xs
xsm
sm
md
lg

เปิดใจนายใหญ่ รอยัล เอนฟิลด์ หัวใจคือบริการหลังการขาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทำความรู้จักกับ รอยัล เอนฟิลด์ รถจักรยานยนต์แบรนด์ใหม่ในไทย แต่เก่าแก่ที่สุดในโลก ผ่านบทสัมภาษณ์พิเศษ อรุณ โกปาล ประธานฝ่ายธุรกิจต่างประเทศ ของรอยัล เอนฟิลด์ ที่เปิดเผยเรื่องราวความเป็นมาของแบรนด์และแนวทางการทำตลาดในประเทศไทย
อรุณ โกปาล ประธานฝ่ายธุรกิจต่างประเทศ รอยัล เอนฟิลด์
-ความเป็นมาของรอยัล เอนฟิลด์?
รอยัล เอนฟิลด์ เป็นแบรนด์รถจักรยานยนต์ของอังกฤษ ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก กำเนิดขึ้นเมื่อปี 1901 ซึ่งทางกลุ่ม ไอเชอร์ มอเตอร์ส ของอินเดียได้ซื้อกิจการมาดำเนินการตั้งแต่ปี 1987 โดยทำตลาดในประเทศอินเดียเป็นหลัก ปัจจุบันมีสัดส่วนการขาย 95% ตลาดอินเดียและ 5%ที่เหลือส่งออกทำตลาดทั่วโลก ซึ่งเพิ่งจะเริ่มในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยมีโรงงานประกอบรถจักรยานยนต์ 2 แห่งในประเทศอินเดีย

-ยอดขายเป็นอย่างไร?
กล่าวได้ว่ารอยัล แอนฟิลด์ เป็นแบรนด์ที่มีอัตราการขายเติบโตรวดเร็วที่สุด ตั้งแต่ปี 2010-2015 ยอดขายเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยปีละ 54% ล่าสุดปี2015 เรามียอดขาย 450,000 คันทั่วโลก สำหรับปี 2016 คาดว่าจะขายได้ทั้งสิ้น 675,000 คัน และในปี 2018 เราคาดว่าจะทำยอดขายได้ถึง 900,00 คัน เนื่องจากเรากำลังสร้างโรงงานแห่งที่ 3 เพื่อขยายกำลังการผลิตรองรับความต้องการของลูกค้า
โชว์รูมและศูนย์บริการรอยัล เอนฟีลด์ ซ.ทองหล่อ
-จุดเด่นของรอยัล เอนฟิลด์
รถจักรยานยนต์ รอยัล เอนฟิลด์ เป็นแบรนด์ที่มีตำนาน เพราะเคยผลิตอาวุธในช่วงสงครามโลกและจักรยานยนต์ของเราก็ใช้ในช่วงสงครามโลกด้วยเช่นกัน โดยยังคงเอกลักษณ์ รูปทรงดังเดิมเอาไว้อย่างครบถ้วน และด้วยขนาดของเครื่องยนต์ที่ระดับ 250-750 ซีซี ซึ่งถือว่าเป็นรถขนาดกลาง ขับง่าย ขับได้ทุกวัน และไม่มีคู่แข่งโดยตรงในตลาด จึงทำให้รอยัล เอนฟิลด์ โดดเด่นกว่าแบรนด์อื่น

-มุมมองต่อตลาดบิ๊กไบค์ไทย?
ตลาดรถสองล้อของไทยมียอดขายราว 1.6-1.7 ล้านคันต่อปี ส่วนบิ๊กไบค์จะมียอดขายราว 30,000-35,000 คันต่อปี รอยัล เอนฟิลด์ เพิ่งจะเข้ามาทำตลาดในเมืองไทยได้ 10 เดือน(เริ่มขายจริง 7 เดือน) มียอดขายเฉลี่ย 80-100 คันต่อเดือน ดังนั้นช่วงนี้เราจึงรอฟังผลตอบรับจากผู้บริโภคเพื่อเก็บเป็นข้อมูลว่าลูกค้าต้องการอะไรบ้าง
ของประดับตกแต่งในโชว์รูมนำมาจากอินเดีย
-กลยุทธ์ในการทำตลาด?
สิ่งสำคัญประการแรกเราต้องเร่งสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก ให้ลูกค้าเชื่อมั่น จากนั้นให้ลูกค้าได้เห็น ได้สัมผัส ผ่านทางการทำกิจกรรมต่างๆ เช่นการขับออกทัวร์ท่องเที่ยว สุดท้ายสำคัญที่สุดขาดไม่ได้คือ การบริการหลังการขายและอะไหล่ ปัจจุบันมี 1 แห่งที่กรุงเทพฯ เป็นทั้งโชว์รูมและศูนย์บริการควบคู่กัน
สำหรับแผนช่วงแรกคือ การขยายศูนย์บริการเพิ่มอีก 4 แห่งที่ พัทยา,เชียงใหม่,สงขลาและนครราชสีมา เพื่อให้คลอบคลุมกลุ่มลูกค้าที่ซื้อรถไปแล้ว ซึ่งอยู่ตามหัวเมืองเหล่านี้ เขาจะได้ไม่ต้องเดินทางไกลเพื่อมารับบริการ เราต้องบริการลูกค้า ไม่ใช่ทำให้ลูกค้าลำบาก อีกทั้งยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าอีกด้วย แผนต่อไปจะขยายโชว์รูมไปยังต่างจังหวัดเพิ่ม

-อยากให้ภาครัฐช่วยอะไร?
ประเทศไทยมีอัตราภาษีนำเข้ารถจักรยานยนต์ที่สูงมากถึง 60% เปรียบเทียบกับอัตราภาษีของยุโรปที่เก็บเพียง 5-7% หรือออสเตรเลียที่มีอัตรา 0% แม้ไทยจะมีข้อตกลงทางการค้ากับอินเดียแต่รถจักรยานยนต์ไม่มีรวมอยู่ด้วย ดังนั้นหากเป็นไปได้รัฐช่วยลดภาษีนำเข้าให้ต่ำลงจะทำให้คนไทยซื้อรถในราคาที่ถูกตลง เป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น

ถึงบรรทัดนี้ เชื่อเหลือเกินว่า รอยัล เอนฟิลด์ จะมีทิศทางที่สดใสในการทำตลาดเมืองไทยอย่างแน่นนอน
กำลังโหลดความคิดเห็น