จุดกระแสให้ตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กเข้าสู่ภาวะดุเดือดขึ้นมาทันทีหลังจากที่เจ้าตลาดทั้ง 2ค่ายเปิดตัวรถยนต์รุ่นที่ขายดีที่สุดดในเซกเม้นท์นี้ "โตโยต้า วีออส และ ฮอนด้า ซีตี้" เปิดตัวชนิดที่เรียกกันว่า หายใจรถต้นคอ เลยทีเดียว โดย ฮอนด้า เปิดก่อนเมื่อวันที่ 12 มกราคม ส่วนโตโยต้า เปิดตัววันที่ 23 มกราคม มาดูกันว่า โฉมไมเนอร์เชนจ์ของทั้งคู่ เมื่อมาเปรียบเทียบสเปคกันแล้ว ใครน่าสนใจอย่างไร ผู้จัดการมอเตอริ่ง พาไปชม
เริ่มต้นกันที่สิ่งแรกที่เราจะเห็นได้ชัดกับ โฉมภายนอก จุดหลักที่เปลี่ยนของการไมเนอร์เชนจ์หนนี้คือ กระจังหน้า/หลังและโคมไฟหน้า ที่ทั้งคู่เพิ่มระบบ ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน เข้ามาด้วย ไฟหน้าแบบ แอลอีดีแล้วทั้งคู่ สำหรับรุ่นท้อปของทั้งคู่ ใส่ล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ่้ว ส่วนรุ่นย่อยอื่นใส่ล้อขนาด 15 นิ้วเป็นมาตรฐาน ส่วนความสวยงามก็ว่ากันไปตามความชอบของแต่ละบุคคล
ขณะที่การตกแต่งภายใน ได้รับการปรับเปลี่ยนพอสมควร ซึ่งโตโยต้า วิออส มีการเพิ่มจอภาพขนาด 7 นิ้วที่ควบคุมความบันเทิงภายในห้องโดยสารไว้อย่างครบถ้วน (ซีตี้มีอยู่แล้วใน 3 รุ่นบน) พร้อมกันการใส่เบาะหนังแท้เดินด้ายแดง เพิ่มความเป็นสปอร์ตในรุ่นท้อป ถือเป็นจุดเด่นที่สุดเพียงหนึ่งเดียวของรถในเซกเม้นท์นี้ ส่วนฮอนด้า ซิตี้ ปรับดีไซน์การตกแต่งรายละเอียดที่คอนโซลหน้าและเบาะนั่ง พร้อมเพิ่มไฟLED ในห้องโดยสาร
ระบบปรับอากาศเป็นแบบอัตโนมัติแล้วทั้ง2 คัน ความแตกต่างของภายในคงเป็นเรื่องของรายปลีกย่อยเช่น ฮอนด้า ซิตี้ รุ่นท้อป มีลำโพงสูงสุดถึง8 ตัว กระจายทั่วห้องโดยสาร ขณะที่โตโยต้า วีออส มีลำโพงสูงสุด 4 ตัว ส่วนที่เหลือจะแตกต่างที่ดีไซน์เป็นหลักว่า คุณจะชอบแบบไหน ส่วนตัวผู้เขียน รู้สึกว่า ภายในห้องโดยสาร วีออส ให้ความรู้สึกที่เป็นสปอร์ตมากกว่า ฮอนด้า ซีตี้
สำหรับเครื่องยนต์ทั้งคู่ยังคงคบหากับเครื่องยนต์บล็อกเดิม โดย ฮอนด้า ซิตี้ เลือกคบกับแบบ SOHC (แคมป์เดี่ยว)ส่วนโตโยต้า วีออสเป็นแบบ DOHC(แคมป์คู่) ซึ่ง ฮอนด้า ซิตี้ มีกำลังสูงสุดมากกว่าโตโยต้า วีออสอยู่ 9 แรงม้า (ดูตารางประกอบ) และแรงบิดสูงสุดมากกว่า 6 นิวตันเมตร
อย่างไรก็ตาม แม้ฮอนด้า ซิตี้จะมีตัวเลขมากกว่า แต่ก็แตกต่างเพียงเล็กน้อยไม่ถึง 10% และมิใช่สิ่งที่บ่งบอกว่า ซิตี้จะแรงกว่าหรือตอบสนองดีกว่าเสมอไป เพราะในแง่ของการขับขี่แล้วขึ้นอยู่กับการปรับแต่งให้ลงตัวกับระบบส่งกำลังที่ทั้งคู่เลือกคบกับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT โดยฮอนด้า ซิตี้ มีทางเลือกรุ่นย่อยของเกียร์ธรรมดาในรุ่นเริ่มต้น ซึ่งคงต้องไปทดลองขับดูว่า ท่านชอบบุคคลิกการขับขี่ของรถคันไหนมากกว่ากัน
จุดแตกต่างอีกประการที่เป็นข้อพิจารณาสำคัญในการเลือกของลูกค้าคนไทยนั่นคือ ระบบเบรก ฮอนด้า ซิตี้ ทุกรุ่นเป็นแบบหน้าดิสก์-หลังดรัม ส่วน โตโยต้า วีออส รุ่น S และ G จะเป็น ดิสก์เบรกทั้งหน้าและหลัง
ด้านของระบบความปลอดภัย มาครบแบบจัดเต็มทั้งคู่ จะมีสิ่งที่แตกต่างกันไปบ้างในรุ่นท้อป ได้แก่ ถุงลมนิรภัยที่ ฮอนด้า ซิตี้มีถุงลมนิรภัยด้านข้างและม่านถุงลมเพิ่มเติมเข้ามานอกเหนือจากถุงลมนิรภัยคู่หน้า รวมแล้วมี 6 ตำแหน่ง ส่วนโตโยต้า วีออส มีเพียงถุงลมนิรภัยคู่หน้า แต่วีออส แตกต่างด้วยระบบเบาะคู่หน้าแบบ WIL ที่ช่วยลดการบาดเจ็บบริเวณคอได้ดีที่สุดในเวลานี้
สำหรับระบบเสริมความปลอดภัย โตโยต้า วีออส มีมากกว่าด้วยระบบเสริมแรงเบรก(BA), ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี(TRC) และระบบควบคุมการทรงตัว (VSC) ส่วนฮอนด้ามีระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน(HSA)และระบบควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง(VSA)แทน ขณะที่ ระบบเบรก เอบีเอส, ระบบกระจายแรงเบรก(EBD) กลายเป็นมาตรฐานที่มีประจำการทุกรุ่น
ทั้ง 2 คัน สามารถเติมน้ำมันเชื้อเพลิงเบนซินได้ทุกชนิดถึงระดับ E85 การรับประกันก็เท่าเทียมกันที่ 3 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน สำหรับรุ่นย่อย ฮอนด้า มีทางเลือกมากกว่าที่ 6 รุ่นย่อย ส่วน โตโยต้า มี 4 รุ่นย่อย ส่วนราคา(ดูตารางประกอบ) เมื่อเทียบรุ่นต่อรุ่นที่ระดับเท่ากันแล้วจะพบความแตกต่างประมาณ 20,000-30,000 บาท ซึ่งถือว่าไม่มากจนกลายเป็นจุดเปลี่ยนได้ เพราะเมื่อนำไปหักกลบลบตัวเลขกับของแถมและส่วนลดที่เราต่อรองกับดีลเลอร์แล้ว ของที่ตั้งราคาสูงกว่าอาจจะไม่ได้แพงกว่าเสมอไป ดังนั้น สุดท้ายคงต้องไปวัดกันที่คุณชอบคันไหนมากกว่ากัน จะเสียเงินทั้งทีก็ขอให้มีความสุขกับการใช้งาน
เริ่มต้นกันที่สิ่งแรกที่เราจะเห็นได้ชัดกับ โฉมภายนอก จุดหลักที่เปลี่ยนของการไมเนอร์เชนจ์หนนี้คือ กระจังหน้า/หลังและโคมไฟหน้า ที่ทั้งคู่เพิ่มระบบ ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน เข้ามาด้วย ไฟหน้าแบบ แอลอีดีแล้วทั้งคู่ สำหรับรุ่นท้อปของทั้งคู่ ใส่ล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ่้ว ส่วนรุ่นย่อยอื่นใส่ล้อขนาด 15 นิ้วเป็นมาตรฐาน ส่วนความสวยงามก็ว่ากันไปตามความชอบของแต่ละบุคคล
ขณะที่การตกแต่งภายใน ได้รับการปรับเปลี่ยนพอสมควร ซึ่งโตโยต้า วิออส มีการเพิ่มจอภาพขนาด 7 นิ้วที่ควบคุมความบันเทิงภายในห้องโดยสารไว้อย่างครบถ้วน (ซีตี้มีอยู่แล้วใน 3 รุ่นบน) พร้อมกันการใส่เบาะหนังแท้เดินด้ายแดง เพิ่มความเป็นสปอร์ตในรุ่นท้อป ถือเป็นจุดเด่นที่สุดเพียงหนึ่งเดียวของรถในเซกเม้นท์นี้ ส่วนฮอนด้า ซิตี้ ปรับดีไซน์การตกแต่งรายละเอียดที่คอนโซลหน้าและเบาะนั่ง พร้อมเพิ่มไฟLED ในห้องโดยสาร
ระบบปรับอากาศเป็นแบบอัตโนมัติแล้วทั้ง2 คัน ความแตกต่างของภายในคงเป็นเรื่องของรายปลีกย่อยเช่น ฮอนด้า ซิตี้ รุ่นท้อป มีลำโพงสูงสุดถึง8 ตัว กระจายทั่วห้องโดยสาร ขณะที่โตโยต้า วีออส มีลำโพงสูงสุด 4 ตัว ส่วนที่เหลือจะแตกต่างที่ดีไซน์เป็นหลักว่า คุณจะชอบแบบไหน ส่วนตัวผู้เขียน รู้สึกว่า ภายในห้องโดยสาร วีออส ให้ความรู้สึกที่เป็นสปอร์ตมากกว่า ฮอนด้า ซีตี้
สำหรับเครื่องยนต์ทั้งคู่ยังคงคบหากับเครื่องยนต์บล็อกเดิม โดย ฮอนด้า ซิตี้ เลือกคบกับแบบ SOHC (แคมป์เดี่ยว)ส่วนโตโยต้า วีออสเป็นแบบ DOHC(แคมป์คู่) ซึ่ง ฮอนด้า ซิตี้ มีกำลังสูงสุดมากกว่าโตโยต้า วีออสอยู่ 9 แรงม้า (ดูตารางประกอบ) และแรงบิดสูงสุดมากกว่า 6 นิวตันเมตร
อย่างไรก็ตาม แม้ฮอนด้า ซิตี้จะมีตัวเลขมากกว่า แต่ก็แตกต่างเพียงเล็กน้อยไม่ถึง 10% และมิใช่สิ่งที่บ่งบอกว่า ซิตี้จะแรงกว่าหรือตอบสนองดีกว่าเสมอไป เพราะในแง่ของการขับขี่แล้วขึ้นอยู่กับการปรับแต่งให้ลงตัวกับระบบส่งกำลังที่ทั้งคู่เลือกคบกับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT โดยฮอนด้า ซิตี้ มีทางเลือกรุ่นย่อยของเกียร์ธรรมดาในรุ่นเริ่มต้น ซึ่งคงต้องไปทดลองขับดูว่า ท่านชอบบุคคลิกการขับขี่ของรถคันไหนมากกว่ากัน
จุดแตกต่างอีกประการที่เป็นข้อพิจารณาสำคัญในการเลือกของลูกค้าคนไทยนั่นคือ ระบบเบรก ฮอนด้า ซิตี้ ทุกรุ่นเป็นแบบหน้าดิสก์-หลังดรัม ส่วน โตโยต้า วีออส รุ่น S และ G จะเป็น ดิสก์เบรกทั้งหน้าและหลัง
ด้านของระบบความปลอดภัย มาครบแบบจัดเต็มทั้งคู่ จะมีสิ่งที่แตกต่างกันไปบ้างในรุ่นท้อป ได้แก่ ถุงลมนิรภัยที่ ฮอนด้า ซิตี้มีถุงลมนิรภัยด้านข้างและม่านถุงลมเพิ่มเติมเข้ามานอกเหนือจากถุงลมนิรภัยคู่หน้า รวมแล้วมี 6 ตำแหน่ง ส่วนโตโยต้า วีออส มีเพียงถุงลมนิรภัยคู่หน้า แต่วีออส แตกต่างด้วยระบบเบาะคู่หน้าแบบ WIL ที่ช่วยลดการบาดเจ็บบริเวณคอได้ดีที่สุดในเวลานี้
สำหรับระบบเสริมความปลอดภัย โตโยต้า วีออส มีมากกว่าด้วยระบบเสริมแรงเบรก(BA), ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี(TRC) และระบบควบคุมการทรงตัว (VSC) ส่วนฮอนด้ามีระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน(HSA)และระบบควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง(VSA)แทน ขณะที่ ระบบเบรก เอบีเอส, ระบบกระจายแรงเบรก(EBD) กลายเป็นมาตรฐานที่มีประจำการทุกรุ่น
ทั้ง 2 คัน สามารถเติมน้ำมันเชื้อเพลิงเบนซินได้ทุกชนิดถึงระดับ E85 การรับประกันก็เท่าเทียมกันที่ 3 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน สำหรับรุ่นย่อย ฮอนด้า มีทางเลือกมากกว่าที่ 6 รุ่นย่อย ส่วน โตโยต้า มี 4 รุ่นย่อย ส่วนราคา(ดูตารางประกอบ) เมื่อเทียบรุ่นต่อรุ่นที่ระดับเท่ากันแล้วจะพบความแตกต่างประมาณ 20,000-30,000 บาท ซึ่งถือว่าไม่มากจนกลายเป็นจุดเปลี่ยนได้ เพราะเมื่อนำไปหักกลบลบตัวเลขกับของแถมและส่วนลดที่เราต่อรองกับดีลเลอร์แล้ว ของที่ตั้งราคาสูงกว่าอาจจะไม่ได้แพงกว่าเสมอไป ดังนั้น สุดท้ายคงต้องไปวัดกันที่คุณชอบคันไหนมากกว่ากัน จะเสียเงินทั้งทีก็ขอให้มีความสุขกับการใช้งาน
