การเปิดตัว “อีซูซุ ดี-แมคซ์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์” ช่วยให้ยอดขายของปิกอัพอีซูซุกลับมาทะยานสวนกระแส และก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำนับตั้งแต่แนะนำสู่ตลาดเมื่อก่อนสิ้นปีที่ผ่านมา แต่นั่นยังไม่ใช่บทสรุปเพราะตลอดปีลิง 2559 นี่จะเป็นบททดสอบความแรงอย่างแท้จริง โดยที่ “ตรีเพชร อีซูซุเซลส์” ได้เตรียมพร้อมลุยมีการปรับทัพคุมธุรกิจในไทยใหม่ รวมถึงแผนการตลาดที่จะรักษายอดขายไว้ให้ได้มากที่สุด...
“การเปิดตัวของ อีซูซุ ดี-แมคซ์ ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ เป็นปัจจัยทำให้ปิกอัพอีซูซุเติบโตสวนทิศทางตลาดรถยนต์ในไทยปัจจุบัน ขณะที่คาดว่าภาพรวมตลาดรถยนต์ไทยปีนี้จะชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง หรือน่าจะอยู่ที่ประมาณ 7.1-7.2 แสนคัน จากปีที่ผ่านมาทำได้กว่า 7.9 แสนคัน เนื่องจากไทยได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ขณะที่ภายในประเทศยังพบกับปัญหาภัยแล้งอีก”
นั่นเป็นการเปิดเผยถึงสถานการณ์อีซูซุปัจจุบัน และมุมมองต่อตลาดรถในไทยของ “ฮิโรชิ นาคางาวะ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ที่กุมบังเหียนในไทยมาตั้งแต่ปี 2552 จนถึงปัจจุบัน สร้างความสำเร็จมากมายในการผลักดันยอดขายของอีซูซุในไทย รวมถึงการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ๆ สู่ตลาด ไม่วาจะเป็น อีซูซุ ดี-แมคซ์ โฉมใหม่ และล่าสุดเครื่องยนต์ “1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์” โดยเตรียมจะวางมือในไทยและส่งไม้ต่อให้กับ “โทชิอากิ มาเอคาวะ” ผู้ที่ผ่านประสบการณ์ทำงานในไทยมาแล้ว 3 ครั้ง เพื่อสานต่อความสำเร็จโดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีเครื่องยนต์บลูเพาเวอร์ให้เป็นที่ยอมรับอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2559 เป็นต้นไป
นอกจากการปรับทัพครั้งนี้ เพื่อตั้งรับสภาวะตลาดรถยนต์ไทยชะลอตัว อีซูซุในประเทศไทยจึงต้องเตรียมพร้อมเพื่อรักษาการผลิตในโรงงานไว้ให้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ดังนั้นจึงได้มีการตั้งเป้าหมายเพิ่มการส่งออกรถอีซูซุจากโรงงานในประเทศไทยเพิ่มเป็น 1.85 แสนคัน จากปีที่ผ่านมาส่งออกไป 1.8 แสนคัน ซึ่งค่อนข้างจะเป็นงานที่ถนัดของมาเอคาวะกรรมการผู้จัดการคนใหม่ ที่ผ่านการดูแลตลาดส่งออกปิกอัพอีซูซุ ดี-แมคซ์ และรถอเนกประสงค์อีซูซู มิว-เอ็กซ์จากไทยมาแล้วในช่วงปี 2554-2558 จากการเป็นกรรมการผู้จัดการร่วมอีซูซุ มอเตอร์ อินเตอร์เนชั่น โอเปอเรชั่น ประเทศไทย และยังเคยดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (COO) ที่บริษัท อีซูซุ ออโตโมทีฟ ยุโรป จำกัด ในปี 2551-2554 รับผิดชอบการจัดจำหน่ายปิกอัพอีซูซุ ดี-แมคซ์ในทวีปยุโรปอีกด้วย
“ในส่วนของผลิตภัณฑ์รถอีซูซุที่ได้มีการเปิดตัวรุ่นดี-แมคซ์เครื่องยนต์บลูเพาเวอร์ ปรากฎว่ากระแสการตอบรับยังคงดีต่อเนื่อง จนทำให้ต้องปรับกำลังการผลิตเพื่อไม่ให้ลูกค้ารอรถนาน และในเดือนมีนาคมนี้บริษัทฯ ยังจะแนะนำปิกอัพดี-แมคซ์ บลูเพาเวอร์ เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ใหม่ พร้อมกับเปิดตัวรถอเนกประสงค์พีพีวี อีซูซุ มิว-เอ็กซ์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ใหม่ สู่ตลาดไทยครั้งแรกในโลกด้วย” นาคางาวะกล่าว
ทั้งนี้ปิกอัพ อีซูซุ ดี-แมคซ์ เครื่องยนต์บลูเพาเวอร์ เกียร์เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เป็นการพัฒนาระบบส่งกำลังขึ้นใหม่มาแทนลูกเดิมที่เป็นแบบ 5 จังหวะ โดยปัจจุบันติดตั้งในรถพีพีวีรุ่นมิว-เอ็กซ์ ซึ่งในรุ่นปรับโฉมใหม่จะเปลี่ยนเป็นเกียร์อัตโนมัติใหม่นี้เช่นกัน ส่วนผลกระทบจากการปรับเปลี่ยนโครงสร้างภาษีสรรพสามิตแบบใหม่ รถอเนกประสงค์แบบพีพีวีจะได้รับผลกระทบมากที่สุด ทำให้อีซูซุ มิว-เอ็กซ์ ต้องมีการปรับราคาขึ้นตาม แต่จะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับคู่แข่งในตลาด ขณะที่ปิกอัพไม่ค่อยมีผลมากเท่าไหร่ หรือหากจำเป็นต้องปรับก็จะให้ลูกค้าได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
“แม้ภาพรวมตลาดรถยนต์ไทยจะชะลอตัว ส่งผลให้ยอดขายในประเทศของอีซูซุลดลงตามสภาวะตลาดบ้าง แต่เชื่อว่าตลาดปิกอัพโดยรวมจะไม่ลดลงมากเท่ากับรถยนต์นั่ง หรือเก๋ง ทำให้สัดส่วนของปิกอัพในตลาดรถไทย จะปรับเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 50% จากเดิมจะอยู่ที่ 44-45% และผลจากการแนะนำรถรุ่นใหม่ของอีซูซุสู่ตลาด แต่ยังเชื่อว่าอีซูซุจะสามารถครองส่วนแบ่งตลาด หรือแชร์ในตลาดรถยนต์รวมอยู่ที่ประมาณ 18% ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา”
นับเป็นการเปิดเผยงแผนงานและกลยุทธ์ของอีซูซุอย่างชัดเจน ถึงแนวทางรับมือคู่แข่งและสภาวะการชะลอตัวของตลาดรถยนต์ไทย และมาดูกันว่ากระแส “1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์” ทั้งในปิกอัพดี-แมคซ์ และรถอเนกประสงค์พีพีวีรุ่นมิว-เอ็กซ์ ใหม่ ที่กำลังจะเปิดตัวเร็วๆ นี้ จะช่วยปั่นยอดขายอีซูซุให้ฝ่าตลาดตกต่ำไปได้ตามเป้าหมายหรือไม่?!
MU-X ตัวเริ่มต้นเครื่องยนต์ดีเซล1.9 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ขับเคลื่อนสองล้อ 1.094 ล้านบาท ส่วนตัวท็อปเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ขับเคลื่อนสี่ล้อ ราคา 1.464 ล้านบาท
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ MGR Motoring
“การเปิดตัวของ อีซูซุ ดี-แมคซ์ ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ เป็นปัจจัยทำให้ปิกอัพอีซูซุเติบโตสวนทิศทางตลาดรถยนต์ในไทยปัจจุบัน ขณะที่คาดว่าภาพรวมตลาดรถยนต์ไทยปีนี้จะชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง หรือน่าจะอยู่ที่ประมาณ 7.1-7.2 แสนคัน จากปีที่ผ่านมาทำได้กว่า 7.9 แสนคัน เนื่องจากไทยได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ขณะที่ภายในประเทศยังพบกับปัญหาภัยแล้งอีก”
นั่นเป็นการเปิดเผยถึงสถานการณ์อีซูซุปัจจุบัน และมุมมองต่อตลาดรถในไทยของ “ฮิโรชิ นาคางาวะ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ที่กุมบังเหียนในไทยมาตั้งแต่ปี 2552 จนถึงปัจจุบัน สร้างความสำเร็จมากมายในการผลักดันยอดขายของอีซูซุในไทย รวมถึงการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ๆ สู่ตลาด ไม่วาจะเป็น อีซูซุ ดี-แมคซ์ โฉมใหม่ และล่าสุดเครื่องยนต์ “1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์” โดยเตรียมจะวางมือในไทยและส่งไม้ต่อให้กับ “โทชิอากิ มาเอคาวะ” ผู้ที่ผ่านประสบการณ์ทำงานในไทยมาแล้ว 3 ครั้ง เพื่อสานต่อความสำเร็จโดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีเครื่องยนต์บลูเพาเวอร์ให้เป็นที่ยอมรับอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2559 เป็นต้นไป
นอกจากการปรับทัพครั้งนี้ เพื่อตั้งรับสภาวะตลาดรถยนต์ไทยชะลอตัว อีซูซุในประเทศไทยจึงต้องเตรียมพร้อมเพื่อรักษาการผลิตในโรงงานไว้ให้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ดังนั้นจึงได้มีการตั้งเป้าหมายเพิ่มการส่งออกรถอีซูซุจากโรงงานในประเทศไทยเพิ่มเป็น 1.85 แสนคัน จากปีที่ผ่านมาส่งออกไป 1.8 แสนคัน ซึ่งค่อนข้างจะเป็นงานที่ถนัดของมาเอคาวะกรรมการผู้จัดการคนใหม่ ที่ผ่านการดูแลตลาดส่งออกปิกอัพอีซูซุ ดี-แมคซ์ และรถอเนกประสงค์อีซูซู มิว-เอ็กซ์จากไทยมาแล้วในช่วงปี 2554-2558 จากการเป็นกรรมการผู้จัดการร่วมอีซูซุ มอเตอร์ อินเตอร์เนชั่น โอเปอเรชั่น ประเทศไทย และยังเคยดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (COO) ที่บริษัท อีซูซุ ออโตโมทีฟ ยุโรป จำกัด ในปี 2551-2554 รับผิดชอบการจัดจำหน่ายปิกอัพอีซูซุ ดี-แมคซ์ในทวีปยุโรปอีกด้วย
“ในส่วนของผลิตภัณฑ์รถอีซูซุที่ได้มีการเปิดตัวรุ่นดี-แมคซ์เครื่องยนต์บลูเพาเวอร์ ปรากฎว่ากระแสการตอบรับยังคงดีต่อเนื่อง จนทำให้ต้องปรับกำลังการผลิตเพื่อไม่ให้ลูกค้ารอรถนาน และในเดือนมีนาคมนี้บริษัทฯ ยังจะแนะนำปิกอัพดี-แมคซ์ บลูเพาเวอร์ เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ใหม่ พร้อมกับเปิดตัวรถอเนกประสงค์พีพีวี อีซูซุ มิว-เอ็กซ์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ใหม่ สู่ตลาดไทยครั้งแรกในโลกด้วย” นาคางาวะกล่าว
ทั้งนี้ปิกอัพ อีซูซุ ดี-แมคซ์ เครื่องยนต์บลูเพาเวอร์ เกียร์เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เป็นการพัฒนาระบบส่งกำลังขึ้นใหม่มาแทนลูกเดิมที่เป็นแบบ 5 จังหวะ โดยปัจจุบันติดตั้งในรถพีพีวีรุ่นมิว-เอ็กซ์ ซึ่งในรุ่นปรับโฉมใหม่จะเปลี่ยนเป็นเกียร์อัตโนมัติใหม่นี้เช่นกัน ส่วนผลกระทบจากการปรับเปลี่ยนโครงสร้างภาษีสรรพสามิตแบบใหม่ รถอเนกประสงค์แบบพีพีวีจะได้รับผลกระทบมากที่สุด ทำให้อีซูซุ มิว-เอ็กซ์ ต้องมีการปรับราคาขึ้นตาม แต่จะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับคู่แข่งในตลาด ขณะที่ปิกอัพไม่ค่อยมีผลมากเท่าไหร่ หรือหากจำเป็นต้องปรับก็จะให้ลูกค้าได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
“แม้ภาพรวมตลาดรถยนต์ไทยจะชะลอตัว ส่งผลให้ยอดขายในประเทศของอีซูซุลดลงตามสภาวะตลาดบ้าง แต่เชื่อว่าตลาดปิกอัพโดยรวมจะไม่ลดลงมากเท่ากับรถยนต์นั่ง หรือเก๋ง ทำให้สัดส่วนของปิกอัพในตลาดรถไทย จะปรับเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 50% จากเดิมจะอยู่ที่ 44-45% และผลจากการแนะนำรถรุ่นใหม่ของอีซูซุสู่ตลาด แต่ยังเชื่อว่าอีซูซุจะสามารถครองส่วนแบ่งตลาด หรือแชร์ในตลาดรถยนต์รวมอยู่ที่ประมาณ 18% ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา”
นับเป็นการเปิดเผยงแผนงานและกลยุทธ์ของอีซูซุอย่างชัดเจน ถึงแนวทางรับมือคู่แข่งและสภาวะการชะลอตัวของตลาดรถยนต์ไทย และมาดูกันว่ากระแส “1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์” ทั้งในปิกอัพดี-แมคซ์ และรถอเนกประสงค์พีพีวีรุ่นมิว-เอ็กซ์ ใหม่ ที่กำลังจะเปิดตัวเร็วๆ นี้ จะช่วยปั่นยอดขายอีซูซุให้ฝ่าตลาดตกต่ำไปได้ตามเป้าหมายหรือไม่?!
MU-X ตัวเริ่มต้นเครื่องยนต์ดีเซล1.9 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ขับเคลื่อนสองล้อ 1.094 ล้านบาท ส่วนตัวท็อปเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ขับเคลื่อนสี่ล้อ ราคา 1.464 ล้านบาท
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ MGR Motoring
