xs
xsm
sm
md
lg

แกรนด์ทัวริ่ง “CRF250Rally” พกไว้ไปไหนก็ไม่กลัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ต่อเนื่องจากกิจกรรมทดสอบขับขี่รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า ซีอาร์เอฟ 250 แรลลี่ (Honda CRF250Rally) ราคา 164,600 บาท ซึ่งเพิ่งเปิดตัวทำตลาดในบ้านเราไปเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา และดูเหมือนค่ายสองล้อ “ฮอนด้า” กังวลว่าสื่อมวลชนคงยังไม่หนำใจ

เร็วๆ นี้ จึงพาไปซ้ำอีกรอบ เพียงแต่ย้ายจุดสตาร์ทจากครั้งก่อนที่ศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัย ฮอนด้า เซฟตี้ ไรด์ดิ้ง ปาร์ก (Honda Safety Riding Park) จังหวัดภูเก็ต เปลี่ยนมาเป็นศูนย์ฝึกขับขี่ฯ ที่จังหวัดเชียงใหม่บ้าง
ด่านทดสอบสมรรถนะตัวรถและคนขี่
โดยใช้ชื่อกิจกรรมว่า “CRF250Rally Fearless Destination Trip at Chaing Mai” หรือเป็นทริปแกรนด์ทัวริ่งอย่างเป็นทางการ ครั้ง 8 ของค่ายปีกนก ภายใต้เส้นทาง ม่อนล่อง-ม่อนแจ่ม-สะเมิง-ยอดดอยอินทนนท์ รวมระยะทั้งสิ้นกว่า 400 กิโลเมตร

สำหรับการเริ่มต้นเช่นเดิมเหมือนกับครั้งก่อน ช่วงเช้า เอ.พี.ฮอนด้า ปล่อยให้สื่อมวลชนสายสองล้อได้ทำความรู้จักศูนย์ฝึกฯ แห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอดอยสะเก็ด มีเนื้อที่ทั้งสิ้น 18 ไร่ มีจุดเด่นอยู่ที่ Dirt Station ที่สมบูรณ์แบบ ด้วยระยะทางรอบ Dirt Track ถึง 600 เมตร
ขึ้น-ลงเนินเสร็จแล้วเลี้ยวหักศอก ซ้อมไว้ก่อนเจอของจริง
ในโอกาสนี้จึงขอย้ำถึงหลักสูตรการฝึกสอนอีกสักรอบ แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ Skilled Riding Course สำหรับการขับขี่ทางเรียบ ประกอบด้วย Cornering (เรียนรู้องศาในการเข้าโค้ง), Straight Rhythm (เรียนรู้การใช้คันเร่ง เบรก และเกียร์บนทางตรง), Gymkhana (เรียนรู้การขับขี่อย่างคล่องตัว), และ Dirt Course สำหรับการขับขี่ทางฝุ่น ประกอบด้วย Dirt for Kids (ฝึกพื้นฐานให้กับเด็กอายุระหว่าง 6-13 ปี), Dirt Bike Beginner (คอร์สเริ่มต้นสำหรับผู้ที่ไม่เคยขับขี่มาก่อน), Dirt Bike Basic (คอร์สสอนขับขี่พื้นฐาน), และ Dirt Bike Experience (เรียนรู้การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า การขับขี่ข้ามอุปสรรคต่างๆ)

แม้จะใช้เวลาทำความรู้จักศูนย์ฝึกฯ ที่เชียงใหม่ไม่นาน แต่หลายคนก็เริ่มใกล้ชิดและมีความสนิทสนมมากขึ้น บ้างถึงขั้นลึกซึ้งเลยทีเดียว เห็นได้จากการกลิ้งคลุกฝุ่นกันไปหลายตลบ เหตุเพราะครูฝึกตั้งใจจำลองอุปสรรคการขับขี่ที่พวกเราต้องเจอตลอดสองวัน พร้อมเผยเทคนิคการเอาตัวรอดที่จำเป็นต้องใช้อย่างเข้มข้น ภายใต้เวลาอันจำกัดเท่าที่พอจะถ่ายทอดออกมาได้

หลังแสงอาทิตย์ตั้งฉากกับพื้นโลก บ่งบอกสัญญาณล้อหมุนมุ่งสู่การบุกน้ำลุยดินของฝูงซีอาร์เอฟ 250 แรลลี่ พร้อมโฉมตัวแต่ง H2C และรุ่นรหัสตัวแอลที่ค่ายปีกนกจัดมาให้เปรียบเทียบการทดสอบกันด้วย (รหัสตัวเอ็มไม่มี เพราะตอนนี้ยกเลิกการทำตลาดแล้ว)

สำหรับในภาพรวมอย่างที่ทราบกันดีว่า ตัวลุยพิกัด 250 ซีซี. รุ่นนี้เป็นรถจักรยานยนต์แนววิบากที่พัฒนาขึ้นมาจากพื้นฐานเดิมที่มีอยู่แล้วซึ่งเป็นการเติมเต็มออฟชั่นเสริมสมรรถนะการขับขี่ เพื่อตอบสนองการใช้งานที่สมบุกสมบัน มุ่งเจาะตลาดกลุ่มนักบิดที่ต้องการความเอนกประสงค์ยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการเลือกใช้ถังน้ำมันขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งฮอนด้าเคลมว่า สามารถรองรับความสนุกวิ่งต่อเนื่องได้ไกลกว่า 300 กิโลเมตร
สาธิตอุปสรรคการขี่ข้ามน้ำ
เจอของจริงเกือบมิดคัน
ส่วนออฟชั่นการอัพเกรดชิ้นส่วนอื่นๆ ที่โดดเด่น ได้แก่ ไฟหน้า, ไฟเลี้ยว, ชิลด์บังลม, การ์ดแฮนด์บังคับ, การ์ดป้องกันเครื่องยนต์ และหน้าจอแสดงผลที่เพิ่มวัดรอบเข้ามาด้วย

ด้านท่านั่งหยิบยกความรู้สึกจากเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เพียงแต่เบาะสูงขึ้น รวมถึงระยะจากพื้นถึงตัวรถ การยันเท้าของชายไทยไซส์มาตรฐานประมาณ 170 เซนติเมตร แม้จะสวมรองเท้าบูทวิบากช่วยแล้วก็ตาม ปลายเท้าจะแตะถึงพื้นเพียงข้างเดียวเท่านั้น ถึงอย่างไรก็เพียงพอที่จะประคองรถ กรณีต้องการจอดเพื่อเตะขาตั้งลงได้โดยไม่มีปัญหา
กล้าลุยต้องกล้าเลอะ
จบทริปนี้ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว
ข้างต้นคือในสภาพถนนทางเรียบ ส่วนการเข้าป่าที่ต้องวิ่งข้ามน้ำ ตะลุยดิน ช่วงติดอุปสรรค รถจอดนิ่ง บางจังหวะต้องย้ายก้นลงจากเบาะ และใช้ต้นขาแทนที่เพื่อยืดปลายเท้าเหยียบยันพื้นดินเรียกหาความมั่นคง

สำหรับขุมพลังบล็อกเดียวกับรหัสแอล ปริมาตรความจุ 249.6 ซีซี. 4 จังหวะ สูบเดียว DOHC จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีด PGM-FI ระบายความร้อนด้วยน้ำ ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ 6 สปีด มีการปรับแต่งแรงบิดมากกว่าเดิมที่สัมผัสได้ ส่งผลให้การเร่งปีนป่ายข้ามเนินดินทำได้รวดเร็วทันใจ แต่ทั้งนี้ต้องควบคุมการบิดคันเร่ง ระวังอย่าให้หมุนฟรีจนล้อติดหล่มจมโคลนด้วย

ขณะที่ระบบช่วงล่างด้านหน้าหัวกลับขนาด 43 มม. ด้านหลังโปร-ลิงค์ปรับระดับได้จับคู่สวิงอาร์มอลูมิเนียม การพิสูจน์สมรรถนะผ่านการใช้งานจริง ทั้งบนถนนจากป่าคอนกรีต สู่ผืนป่าสีเขียวในเส้นทางธรรมชาติ ช่วงล่างตอบสนองได้อย่างประทับใจตลอดทริปการเดินทาง จากสัมผัสความนุ่ม นั่งสบาย และตัวรถที่สูงสามารถใช้ขี่ลุยข้ามผ่านอุปสรรคได้โดยไม่ยากลำบากมากนัก

หลังพิชิตทริปแกรนด์ทัวริ่งครั้งนี้ ขอยืนยันสำหรับใครที่ชื่นชอบการขับขี่แนวผจญภัย รักความท้าทาย และต้องการตัวลุยที่จะมาเติมเต็มความกล้า เปิดประสบการณ์ค้นหาเส้นทางใหม่ๆ

บอกเลยพกคันนี้ไว้ ไปไหนก็ไม่กลัว.



กำลังโหลดความคิดเห็น