ประกาศตัวชัดเจนว่าเป็นมหกรรมยานยนต์เพื่อขาย เน้นปลุกความคึกคักให้ตลาดช่วงโลว์ซีซัน โดย BIG Motor Sale ปีนี้จัดระหว่าง 20-28 สิงหาคม ที่ไบเทค บางนา ใครอยากเปรียบเทียบรถยนต์รุ่นไหนก่อนตัดสินใจซื้อ หรือหวังแคมเปญสนับสนุนการขาย งานนี้ก็จัดหนักอัดเต็มไม่แพ้ มอเตอร์โชว์ หรือ มอเตอร์เอ็กซ์โป เลยทีเดียว
โดยประธานจัดงาน “จรวย ขันมณี” ยืนยันว่า จะมีค่ายรถยนต์เข้าร่วม 11 ยี่ห้อ ได้แก่ เชฟโรเลต ซูบารุ จากัวร์ เปอร์โย ออดี้ ซันยอง โตโยต้า ฮอนด้า ฟอร์ด เมอร์เซเดส-เบนซ์ และปอร์เช่
...ก่อนจะไปตะลุยงานจริง “ผู้จัดการมอเตอริ่ง” พาไปสำรวจรถยนต์รุ่นเด่นที่นำไปเปิดตัวในงานนี้กันก่อน
***โตโยต้า เซียนต้า
มินิเอ็มพีวีรุ่นใหม่ของโตโยต้าได้ฤกษ์ลุยตลาดเมืองไทย โดยนำเข้ามาจากโรงงานผลิตประเทศอินโดนีเซีย เช่นเดียวกับรุ่น “อแวนซา” แต่ “เซียนต้า” ถูกวางตำแหน่งทางการตลาดไว้สูงกว่า โดยแบ่งเป็นสองรุ่นย่อย 1.5 V ราคา 8.65 แสนบาท และ 1.5 G 7.5 แสนบาท
เซียนต้าเป็นรถที่พัฒนาบนพื้นฐานเดียวกับเก๋งซับคอมแพกต์อย่างวีออส โดยมิติตัวถังยาว 4,235 มิลลิเมตร กว้าง 1,695 มิลลิเมตร และสูง 1,675 มิลลิเมตร โดดเด่นด้วยประตูสไลด์สองฝั่ง พร้อมเบาะนั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง
การออกแบบดูสมัยสไตล์วัยรุ่น พร้อมไฟหน้าโปรเจคเตอร์ Bi-Beam LED ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน Daytime Running Lights แบบ LED ขณะที่ไฟหรี่และไฟท้าย LED แบบ Light Guiding รวมถึงกระจกมองข้างพับ/ปรับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว และปลอกหุ้มท่อไอเสีย
ด้านเครื่องยนต์เป็นเบนซินขนาด 1.5 ลิตร Dual VVT-i ให้กำลังสูงสุด 108 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 140 นิวตัน-เมตร ที่ 4,200 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT 7 สปีด ซึ่งเซียนต้าจะเริ่มส่งมอบให้ลูกค้าได้ตั้งแต่เดือนกันยายนนี้
**เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์
หลังจากเปิดตัวปิกอัพโคโรลาโด ใหม่ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา(แต่พร้อมขายจริงเดือนกรกฏาคม) “เชฟโรเลต” เสริมทัพดาบสองด้วยพีพีวี “เทรลเบลเซอร์” ทันที ซึ่งค่ายรถยนต์อเมริกันย้ำว่า รถอเนกประสงค์7ที่นั่งคันนี้ จะมาพร้อมกับความหรูหรายิ่งขึ้น ส่วนภายในห้องโดยสารจะได้รับการออกแบบใหม่ มุ่งเน้นการใช้วัสดุผิวสัมผัสนุ่มนวลและมีคุณภาพสูง ขณะที่เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.5 ลิตร เทอร์โบแปรผัน ปรับปรุงประสิทธิภาพใหม่ ประกบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
ทั้งนี้ เชฟโรเลต เซลส์ แจ้งว่าจะประกาศราคาขายและเปิดรับจองเทรลเบลเซอร์ ใหม่ในงานนี้ พร้อมเปิดโอกาสให้ทดสอบสมรรถนะได้ทันที
***ซูบารุ เอ็กซ์วี ครอสส์เทรก
ซูบารุ ยังพยายามสร้างความสดใหม่ให้เอสยูวีตัวเก่ง โดยใช้งาน BIG Motor Sale 2016 เปิดตัว “เอ็กซ์วี ครอสส์เทรก” (XV CROSSTREK) ครั้งแรกในเมืองไทย โดยปรับโฉมเพิ่มอารมณ์สปอร์ต ด้วยชุดสเกิร์ตรอบคันและสปอยเลอร์หลัง รวมถึงสีสันภายในของเบาะนั่งที่โฉบเฉี่ยวมากขึ้น
ส่วนเครื่องยนต์เบนซินสูบนอน 2.0 ลิตร ไม่ได้ปรับเปลี่ยนอะไร ยังให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 6,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 196 นิวตัน-เมตร ที่ 4,200 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง CVT
สำหรับ“เอ็กซ์วี ครอสส์เทรก”เป็นรุ่นตกแต่งพิเศษทำมาจำนวนจำกัด 300 คัน สนนราคา 1.1-1.2ล้านบาท
***ปอร์เช่ 718 บอกซเตอร์
เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานใหญ่ สำหรับ 718 บ็อกซเตอร์ (718 Boxster) ที่นอกจากชื่อใหม่แล้ว ขุมพลังที่วางอยู่ด้านหลัง(ตามโครงสร้างเป็นเครื่องยนต์วางกลาง) ก็เป็นบล็อกใหม่ ขนาด 2.0 และ 2.5 ลิตร
โดย718 บ็อกซเตอร์ เครื่องยนต์ 4 สูบนอน 2.0 ลิตร ให้กำลัง 300 แรงม้า เมื่อประกบเกียร์ PDK และชุดแต่งสปอร์ตโครโน (Sport Chrono Package) ทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ 4.7 วินาที (เร็วกว่ารุ่นเดิม 0.8 วินาที) ความเร็วสูงสุดที่ 275 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ส่วน 718 บ็อกซเตอร์ เอส เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร 350 แรงม้า
ที่ติดตั้งอุปกรณ์พิเศษแบบเดียวกัน สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้เพียง 4.2 วินาที (เร็วกว่ารุ่นเดิม 0.6 วินาที) และความเร็วสูงสุดที่ 285 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
...โดยสปอร์ตโรดสเตอร์ของปอร์เช่รุ่นนี้ ราคาเริ่มต้น 7.2 ล้านบาท
จากัวร์ เอ็กซ์เอฟ - เอ็กซ์เจ รุ่นปี 2016
จากัวร์แบรนด์หรูจากอังกฤษเตรียมส่งสองยนตรกรรม “เอ็กซ์เอฟ” (XF) และ “เอ็กซ์เจ” (XJ) รุ่นปี 2016 เปิดตัวภายในงานซึ่งทั้ง 2 รุ่นวางเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร
โดยเอ็กซ์เอฟ พัฒนาขึ้นตามแนวคิด “The Art of Performance” ด้วยการออกแบบที่ผสานทั้งดีไซน์ใหม่ สมรรถนะความแรง และการปรับปรุงเทคโนโลยีการขับขี่ ตลอดจนความบันเทิงชั้นเลิศในห้องโดยสาร พร้อมการตกแต่งหรูหราทันสมัย
ด้านเอ็กซ์เจ ออกแบบส่วนหน้าใหม่ ภายในห้องโดยสารภายมีพื้นที่กว้างขวางเพื่อความสะดวกสบายแผงคอนโซลรุ่นใหม่รวบรวมความทันสมัยไว้อย่างครบครัน ทั้งจอแสดงผลความละเอียดสูงแบบ Head-up ขนาด 12.3 นิ้ว และจอทัชสกรีน 8 นิ้ว เบาะนั่งแถวหลังติดตั้งการทำงานแบบมัลติฟังก์ชั่นที่สามารถปรับเปลี่ยนระดับได้โดยผู้ซื้อสามารถเลือกออปชันชุดการปรับแต่งที่นั่งแถวหลังได้หลากหลายรูปแบบ
*** ออดี้ มีเปิดตัว 5 รุ่น
เริ่มจาก ออดี้ เอ 4 รุ่นใหม่มากับเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ แถวเรียง พร้อมระบบ Direct Fuel Injection Turbocharging และ Indirect Intercooling ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 190 แรงม้า ที่ 4,200 - 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ที่ 1,450 - 4,200 รอบต่อนาที ระบบเกียร์อัตโนมัติ S-Tronic 7 สปีด โดดเด่นด้วยไฟหน้าแบบ LED Headlights พร้อมติดตั้งชุดแต่งภายนอก S Line ได้แก่ กันชนหน้าแบบสปอร์ต กันชนหลังสีเทา และกราบประตูโลโก้ S Line เป็นต้น พร้อมติดตั้งเทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อความสะดวกสบายและความบันเทิงระหว่างการขับขี่ อาทิ ระบบ Audi music interface เชื่อมต่อกับเครื่องเล่นแบบพกพาผ่าน USB interface ระบบ Handfree เชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่าน Bluetooth interface ระบบรักษาความเร็วคงที่ Programmable speed limiter และระบบช่วยจอด Parking aid plus มีให้เลือก 4 สี ในราคา 2,499,000 บาท สำหรับรุ่น standard และ 2,699,000 บาท สำหรับรุ่น sport
ออดี้ คิว7 รุ่นใหม่ ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล V6 พร้อมระบบ Commom Rail Injection System and Turbocharging ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 249 แรงม้า ที่ 2,910 - 4,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร ที่ 1,500 - 3,000 รอบต่อนาที ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ Tiptronic 8 สปีด ภายนอกโดดเด่นด้วยกระจังหน้าขอบโครเมี่ยม ไฟหน้าชนิด Matrix LED ส่องสว่างอัตโนมัติและเรืองแสงตามสถานการณ์ไม่ว่าจะเป็น องศาการเลี้ยวของพวงมาลัยและอุณหภูมิของแสง และไฟท้ายแบบ LED พร้อม Dynamic Indicator ภายในหรูหราด้วยการตกแต่งแบบ Diamond Finish พร้อมเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกสบายในการขับขี่ อาทิ Audi Virtual Cockpit จอแสดงผล LED ที่แสดงมาตรวัดและข้อมูลสำคัญของรถในรูปแบบดิจิตอลด้วยความคมชัดแบบสามมิติ เอกสิทธิ์พิเศษของออดี้ เบาะนั่งคู่หน้าปรับระดับด้วยไฟฟ้าพร้อมบันทึกความจำ และ Lumbar Support เพื่อดุนหลัง 4 ตำแหน่ง พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น หุ้มหนัง 4 ก้าน พร้อม Shift Paddles เพื่อการขับขี่ที่สนุกสนานยิ่งขึ้น และระบบช่วยขับขี่ Audi Drive Select ที่ทำงานร่วมกับ MMI® Navigation Plus เป็นต้น มีให้เลือก 4 สี ในราคา 4,999,000 บาท
ขณะที่อีก 3 รุ่นหลังเป็นรุ่นไมเนอร์เชนจ์ คือ ออดี้ เอ3 ใหม่ ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ แถวเรียง พร้อมระบบ Direct Fuel Injection Turbocharging ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 150 แรงม้า ที่ 3,500 - 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 340 นิวตันเมตร ที่ 1,750 - 3,000 รอบต่อนาที และระบบเกียร์อัตโนมัติ S-Tronic 6 สปีด ภายนอกมาพร้อมโฉมใหม่ที่โฉบเฉี่ยวในสไตล์สปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยชุดแต่ง S Line ได้แก่ กันชนหน้า-หลังแบบสปอร์ต หลังคาสปอยเลอร์ พร้อมประตูตัดขอบ และล้ออัลลอยอลูมิเนียมแบบ 5 Paralleel ขนาด 18 นิ้ว เบาะหนังคู่หน้าแบบสปอร์ต มีให้เลือก 6 สี ในราคา 2,199,000 บาท
ออดี้ เอ6 1.8 TFSI ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ แถวเรียง พร้อมระบบ Direct Fuel Injection Turbocharging และ Indirect Intercooling ให้กำลังสูงสุดถึง 190 แรงม้า ที่ 4,200 - 6,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ที่ 1,400 - 4,100 รอบต่อนาที และระบบเกียร์อัตโนมัติ S-Tronic 7 สปีด ภายนอกโฉบเฉี่ยวด้วยไฟหน้าแบบ Xenon Plus พร้อมไฟหน้าปรับอัตโนมัติตามสภาพการขับขี่ และไฟ Daytime Running Lights สำหรับขับขี่ในเวลากลางวัน ส่วนไฟท้ายเป็นแบบ LED ภายในตกแต่งในสไตล์หรูหราด้วย Walnut Dark Brown และเบาะนั่งหุ้มด้วยหนังแท้ Milano มีให้เลือก 3 สี ในราคา 3,499,000 บาท
ออดี้ คิว3 มาพร้อมเครื่องยนต์ 2 ทางเลือก คือ เครื่องยนต์ 2.0 TFSI Quattro® เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ แถวเรียง พร้อมระบบ Direct Fuel Injection Turbocharging และ Indirect Intercooling ให้กำลังสูงสุดถึง 180 แรงม้า ที่ 4,000 - 6,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ที่ 1,400 - 3,900 รอบต่อนาที ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ S-Tronic 7 สปีด และเครื่องยนต์ 2.0 TDI Quattro® เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ แถวเรียง พร้อมระบบ Direct Fuel Injection Turbocharging ให้กำลังสูงสุดถึง 184 แรงม้า ที่ 3,500 - 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร ที่ 1,800 - 3,250 รอบต่อนาที ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ S-Tronic 7 สปีด โดดเด่นด้วยไฟหน้าแบบ LED พร้อม Rear Indicator Running Light ปรับอัตโนมัติตามสภาพการขับขี่ ไฟ Daytime Running Lights สำหรับขับขี่ในเวลากลางวัน และไฟท้ายแบบ LED สปอร์ตยิ่งขึ้นด้วย Roof Spoiler ภายในตกแต่งในสไตล์หรูหราด้วย Aluminium Satellite และเบาะนั่งหุ้มด้วยหนังแท้ Milano มีให้เลือก 4 สี ในราคา 2,549,000 บาท สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน และ ราคา 2,749,000 บาท สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล
นอกจากรถรุ่นใหม่มาเปิดตัวแล้ว ยังมีรุ่นปัจจุบันที่จำหน่ายอยู่นำมาปรับโฉมหรือทำเป็นรุ่นพิเศษ อีกมากเพื่อกระตุ้นยอดขายก่อนสิ้นปี
***“ มิตซูบิชิ มิราจ ใหม่” และ “แอททราจ ใหม่” รุ่นพิเศษ “แรลลี่อาร์ต ลิมิเต็ด เอดิชั่น”
ไฮไลท์เด่นของมิตซูบิขิ คือ อีโค คาร์ 2 รุ่น “มิตซูบิชิ มิราจ ” และ “มิตซูบิชิ แอททราจ ” นำมาทำเป็นรุ่นพิเศษ “แรลลี่อาร์ต ลิมิเต็ด เอดิชั่น” ด้วยชุดแต่งลิขสิทธิ์แท้แรลลี่อาร์ต (RalliArt) ที่จัดทำขึ้นในรูปลักษณ์แนวสปอร์ตในสไตล์รถแข่ง เอาใจคนรักรถยนต์ อีโค คาร์ที่ชื่นชอบความคล่องตัว ปราดเปรียว ทันสมัย และให้อารมณ์สปอร์ตที่ช่วยให้ผู้ขับขี่มั่นใจตลอดการเดินทาง โดยรุ่นพิเศษนี้มีจำนวนจำกัดเพียง 250 คันต่อรุ่นเท่านั้น
รุ่นพิเศษ “แรลลี่อาร์ต ลิมิเต็ด เอดิชั่น” ในมิตซูบิชิ มิราจ ใหม่ เฉพาะรุ่น1.2GLX CVT ที่มาพร้อมชุดตกแต่งสติ๊กเกอร์หลังคาสีดำ สติ๊กเกอร์ด้านข้างแรลลี่อาร์ต สปอยเลอร์หลังสีดำ ฝาครอบกระจกมองข้างสีดำ คิ้วโครเมียมตกแต่งชายฝากระโปรงท้าย โดดเด่นด้วยแผงครอบกันชนหลัง และโลโก้แรลลี่อาร์ต ส่วนมิตซูบิชิ แอททราจ ใหม่ เฉพาะรุ่น 1.2GLS CVT ตกแต่งด้วยสเกิร์ตรอบคันสีดำ สติ๊กเกอร์หลังคาสีดำ สติ๊กเกอร์ด้านข้างแรลลี่อาร์ต สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED และโลโก้แรลลี่อาร์ต
***มาสดา บีที-50 โปร
งานฯนี้ มาสด้ายังเอาใจลูกค้าที่ชื่นชอบความสปอร์ตปิกอัพที่แข็งแกร่งดุดัน ด้วยการเพิ่มออฟชั่นเต็มคันเข้ามาใน มาสด้า บีที-50 โปร เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เพิ่มความคุ้มค่า คุ้มราคา เช่น บันไดข้างดีไซน์สปอร์ต ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว สะดวกและปลอดภัยด้วยกล้องมองหลัง พร้อมจอแสดงผลบนกระจกมองหลัง มาพร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานครบครัน รวมทั้งประตู “ฟรีสไตล์ แค็ป” (FREESTYLE CAB) ที่ให้ความสะดวกสบายในการเข้า-ออกยิ่งขึ้น
*** เอสติม่า ใหม่
ด้านผู้นำเข้าอิสระ ก็ไม่น้อยหน้า มีรถใหม่เข้ามาแจมเหมือนกัน ทั้งอีตั้น อิมปอร์ท และบีอาร์ จี ด้วยทั้ง2เจ้า นำรถ เอสติม่า มาจำหน่าย นอกเหนือจากแคมเปญ โดยรถยนต์รุ่นดังกล่าวเป็นรถเอ็มพีวียอดนิยมสำหรับครอบครัวยุคใหม่ ด้วยเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร 4 สูบ 170 แรงม้า แรงบิด 224 นิวตันเมตร อัตราสิ้นเปลื้องน้ำมันเพียง 11.4 กม./ลิตร ระบบเกียร์อัตโนมัติ Super CVT และช่วงล่างแมคเฟอร์สันสตรัท และทอร์ชั่นบีม ที่ทรงประสิทธิภาพและประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม พร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยมากมาย อาทิ ระบบป้องกันการชน,หลังคา Moonroof, ไฟหน้า Bi-Beam LED ปรับสูงต่ำอัตโนมัติ, ระบบแจ้งเตือนการเปลี่ยนเลน, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC, ระบบ Cruise Control พร้อมประตูข้างและฝาท้ายเปิดปิดด้วยระบบไฟฟ้า ตั้งราคาเท่ากันด้วย ที่ 3,490,000 บาท
..ใครสนใจรุ่นไหนไปสัมผัสตัวจริงได้ที่งาน BIG Motor Sale2016
MGR MOTORING แจกบัตรเข้าชมงาน “บิ๊กมอเตอร์เซล” ฟรี คนละ 2 ใบ ติดต่อรับบัตรได้ที่ บ้านพระอาทิตย์ เวลา 8.30-18.00 น. (บัตรมีจำนวนจำกัด )