เมอร์เซเดส-เบนซ์ ปลุกตลาดรถหรู เปิดประเดิมส่ง “อี-คลาส ดีเซล” รุ่นประกอบในประเทศ ชูจุดเด่นความหรูคู่ความประหยัด ด้วยตัวเลขบริโภคน้ำมันเพียง 25.6 กม./ลิตร พร้อมอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยทั้งความบันเทิงและความปลอดภัย มากับ 3 ทางเลือกย่อย E 220 d Avantgarde, E 220 d Exclusive และ E 220 d AMG Dynamic

นายไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่วว่า เพื่อสานต่อเจตนารมณ์ในการนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า บริษัทฯ รุกตลาดรถหรูอย่างเต็มกำลังด้วยการประเดิมเปิดตัว อี-คลาส เจอเนอเรชั่นที่ 10 เครื่องยนต์ ดีเซล รุ่นประกอบในประเทศไทย
“สำหรับ อี-คลาสถือเป็นหัวใจสำคัญของแบรนด์ และสร้างมาตรฐานใหม่ๆ ให้กับกลุ่มรถยนต์สำหรับนักธุรกิจอยู่เสมอ ด้วยเทคโนโลยียนตกรรมใหม่ล่าสุด มีอัตราการใช้พลังงานต่ำลง และการขับขี่ที่สนุกขึ้น”

นายฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหาร ฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า อี-คลาส รุ่นประกอบในประเทศโมเดลล่าสุดนี้ มากับ 3 รุ่นย่อยได้แก่ E 220 d Avantgarde, E 220 d Exclusive และ E 220 d AMG Dynamic
ดีไซน์ภายนอก อี-คลาส มีขนาดตัวถังและฐานล้อที่ยาวและกว้างขึ้น ผสานกับฝากระโปรงหน้าที่ดูยาว เส้นสายของส่วนหลังคาที่ออกแบบในสไตล์รถคูเป้ ด้านหลังของตัวรถได้รับการออกแบบให้ซุ้มล้อหลังดูกว้างกว่าซุ้มล้อหน้า เพื่อแสดงเอกลักษณ์ใหม่ในกลุ่มรถซาลูนของเมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมติดตั้งโคมไฟท้ายแบบชิ้นเดียว

สำหรับ E 220 d Avantgarde มาพร้อมกับไฟหน้าแบบ LED High Performance ขณะที่รุ่น E 220 d Exclusive และ E 220 d AMG Dynamic มาพร้อมกับไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED, ระบบส่องสว่างอัจฉริยะ (ILS - Intelligent Light System), ระบบปรับโคมไฟหน้ารถตามการเลี้ยวของพวงมาลัย (ALS - Active Light System), ระบบเพิ่ม ความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง (cornering light)และระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist)

ไฮไลท์ เฉพาะรุ่น E 220 d AMG Dynamic จะเพิ่มความพิเศษด้วยล้ออัลลอยสปอร์ตจาก AMG ขนาด 19 นิ้ว, หลังคาพาโนรามิคซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิด ได้ด้วยระบบไฟฟ้า, กันชนหน้า-หลัง และสเกิร์ตข้างดีไซน์สปอร์ตแบบ AMG, ดิสก์เบรกหน้าแบบมีช่องระบายความร้อน และสัญลักษณ์ Mercedes-Benz บนคาลิปเปอร์เบรกหน้า


ส่วนดีไซน์ภายใน ห้องโดยสารออกแบบภายใต้แนวคิดการผสมผสานสไตล์สปอร์ตเข้ากับเทคโนโลยี เบาะนั่งถือเป็นหนึ่งในจุดเด่นของรถตระกูลนี้ ด้วยการออกแบบตามหลักการสรีระศาสตร์ เน้นความรู้สึกสบายสำหรับการเดินทางไกล โดยเบาะนั่งตอนหลังสามารถพับลงแบบ 1/3 และ 2/3 เพื่อความสะดวกในการบรรจุสัมภาระ

สำหรับรุ่น E 220 d Avantgarde และ E 220 d Exclusive ภายในได้รับการตกแต่งสไตล์หรูหรา มาพร้อมกับเบาะนั่งหุ้มหนัง ARTICO, พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชันหุ้มหนัง NAPPAในขณะที่รุ่น E 220 d AMG Dynamic จะมาพร้อมกับเบาะนั่งหุ้มหนัง NAPPA, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบสปอร์ต ท้ายตัดหุ้มหนัง NAPPA และชุดหน้าจอความละเอียดสูงและหน้าจอดิจิตอลขนาด 12.3 นิ้ว จำนวน 2 จอ เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในห้องโดยสาร

ซึ่งหน้าจอทั้งสองจะอยู่ติดกันและมีลักษณะลอยตัวแบ่งการแสดงผลเป็น 2 ส่วน คือ แผงหน้าปัดสำหรับแสดงมาตรวัดต่างๆ ซึ่งเป็นหน้าจอแบบ Wide screen ขนาดใหญ่เพื่อให้ผู้ขับขี่มองเห็นได้ชัดเจน และอีกส่วนหนึ่งจะเป็นหน้าจอ อินโฟเทนเมนต์ ให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกรูปแบบของแผงหน้าปัดได้ 3 แบบ ได้แก่ แบบคลาสสิก แบบสปอร์ต และแบบ Progressive นับเป็นครั้งแรกของรถยนต์ในเซ็กเมนต์นี้ที่มีการติดตั้งจอดังกล่าว และเหนือกว่าใครด้วย ระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย
นอกจากนี้ สำหรับรถยนต์รุ่น E 220 d AMG Dynamic ที่ประกอบในประเทศไทย จะมาพร้อมกับระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (Head-up Display)

ในส่วนของระบบมัลติมีเดียนั้น The E 220 d Avantgarde และ The E 220 d Exclusive จะมาพร้อมกับระบบ MB Audio 20 พร้อม Controller และ Touchpad ขณะที่ The E 220 d AMG Dynamic จะมาพร้อมกับระบบ COMAND Online พร้อม Controller และ Touchpad, ระบบสั่งการด้วยเสียง (LINGUATRONIC) เฉพาะภาษาอังกฤษ, ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® และฟังก์ชั่นเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ iOS (Apple CarPlay™) และ Android (Android Auto)
นอกจากนี้ ทั้ง 3 รุ่นยังติดตั้งระบบแผนที่นำทางและระบบไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารที่ปรับสีได้ถึง 64 สีอีกด้วย

ความปลอดภัยและเทคโนโลยี มาพร้อมกับระบบ “Mercedes-Benz Intelligent Drive” เพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับความปลอดภัยสูงสุด ด้วยระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE system, ถุงลมนิรภัย9 ตำแหน่ง, โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (ESP), ระบบเบรก ABS , ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชั่น HOLD และ Hill-start Assist, ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับรถ, ระบบจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC), และระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Parking Pilot including Active Parking Assist) เป็นต้น

สำหรับ E 220 d Avantgarde จะมาพร้อมกับกล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยรถ ส่วนรุ่น E 220 d Exclusive และ E 220 d AMG Dynamic จะมาพร้อมกับกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง

หัวใจบรรจุเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบที่พัฒนาขึ้นใหม่ และระบบเกียร์อัตโนมัติ ชุดใหม่ 9G-TRONIC ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็ว สมรรถนะการขับขี่นุ่มนวลและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ประกอบกับโครงสร้างรถที่ได้รับการพัฒนาด้านอากาศพลศาสตร์ และมีน้ำหนักเบาลง ส่งผลให้มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันต่ำเพียง 25.6 กิโลเมตร/ลิตร*และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียงแค่ 102 กรัม/กิโลเมตร*
สำหรับราคา
E 220 d Avantgarde 3,390,000 บาท
E 220 d Exclusive 3,690,000 บาท
E 220 d AMG Dynamic 3,990,000 บาท

หมายเหตุ *อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน และ อัตราการปล่อย CO2 อ้างอิงจากการทดสอบตามมาตรฐานของสหภาพยุโรปเพื่อจุดประสงค์ในการเปรียบเทียบความแตกต่างของรถยนต์ในแต่ละประเภทเท่านั้น ไม่สามารถนำไปอ้างอิงกับรถยนต์คันใดคันหนึ่งโดยเฉพาะและไม่สามารถนำไปใช้เป็นข้อผูกมัดในการเสนอขายสินค้าได้

นายไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่วว่า เพื่อสานต่อเจตนารมณ์ในการนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า บริษัทฯ รุกตลาดรถหรูอย่างเต็มกำลังด้วยการประเดิมเปิดตัว อี-คลาส เจอเนอเรชั่นที่ 10 เครื่องยนต์ ดีเซล รุ่นประกอบในประเทศไทย
“สำหรับ อี-คลาสถือเป็นหัวใจสำคัญของแบรนด์ และสร้างมาตรฐานใหม่ๆ ให้กับกลุ่มรถยนต์สำหรับนักธุรกิจอยู่เสมอ ด้วยเทคโนโลยียนตกรรมใหม่ล่าสุด มีอัตราการใช้พลังงานต่ำลง และการขับขี่ที่สนุกขึ้น”
นายฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหาร ฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า อี-คลาส รุ่นประกอบในประเทศโมเดลล่าสุดนี้ มากับ 3 รุ่นย่อยได้แก่ E 220 d Avantgarde, E 220 d Exclusive และ E 220 d AMG Dynamic
ดีไซน์ภายนอก อี-คลาส มีขนาดตัวถังและฐานล้อที่ยาวและกว้างขึ้น ผสานกับฝากระโปรงหน้าที่ดูยาว เส้นสายของส่วนหลังคาที่ออกแบบในสไตล์รถคูเป้ ด้านหลังของตัวรถได้รับการออกแบบให้ซุ้มล้อหลังดูกว้างกว่าซุ้มล้อหน้า เพื่อแสดงเอกลักษณ์ใหม่ในกลุ่มรถซาลูนของเมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมติดตั้งโคมไฟท้ายแบบชิ้นเดียว
สำหรับ E 220 d Avantgarde มาพร้อมกับไฟหน้าแบบ LED High Performance ขณะที่รุ่น E 220 d Exclusive และ E 220 d AMG Dynamic มาพร้อมกับไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED, ระบบส่องสว่างอัจฉริยะ (ILS - Intelligent Light System), ระบบปรับโคมไฟหน้ารถตามการเลี้ยวของพวงมาลัย (ALS - Active Light System), ระบบเพิ่ม ความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง (cornering light)และระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist)
ไฮไลท์ เฉพาะรุ่น E 220 d AMG Dynamic จะเพิ่มความพิเศษด้วยล้ออัลลอยสปอร์ตจาก AMG ขนาด 19 นิ้ว, หลังคาพาโนรามิคซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิด ได้ด้วยระบบไฟฟ้า, กันชนหน้า-หลัง และสเกิร์ตข้างดีไซน์สปอร์ตแบบ AMG, ดิสก์เบรกหน้าแบบมีช่องระบายความร้อน และสัญลักษณ์ Mercedes-Benz บนคาลิปเปอร์เบรกหน้า
ส่วนดีไซน์ภายใน ห้องโดยสารออกแบบภายใต้แนวคิดการผสมผสานสไตล์สปอร์ตเข้ากับเทคโนโลยี เบาะนั่งถือเป็นหนึ่งในจุดเด่นของรถตระกูลนี้ ด้วยการออกแบบตามหลักการสรีระศาสตร์ เน้นความรู้สึกสบายสำหรับการเดินทางไกล โดยเบาะนั่งตอนหลังสามารถพับลงแบบ 1/3 และ 2/3 เพื่อความสะดวกในการบรรจุสัมภาระ
สำหรับรุ่น E 220 d Avantgarde และ E 220 d Exclusive ภายในได้รับการตกแต่งสไตล์หรูหรา มาพร้อมกับเบาะนั่งหุ้มหนัง ARTICO, พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชันหุ้มหนัง NAPPAในขณะที่รุ่น E 220 d AMG Dynamic จะมาพร้อมกับเบาะนั่งหุ้มหนัง NAPPA, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบสปอร์ต ท้ายตัดหุ้มหนัง NAPPA และชุดหน้าจอความละเอียดสูงและหน้าจอดิจิตอลขนาด 12.3 นิ้ว จำนวน 2 จอ เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในห้องโดยสาร
ซึ่งหน้าจอทั้งสองจะอยู่ติดกันและมีลักษณะลอยตัวแบ่งการแสดงผลเป็น 2 ส่วน คือ แผงหน้าปัดสำหรับแสดงมาตรวัดต่างๆ ซึ่งเป็นหน้าจอแบบ Wide screen ขนาดใหญ่เพื่อให้ผู้ขับขี่มองเห็นได้ชัดเจน และอีกส่วนหนึ่งจะเป็นหน้าจอ อินโฟเทนเมนต์ ให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกรูปแบบของแผงหน้าปัดได้ 3 แบบ ได้แก่ แบบคลาสสิก แบบสปอร์ต และแบบ Progressive นับเป็นครั้งแรกของรถยนต์ในเซ็กเมนต์นี้ที่มีการติดตั้งจอดังกล่าว และเหนือกว่าใครด้วย ระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย
นอกจากนี้ สำหรับรถยนต์รุ่น E 220 d AMG Dynamic ที่ประกอบในประเทศไทย จะมาพร้อมกับระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (Head-up Display)
ในส่วนของระบบมัลติมีเดียนั้น The E 220 d Avantgarde และ The E 220 d Exclusive จะมาพร้อมกับระบบ MB Audio 20 พร้อม Controller และ Touchpad ขณะที่ The E 220 d AMG Dynamic จะมาพร้อมกับระบบ COMAND Online พร้อม Controller และ Touchpad, ระบบสั่งการด้วยเสียง (LINGUATRONIC) เฉพาะภาษาอังกฤษ, ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® และฟังก์ชั่นเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ iOS (Apple CarPlay™) และ Android (Android Auto)
นอกจากนี้ ทั้ง 3 รุ่นยังติดตั้งระบบแผนที่นำทางและระบบไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารที่ปรับสีได้ถึง 64 สีอีกด้วย
ความปลอดภัยและเทคโนโลยี มาพร้อมกับระบบ “Mercedes-Benz Intelligent Drive” เพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับความปลอดภัยสูงสุด ด้วยระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE system, ถุงลมนิรภัย9 ตำแหน่ง, โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (ESP), ระบบเบรก ABS , ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชั่น HOLD และ Hill-start Assist, ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับรถ, ระบบจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC), และระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Parking Pilot including Active Parking Assist) เป็นต้น
สำหรับ E 220 d Avantgarde จะมาพร้อมกับกล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยรถ ส่วนรุ่น E 220 d Exclusive และ E 220 d AMG Dynamic จะมาพร้อมกับกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง
หัวใจบรรจุเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบที่พัฒนาขึ้นใหม่ และระบบเกียร์อัตโนมัติ ชุดใหม่ 9G-TRONIC ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็ว สมรรถนะการขับขี่นุ่มนวลและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ประกอบกับโครงสร้างรถที่ได้รับการพัฒนาด้านอากาศพลศาสตร์ และมีน้ำหนักเบาลง ส่งผลให้มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันต่ำเพียง 25.6 กิโลเมตร/ลิตร*และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียงแค่ 102 กรัม/กิโลเมตร*
สำหรับราคา
E 220 d Avantgarde 3,390,000 บาท
E 220 d Exclusive 3,690,000 บาท
E 220 d AMG Dynamic 3,990,000 บาท
หมายเหตุ *อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน และ อัตราการปล่อย CO2 อ้างอิงจากการทดสอบตามมาตรฐานของสหภาพยุโรปเพื่อจุดประสงค์ในการเปรียบเทียบความแตกต่างของรถยนต์ในแต่ละประเภทเท่านั้น ไม่สามารถนำไปอ้างอิงกับรถยนต์คันใดคันหนึ่งโดยเฉพาะและไม่สามารถนำไปใช้เป็นข้อผูกมัดในการเสนอขายสินค้าได้
รุ่น | E 220 d Avantgarde, E 220 d Exclusive และ E 220 d AMG Dynamic |
เครื่องยนต์ | ดีเซล 4 สูบ |
ปริมาตรกระบอกสูบ (ซีซี) | 1,950 |
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รอบต่อนาที) | 194/3,800 |
แรงบิดสูงสุด (นิวตัน-เมตร/รอบต่อนาที) | 400/1,600-2,800 |
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.(วินาที) | 7.3 |
อัตราบริโภคน้ำมันเฉลี่ย(กม./ลิตร) | 25.6 |
ปริมาตรการปล่อยไอเสีย (กรัม/กม.) | 102 |