตัวรถยนต์ไฮบริดรุ่นแรกเมื่อ 20 ปีที่แล้ว นับตั้งแต่นั้นมา อุตสาหกรรมยานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมก็เปลี่ยนไป จากความนิยมในตัวพริอุสที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ลูกค้าเริ่มคำนึงถึงปัจจัยเรื่องสมรรถนะด้านการรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นเกณฑ์มาตรฐานอีกข้อในการเลือกซื้อรถ จากการที่บริษัทรถยนต์ค่ายต่างๆ เริ่มพัฒนาและเปิดตัวรถยนต์ไฮบริดออกสู่ตลาดมากขึ้น ทำให้เกิดประเภทตลาดรถยนต์ที่เรียกว่า “รถไฮบริด” เพิ่มขึ้นมาด้วย ทุกวันนี้ลูกค้าทั่วโลกต่างก็เลือกซื้อรถไฮบริดและรถประหยัดพลังงานมากขึ้น
ทาเคชิ อูชิยามาดะ กรรมการบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ตอนที่เราเปิดตัวพริอุส ไม่มีใครรู้ว่าไฮบริดคืออะไร ผู้คนต่างเรียกคนที่เลือกขับพริอุสว่าเป็นพวกบ้าเทคโนโลยีหรืออะไรทำนองนั้น แต่พอมาถึงวันนี้ ต้องบอกว่าเป็นเพราะกลุ่มลูกค้ากลุ่มแรกๆ ที่ให้โอกาสเราด้วยการเลือกใช้พริอุสนั่นเองครับที่ทำให้รถไฮบริดได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังช่วยกันขับเคลื่อนความสำเร็จของนวัตกรรมที่ไม่มีใครรู้จักกันในตอนแรก ให้กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมในทุกวันนี้ เราขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ช่วยผลักดันให้โตโยต้าบรรลุเป้ายอดขายรถไฮบริด 10 ล้านคันได้ และขอมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าทำหน้าที่ของเราต่อไปด้วยกันเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมครับ”
31 มกราคมที่ผ่านมา โตโยต้าคาดการณ์ว่าการขับขี่รถยนต์ไฮบริดของโตโยต้า3 แทนที่การขับขี่รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันเชื้อเพลิงแบบธรรมดาที่มีขนาดเดียวกันและสมรรถนะการขับขี่ไม่ต่างกันนั้นจะสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ราว 77 ล้านตัน4 ตลอดจนสามารถประหยัดน้ำมันได้ราว 29 ล้านกิโลลิตรทีเดียว
ตุลาคม 2558 โตโยต้าได้ประกาศแผน Toyota Environmental Challenge 2050 ที่ต้องการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระดับโลกให้เหลือใกล้เคียงศูนย์ให้มากที่สุด ตลอดจนมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์สังคมที่ยั่งยืน โตโยต้ากำหนดให้เทคโนโลยีไฮบริดเป็นเทคโนโลยีหลักที่จะช่วยผลักดันการรักษาสิ่งแวดล้อม รวมถึงเทคโนโลยีทุกอย่างที่นำมาใช้เพื่อพัฒนาขึ้นเป็นรถยนต์ ได้แก่ รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่ไฟฟ้าและเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน โตโยต้ามุ่งมั่นที่จะต่อยอดผลิตรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้ขยายไปสู่รถยนต์รุ่นอื่นๆ อีกในอนาคต
1. รวมถึงรถปลั๊กอินไฮบริด , ข้อมูลจากโตโยต้า
2. โปรแกรมที่ใช้ในบริษัทของโตโยต้าทั่วโลกเพื่อเปลี่ยนโครงสร้างการออกแบบรถยนต์ โดย TNGA มีเป้าหมายเพื่อพัฒนารถโตโยต้าในแง่สมรรถนะพื้นฐานและการทำตลาดด้วยการปฏิรูปและ คำนึงถึงการปรับองค์ประกอบโดยรวมทั้งหมดเพื่อพัฒนาส่วนประกอบในระบบขับเคลื่อนและ แพลตฟอร์มใหม่
3. ไม่รวมโคสเตอร์ ไฮบริด อีวี และควิ๊ก เดลิเวรี 200
4. โตโยต้าคำนวณตัวเลขนี้โดยการนำเอาตัวเลขของรถยนต์ที่ลงทะเบียน × ระยะการเดินทาง × ประสิทธิภาพของเชื้อเพลิง (ประสิทธิภาพของเชื้อเพลิงตามจริงในแต่ละประเทศ) × ตัวแปลงปัจจัย CO2
โตโยต้า ให้ความสำคัญในการลดผลกระทบจากรถยนต์มีต่อสิ่งแวดล้อม ทางโตโยต้าเชื่อว่าหากผู้คนขับขี่ยานพาหนะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแพร่หลาย จะสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดีให้สังคม โตโยต้าจึงพยายามนำเสนอรถยนต์ไฮบริดให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายในวงกว้างทั่วโลก สิงหาคม พ.ศ. 2540 โตโยต้าเปิดตัวรถโคสเตอร์ ไฮบริด อีวี ต่อมาในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน โตโยต้าได้แนะนำโตโยต้า พริอุส รถยนต์นั่งส่วนบุคคลรุ่นแรกของโลกที่ใช้เทคโนโลยีไฮบริดมาผลิตเพื่อจำหน่าย หลังจากนั้น รถยนต์ไฮบริดของ โตโยต้าได้รับความสนใจจากผู้ใช้ทั่วโลก
การลดระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกลายเป็นสิ่งที่สำคัญ พริอุสรุ่นแรกของโตโยต้าจึงถูกผลิตขึ้น ทีมงานที่พัฒนารถ พริอุสเชื่อมั่นว่าไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาอย่างไรก็ตาม พวกเขาจำเป็นต้องพัฒนายานยนต์ไฮบริดเพื่อโลกอนาคต
หลังจากนั้น โตโยต้า เปิดตัว "พรีอุส"รุ่นแรกที่ใช้เทคโนโลยีไฮบริดมาผลิตเพื่อขายเป็นจำนวนมาก ระบบไฮบริดโตโยต้า (Toyota Hybrid System - THS) ที่ติดตั้งในพริอุสรุ่นแรกก็ถูกพัฒนาไปอีกขั้นให้เป็นระบบไฮบริดโตโยต้า THS II ในปี 2546 โดยระบบนี้ถูกติดตั้งเป็นระบบขับเคลื่อนในรถไฮบริดของโตโยต้าอีกหลายรุ่น ต่อมาในพริอุสรุ่นที่สี่ ซึ่งเป็นรถรุ่นแรกที่สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มโตโยต้า นิว โกลบอล อาร์คิเทคเจอร์ (Toyota New Global Architecture - TNGA2 ) ที่ถูกพัฒนาให้เป็นรถที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
โตโยต้าเปิดตัวรถยนต์ไฮบริดรุ่นแรกเมื่อ 20 ปีที่แล้ว นับตั้งแต่นั้นมา อุตสาหกรรมยานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมก็เปลี่ยนไป จากความนิยมในตัวพริอุสที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ลูกค้าเริ่มคำนึงถึงปัจจัยเรื่องสมรรถนะด้านการรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นเกณฑ์มาตรฐานอีกข้อในการเลือกซื้อรถ จากการที่บริษัทรถยนต์ค่ายต่างๆ เริ่มพัฒนาและเปิดตัวรถยนต์ไฮบริดออกสู่ตลาดมากขึ้น ทำให้เกิดประเภทตลาดรถยนต์ที่เรียกว่า “รถไฮบริด” เพิ่มขึ้นมาด้วย ทุกวันนี้ลูกค้าทั่วโลกต่างก็เลือกซื้อรถไฮบริดและรถประหยัดพลังงานมากขึ้น
ทาเคชิ อูชิยามาดะ กรรมการบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ตอนที่เราเปิดตัวพริอุส ไม่มีใครรู้ว่าไฮบริดคืออะไร ผู้คนต่างเรียกคนที่เลือกขับพริอุสว่าเป็นพวกบ้าเทคโนโลยีหรืออะไรทำนองนั้น แต่พอมาถึงวันนี้ ต้องบอกว่าเป็นเพราะกลุ่มลูกค้ากลุ่มแรกๆ ที่ให้โอกาสเราด้วยการเลือกใช้พริอุสนั่นเองครับที่ทำให้รถไฮบริดได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังช่วยกันขับเคลื่อนความสำเร็จของนวัตกรรมที่ไม่มีใครรู้จักกันในตอนแรก ให้กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมในทุกวันนี้ เราขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ช่วยผลักดันให้โตโยต้าบรรลุเป้ายอดขายรถไฮบริด 10 ล้านคันได้ และขอมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าทำหน้าที่ของเราต่อไปด้วยกันเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมครับ”
31 มกราคมที่ผ่านมา โตโยต้าคาดการณ์ว่าการขับขี่รถยนต์ไฮบริดของโตโยต้า3 แทนที่การขับขี่รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันเชื้อเพลิงแบบธรรมดาที่มีขนาดเดียวกันและสมรรถนะการขับขี่ไม่ต่างกันนั้นจะสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ราว 77 ล้านตัน4 ตลอดจนสามารถประหยัดน้ำมันได้ราว 29 ล้านกิโลลิตรทีเดียว
ตุลาคม 2558 โตโยต้าได้ประกาศแผน Toyota Environmental Challenge 2050 ที่ต้องการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระดับโลกให้เหลือใกล้เคียงศูนย์ให้มากที่สุด ตลอดจนมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์สังคมที่ยั่งยืน โตโยต้ากำหนดให้เทคโนโลยีไฮบริดเป็นเทคโนโลยีหลักที่จะช่วยผลักดันการรักษาสิ่งแวดล้อม รวมถึงเทคโนโลยีทุกอย่างที่นำมาใช้เพื่อพัฒนาขึ้นเป็นรถยนต์ ได้แก่ รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่ไฟฟ้าและเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน โตโยต้ามุ่งมั่นที่จะต่อยอดผลิตรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้ขยายไปสู่รถยนต์รุ่นอื่นๆ อีกในอนาคต
1. รวมถึงรถปลั๊กอินไฮบริด , ข้อมูลจากโตโยต้า
2. โปรแกรมที่ใช้ในบริษัทของโตโยต้าทั่วโลกเพื่อเปลี่ยนโครงสร้างการออกแบบรถยนต์ โดย TNGA มีเป้าหมายเพื่อพัฒนารถโตโยต้าในแง่สมรรถนะพื้นฐานและการทำตลาดด้วยการปฏิรูปและ คำนึงถึงการปรับองค์ประกอบโดยรวมทั้งหมดเพื่อพัฒนาส่วนประกอบในระบบขับเคลื่อนและ แพลตฟอร์มใหม่
3. ไม่รวมโคสเตอร์ ไฮบริด อีวี และควิ๊ก เดลิเวรี 200
4. โตโยต้าคำนวณตัวเลขนี้โดยการนำเอาตัวเลขของรถยนต์ที่ลงทะเบียน × ระยะการเดินทาง × ประสิทธิภาพของเชื้อเพลิง (ประสิทธิภาพของเชื้อเพลิงตามจริงในแต่ละประเทศ) × ตัวแปลงปัจจัย CO2