เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 17 มกราคมที่ผ่านมา สำหรับ “นิสสัน โน้ต” อีโคคาร์น้องใหม่ล่าสุดของไทย แม้จะเปิดตัวแล้ว แต่การส่งมอบจะเริ่มต้นช่วงกลางเดือนมีนาคม ในช่วงเวลานี้จึงเป็นการรับจองล่วงหน้าไปก่อน ส่วนคันจริงก็ยังไม่มีลงโชว์รูมให้ใครเห็นหรือได้ทดลองขับ แต่อย่างไรก็ตาม... เมื่อวานนี้ (วันที่ 10 กุมภาพันธ์2560) MGR มอเตอริ่ง ได้รับเชิญให้มากระทบไหล่ “นิสสัน โน้ต” ตัวเป็นๆ พร้อมได้ทดลองขับแบบสั้นๆ มาเล่าสู่กันฟัง พอเป็นกระสัยได้
รู้จักกับ “โน้ต”
นิสสัน โน้ต โฉมนี้ เป็นโฉมไมเนอร์เชนจ์ เพิ่งจะเปิดตัวที่ญี่ปุ่นไปเมื่อเดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 โดยหลังการเปิดตัวสร้างสถิติ ทำยอดขายถึง 16,000 คัน ขึ้นแท่นเป็นยอดขายอันดับหนึ่งของเมืองปลาดิบได้อย่างน่าภูมิใจ เรามาดูตัวรถกันบ้างว่ามีดีอย่างไร ถึงได้โดนใจคนญี่ปุ่นขนาดนี้
การออกแบบภายนอก คงเอกลักษณ์เส้นสาย เฉกเช่นเดียวกับรถยนต์ของ นิสสันในปัจจุบัน จุดเด่น กระจังหน้าแบบ V-Motion ซึ่งรุ่นที่ขายในเมืองไทย จะมีหน้าตาเหมือนกับ รุ่น e-Power ซึ่งเป็นแบบไฮบริด ที่จำหน่ายญี่ปุ่นและทั่วโลก โคมไฟหน้าเป็นแบบ LED โปรเจกเตอร์ พร้อม LED Signature Light ดูโฉบเฉี่ยว ไฟท้ายรูปทรงบูมเมอแรง และเส้นสายด้านข้างตามหลักอากาศพลศาสตร์ดีเยี่ยม โดยมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน (CD) ต่ำสุดเพียง 0.30 เท่านั้น
ภายในถูกใจเราในเรื่องของขนาด เมื่อเทียบกับคู่แข่งแบบอีโคคาร์ด้วยกัน “โน้ต” มีขนาดพื้นที่ใช้สอบกว้างขวางกว่า ผู้เขียนสูง 173 ซม. ปรับเบาะคนขับแบบนั่งสบายตามปกติ แล้วไปลองนั่งเบาะหลัง หัวเข่าไม่ติดและยังมีที่ว่างเหลือพอสมควร โดยเบาะหลังปรับแยกแบบ 60 : 40 พับแบนราบได้ เพิ่มพื้นที่ในการขนของชิ้นใหญ่ๆ อย่างทีวี 40 นิ้ว หรือจักรยานได้
การตกแต่งภายในออกแบบด้วยโทนสีดำและตกแต่งด้วยวัสดุสีเงิน ให้ความรู้สึกสปอร์ต คอนโซลหน้า ใช้วัสดุสีดำเงาดูหรูหรา เบาะหุ้มผ้าสีดำตกแต่งขอบด้วยสีเบจดูลงตัวดี พวงมาลัยรูปทรงสปอร์ต แบบ D-Shape ปรับสูงต่ำได้ พร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่นควบคุมการทำงานของเครื่องเสียงได้
ส่วนอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอื่นๆ พกมาเพียบเช่น แอร์ออโต้, ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ (Push Start Button), กุญแจรีโมทอัจฉริยะ Intelligent Key พร้อมระบบ Immobilizer , หน้าจอ LED แบบสัมผัส และสามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์ด้วย Bluetooth เรียกครบถ้วนของรถยุคนี้
ทีเด็ด ความปลอดภัย
นิสสัน โน้ต ทุกรุ่นย่อย ติดตั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้าเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อม ระบบเบรกป้องกันล้อล้อค (ABS), ระบบกระจายแรงเบรก (EBD) และระบบเสริมแรงเบรก (BA) ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ (VDC) และ ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) ลดปัญหารถไหลเมื่อออกตัว
เฉพาะสำหรับรุ่นท้อป VL ได้รับการติดตั้งนวัตกรรมล้ำสมัย เทคโนโลยี “การเคลื่อนที่อัจฉริยะของนิสสัน หรือ Nissan Intelligent Mobility” ได้แก่ ระบบ Intelligent Forward Collision Warning ช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้า, ระบบ Intelligent Emergency Braking ช่วยเบรกฉุกเฉิน, ระบบ Intelligent Around View Monitor (AVM) กล้องมองภาพรอบทิศทาง และระบบ Lane Departure Warning (LDW) เตือนเมื่อรถออกนอกเส้นทาง ซึ่งจะทำงานที่ความเร็วมากกว่า 70 กม./ชม. เรียกว่า มีเยอะกว่า รถบางรุ่นที่ใหญ่และแพงกว่าด้วยซ้ำ
ขับสั้นๆ
เราได้ทดลองขับ นิสสัน โน้ต ในเส้นทางวนรอบลานจอดรถของคริสตัล พาร์ค 2 รอบ และเป็นผู้โดยสาร 3 รอบ พอจะจับความรู้สึกแรกได้เท่าที่การขับขี่จะเอื้ออำนวย ขุมพลัง HR12DE 3 สูบ 1.2 ลิตร79 แรงม้า (บล็อกเดียวกับมาร์ช) ของ นิสสัน โน้ต ตอบสนองได้ดีกว่าที่คาดไว้ แม้ตัวถังจะใหญ่กว่ารถระดับเดียวกันก็ไม่เป็นภาระในการออกตัว
การกดคันเร่งแบบคิกดาวน์ รถจะไม่พุ่งเนื่องจากการคบหากับระบบเกียร์ใหม่แบบ XTRONIC CVT มาพร้อม D-Step Logic เน้นความนุ่มนวลและประหยัด จุดเด่นที่เราชอบคือ การตอบสนองของพวงมาลัย เบามือ แม่นยำ รัศมีวงเลี้ยวแคบดีมาก กลับรถในพื้นที่จำกัดได้สะดวก ใช้งานในเมืองที่แออัด ได้อย่างคล่องตัว คงจะพอบอกคร่าวๆ ได้เพียงเท่านี้ ไว้รอโอกาสหน้าสำหรับการทดลองขับแบบเต็มๆ
เหมาะกับใคร?
ทุกคนที่อยากได้รถใช้งานในเมืองสักคัน รับประกันว่า “นิสสัน โน้ต” คือหนึ่งในตัวเลือกที่ไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน แค่ขนาดตัวถังและอุปกรณ์ที่ใส่มาให้ กับราคาค่าตัว 568,000 บาทในรุ่น 1.2V และ ราคา 640,000 บาท สำหรับรุ่น 1.2 VL จะไปหาจากรถคันไหนได้อีก แล้วคุณจะไม่สงสัยว่าทำไมขายดีในญี่ปุ่น
รู้จักกับ “โน้ต”
นิสสัน โน้ต โฉมนี้ เป็นโฉมไมเนอร์เชนจ์ เพิ่งจะเปิดตัวที่ญี่ปุ่นไปเมื่อเดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 โดยหลังการเปิดตัวสร้างสถิติ ทำยอดขายถึง 16,000 คัน ขึ้นแท่นเป็นยอดขายอันดับหนึ่งของเมืองปลาดิบได้อย่างน่าภูมิใจ เรามาดูตัวรถกันบ้างว่ามีดีอย่างไร ถึงได้โดนใจคนญี่ปุ่นขนาดนี้
การออกแบบภายนอก คงเอกลักษณ์เส้นสาย เฉกเช่นเดียวกับรถยนต์ของ นิสสันในปัจจุบัน จุดเด่น กระจังหน้าแบบ V-Motion ซึ่งรุ่นที่ขายในเมืองไทย จะมีหน้าตาเหมือนกับ รุ่น e-Power ซึ่งเป็นแบบไฮบริด ที่จำหน่ายญี่ปุ่นและทั่วโลก โคมไฟหน้าเป็นแบบ LED โปรเจกเตอร์ พร้อม LED Signature Light ดูโฉบเฉี่ยว ไฟท้ายรูปทรงบูมเมอแรง และเส้นสายด้านข้างตามหลักอากาศพลศาสตร์ดีเยี่ยม โดยมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน (CD) ต่ำสุดเพียง 0.30 เท่านั้น
ภายในถูกใจเราในเรื่องของขนาด เมื่อเทียบกับคู่แข่งแบบอีโคคาร์ด้วยกัน “โน้ต” มีขนาดพื้นที่ใช้สอบกว้างขวางกว่า ผู้เขียนสูง 173 ซม. ปรับเบาะคนขับแบบนั่งสบายตามปกติ แล้วไปลองนั่งเบาะหลัง หัวเข่าไม่ติดและยังมีที่ว่างเหลือพอสมควร โดยเบาะหลังปรับแยกแบบ 60 : 40 พับแบนราบได้ เพิ่มพื้นที่ในการขนของชิ้นใหญ่ๆ อย่างทีวี 40 นิ้ว หรือจักรยานได้
การตกแต่งภายในออกแบบด้วยโทนสีดำและตกแต่งด้วยวัสดุสีเงิน ให้ความรู้สึกสปอร์ต คอนโซลหน้า ใช้วัสดุสีดำเงาดูหรูหรา เบาะหุ้มผ้าสีดำตกแต่งขอบด้วยสีเบจดูลงตัวดี พวงมาลัยรูปทรงสปอร์ต แบบ D-Shape ปรับสูงต่ำได้ พร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่นควบคุมการทำงานของเครื่องเสียงได้
ส่วนอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอื่นๆ พกมาเพียบเช่น แอร์ออโต้, ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ (Push Start Button), กุญแจรีโมทอัจฉริยะ Intelligent Key พร้อมระบบ Immobilizer , หน้าจอ LED แบบสัมผัส และสามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์ด้วย Bluetooth เรียกครบถ้วนของรถยุคนี้
ทีเด็ด ความปลอดภัย
นิสสัน โน้ต ทุกรุ่นย่อย ติดตั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้าเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อม ระบบเบรกป้องกันล้อล้อค (ABS), ระบบกระจายแรงเบรก (EBD) และระบบเสริมแรงเบรก (BA) ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ (VDC) และ ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) ลดปัญหารถไหลเมื่อออกตัว
เฉพาะสำหรับรุ่นท้อป VL ได้รับการติดตั้งนวัตกรรมล้ำสมัย เทคโนโลยี “การเคลื่อนที่อัจฉริยะของนิสสัน หรือ Nissan Intelligent Mobility” ได้แก่ ระบบ Intelligent Forward Collision Warning ช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้า, ระบบ Intelligent Emergency Braking ช่วยเบรกฉุกเฉิน, ระบบ Intelligent Around View Monitor (AVM) กล้องมองภาพรอบทิศทาง และระบบ Lane Departure Warning (LDW) เตือนเมื่อรถออกนอกเส้นทาง ซึ่งจะทำงานที่ความเร็วมากกว่า 70 กม./ชม. เรียกว่า มีเยอะกว่า รถบางรุ่นที่ใหญ่และแพงกว่าด้วยซ้ำ
ขับสั้นๆ
เราได้ทดลองขับ นิสสัน โน้ต ในเส้นทางวนรอบลานจอดรถของคริสตัล พาร์ค 2 รอบ และเป็นผู้โดยสาร 3 รอบ พอจะจับความรู้สึกแรกได้เท่าที่การขับขี่จะเอื้ออำนวย ขุมพลัง HR12DE 3 สูบ 1.2 ลิตร79 แรงม้า (บล็อกเดียวกับมาร์ช) ของ นิสสัน โน้ต ตอบสนองได้ดีกว่าที่คาดไว้ แม้ตัวถังจะใหญ่กว่ารถระดับเดียวกันก็ไม่เป็นภาระในการออกตัว
การกดคันเร่งแบบคิกดาวน์ รถจะไม่พุ่งเนื่องจากการคบหากับระบบเกียร์ใหม่แบบ XTRONIC CVT มาพร้อม D-Step Logic เน้นความนุ่มนวลและประหยัด จุดเด่นที่เราชอบคือ การตอบสนองของพวงมาลัย เบามือ แม่นยำ รัศมีวงเลี้ยวแคบดีมาก กลับรถในพื้นที่จำกัดได้สะดวก ใช้งานในเมืองที่แออัด ได้อย่างคล่องตัว คงจะพอบอกคร่าวๆ ได้เพียงเท่านี้ ไว้รอโอกาสหน้าสำหรับการทดลองขับแบบเต็มๆ
เหมาะกับใคร?
ทุกคนที่อยากได้รถใช้งานในเมืองสักคัน รับประกันว่า “นิสสัน โน้ต” คือหนึ่งในตัวเลือกที่ไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน แค่ขนาดตัวถังและอุปกรณ์ที่ใส่มาให้ กับราคาค่าตัว 568,000 บาทในรุ่น 1.2V และ ราคา 640,000 บาท สำหรับรุ่น 1.2 VL จะไปหาจากรถคันไหนได้อีก แล้วคุณจะไม่สงสัยว่าทำไมขายดีในญี่ปุ่น